‘กกต.’แจงทำ‘ประชามติ’แก้รัฐธรรมนูญ’60 กำหนดให้ทุกคนมีสิทธิ์ทั้งใน-นอกประ เทศ มองไม่ใช่เรื่องง่ายให้ประชาชนเข้าใจ
12 กันยายน 2568 ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายวรพงศ์ อนันต์เจริญกิจ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการทำประชามติทั้ง 3 ครั้ง ว่า เป็นจุดหลักที่ทำให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปเสนอแก้กฎหมาย คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติในกระบวนการเพิ่มเติม หากวันออกเสียงการเลือกตั้งทั่วไปหรือเลือกตั้งท้องถิ่น สามารถกำหนดเป็นวันเดียวกันได้ พอบอกว่าการทำประชามติทั้ง 3 ครั้งต้องใช้งบประมาณสูง แต่พอกำหนดให้ใช้ร่วมกันงบประมาณก็ต้องเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งในกระบวนการออกเสียงประชามติ เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่อยู่ในมาตรา 9 พ.ร.บ.ประชามติ ที่จะเริ่มตั้งแต่ที่สภาให้ความเห็นชอบในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และประธานสภาจะส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยต้องพิจารณากำหนดให้ออกเสียงประชามติ การกำหนดนั้นตามที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. บอกไว้ว่าต้องมี กรอบเวลาจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งต้องให้เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน ในการทำประชามติ แต่หากเป็นการออกเสียงการเลือกตั้งทั่วไปก็จะยืดเวลาอาจจะไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน ซึ่งเป็นเฉพาะกรณีที่ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งทั่วไป
นายวรพงศ์ กล่าวว่า กระบวนการออกเสียงประชามติจะเริ่มก่อน โดยแปลว่าหากกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ก็ต้องมีการเตรียมวันยุบสภาไว้ล่วงหน้า ว่าต้องภายในกี่เดือน เพื่อให้กระบวนการต่อท้ายนั้นชนกันได้ แต่กระบวนการประชามตินั้นถ้าเอากระบวนการเต็ม 120 วันช่วงแรก จะเป็นในเรื่องของการเผยแพร่สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ กกต.ต้องทำและจัดให้มีการออกเสียงประชามติโดยในการแก้ไขเพิ่มเติมก็มีหน้าที่ในการเผยแพร่ทั้งร่างรัฐธรรมนูญและสาระสำคัญ คือต้องประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาและต้องทำเอกสารเผยแพร่ส่งไปยังชาวบ้านก่อนวันออกเสียง อีกเรื่องหนึ่งคือการที่กำหนดให้กกต. มีหน้าที่เผยแพร่ขั้นตอนการออกเสียงประชามติด้วยซึ่งกกต.ต้องทำหน้าที่เผยแพร่ขั้นตอนการออกเสียงทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่าการออกเสียงประชามติมีขั้นตอนกระบวนการอย่างไร ซึ่งการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้การออกเสียงเป็นหน้าที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงก็ต้องหน้าที่ไปออกเสียงทุกคน
นายวรพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นต่อมาในการออกเสียงประชามติที่ผ่านมาทั้งสองครั้งจัดภายในประเทศโดยไม่มีการลงคะแนนเสียงนอกราชอาณาจักรแต่ตามพรบ.ฉบับใหม่ที่ระบุว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งต้องจัดให้มีการออกเสียงนอกราชอาณาจักรด้วยนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเกิดขึ้นโดยเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นและต้องขอให้สื่อมวลชนได้สื่อสารให้ประชาชน ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงได้เข้าใจว่าไม่เหมือนในอดีต ส่วนอีกเรื่องคือการจัดให้มีแสดงความคิดเห็นที่หากมีฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบนั้นเป็นโจทก์ที่เป็นหน้าที่ของกกต. เพื่อรองรับกฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่ซึ่งหากดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายทั้งการจัดเวทีดีเบสและต้องกระจายให้ทั่วพื้นที่และกฎหมายใหม่ที่ระบุเรื่องเกณฑ์ออกเสียงว่าใช้เกณฑ์จังหวัดเป็นเกณฑ์ออกเสียงแต่ในกฎหมายใหม่นั้นให้ใช้เกณฑ์ประเทศเขตจังหวัด เขตอำเภอเป็นเขตออกเสียงได้ หากในอนาคตมีประเด็นที่ต้องทำประชามติในท้องถิ่นในถิ่นหนึ่งก็สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกันโดยอันนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นตามร่างของฉบับใหม่
เมื่อถามว่าการแก้ไขประชามติเปิดให้ทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปนั้นอยู่ในมาตราไหน การแก้ไขก็ต้องเข้ากระบวนการตามปกติก่อนใช่หรือไม่ นายวรพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างตามกฎหมายซึ่งผ่านสภาไปแล้วทางฝ่ายการเมืองก็ ให้ข่าวว่าผ่านสภาไปแล้วเราต้องมาคุยกันแต่ทาง กกต. ก็ต้องร่าง Hrabec กันจัดการออกเสียงนั้นปกติจะเป็นอย่างไรจัดพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปนั้นเป็นอย่างไรซึ่งวิธีการจะแตกต่างกันและยกตัวอย่างว่ากฎหมายกำหนดให้แต่ละเขต แต่ละในกรณีจัดการเลือกตั้งพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปก็จะพิจารณาในเกณฑ์ส.ส. ว่าเกี่ยวกับเขตหรือไม่เพื่อให้เร็วในการบริหารจัดการและใช้บุคลากรกลุ่มเดียวกันใช้ที่ออกเสียงที่เดียวกันซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการออกแบบกระบวนการอยู่
“คาดว่าจะมีความชัดเจนจะได้ทำความเข้าใจและชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบ รวมไปถึงกระบวนการออกเสียงซึ่งอาจจะมีสองประเด็นในบัตรใบเดียวนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนก็เป็นโจทย์ของ กกต. ที่จะต้องวางกระบวนการโดยเฉพาะขั้นตอนลงคะแนนในพื้นที่เลือกตั้งในที่เดียวกันจะทำอย่างไรไม่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกิดความสับสนซึ่งจะเป็นปัญหาเรื่องบัตรเสียหรืออะไรก็ตาม” นายวรพงศ์ กล่าว
นายวรพงศ์ กล่าวว่า อีกประเด็นคือเรื่องการออกเสียงนอกเขตในการเลือกตั้งสส. เรากำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์เพื่อจัดส่งบัตรไปยังนอกเขตได้แต่ผลการออกเสียงนอกเขตนั้นกำหนดให้ลงคะแนนในวันออกเสียงวันเดียวกันโดยสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่เป็นโจทย์และเป็นประเด็นในการสื่อสารทำความเข้าใจให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ถึงแม้ว่าเราจะกำหนดให้ที่ออกเสียงหรือที่เลือกตั้งที่เดียวกันแล้วแต่การเลือกตั้งนอกเขตการเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนการออกเสียงนอกเขตต้องมาดำเนินการภายในวันเดียวกับวันออกเสียง อันนี้ก็เป็นอีกโจทย์ที่ต้องหาแนวทางว่าจะสื่อสารอย่างไรตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียน ขั้นตอนการลงคะแนนเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ
เมื่อถามว่ากรณีการจัดทำคำถามพร้อมกันสองคำถามและผูกพันถึงผลของคำถามที่สองและมีการยกร่างแก้ไขทั้งฉบับหรือไม่โดยหากเสียงข้างมากไม่คำถามที่สองก็จะไม่มีความหมายทันที ซึ่งหากลงคะแนนพร้อมกันกกต. จะต้องประกาศผลของการออกเสียงคำถามข้อที่สองหรือไม่ นายวรพงศ์ กล่าวว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นซึ่งต้องนำไปศึกษาก่อนว่าจะกำหนดแนวทางเรื่องนี้อย่างไรเพราะในขั้นตอนกระบวนการก็ต้องมีการหารือร่วมกับคณะรัฐมนตรีและทางสภาจะเป็นผู้กำหนดทิศทางก็เป็นข้อสังเกตที่ต้องมาดูกัน
เมื่อถามว่าจะใช้งบกลางหรืองบอะไร นายวรพงศ์ กล่าวว่า เนื่องจากการเลือกสส.เป็นเหตุที่ไม่สามารถคำนวณได้ล่วงหน้า เราไม่สามารถตั้งงบประมาณเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ซึ่งทุกครั้งจะใช้วิธีการของบกลางไปถึงคณะรัฐมนตรีรวมทั้งการทำประชามติในชั้นนี้ทางกกตอยู่ในระหว่างการของบประมาณซึ่งเรามีกฎหมายและระเบียบกับการออกเสียงประชามติเพิ่มเติมที่จะจัดควบคู่กันว่าจะนำมาประกอบร่างอย่างไรอันไหนที่ใช้งบประมาณร่วมกันได้หรืออันไหนที่ต้องเพิ่ม แต่นอกจากกกต.แล้วก็ยังมีหน่วยงานต่างๆที่จะต้องเข้ามาร่วมในการช่วยทั้งสองภารกิจ คือสำนักการปกครอง ที่ช่วยในเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ใช้สิทธิ์ออกเสียงต่างๆมีหน้าที่ที่เกี่ยวกับการประกาศหน่วยการเลือกตั้ง การจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้มีสิทธิ์ออกเสียง
“กกต. ต้องรอความชัดเจนของตัวกฎหมายและรอความเข้าใจ อย่างกระทรวงการต่างประเทศต้องรับผิดชอบเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรซึ่งมีข้อปฏิบัติที่แตกต่างกัน การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจะมีการส่งกลับนับคะแนนในประเทศ หรือการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่กฎหมายกำหนดให้นับคะแนนที่สถานทูตเลย ต้องมีการซักซ้อมทั้งความเข้าใจและให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งขอความร่วมมือไป รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีการดูแลการเลือกตั้ง หรือไปรษณีย์ไทยที่มีการส่งวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้งบัตรเลือกตั้ง ซึ่งต้องมีการชี้แจงความเข้าใจอย่างเข้าใจในภาพรวมกระบวนการเพื่อสามารถครอบคลุมได้ทุกภารกิจ ในเรื่องถัดมาคือปัญหาอุปสรรคจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ที่ต้องออกเดินทางมาตั้งแต่เช้า หน่วยเลือกตั้งตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ดำเนินการนับคะแนนเสร็จจนถึงเวลาส่งที่หน่วยก็ใช้เวลานาน” นายวรพงศ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี