วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568
‘อนุทิน’โต้เปิดด่าน ป้อง‘บิ๊กเล็ก’ไม่ได้พูดขนาดนั้น ยืนยันขั้นตอนยังมีอีกเยอะ

‘อนุทิน’โต้เปิดด่าน ป้อง‘บิ๊กเล็ก’ไม่ได้พูดขนาดนั้น ยืนยันขั้นตอนยังมีอีกเยอะ

วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

อนุทินโต้เปิดด่าน

ป้องบิ๊กเล็กไม่ได้พูดขนาดนั้น

ยืนยันขั้นตอนยังมีอีกเยอะ

กต.ฉะเขมรเมิน3มติGBC

กู้บึ้ม-ถอนอาวุธ-แก๊งคอลฯ

ยาปิดชายแดนไม่มีกำหนด

นายกฯอนุทิน” โต้ข่าว “เปิดด่าน” ชายแดนไทย-เขมร บิดเบือน ป้อง “บิ๊กเล็ก” ไม่ได้พูดชัดขนาดนั้น บอกขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้สั่งอะไรไม่ได้ การกระทำต่างๆ ตอนนี้ถือว่าอยู่ใต้รบ.ปัจจุบัน ย้ำขั้นตอนยังมีอีกเยอะยันคิดถึงคนไทยเป็นหลัก ด้าน‘บัวแก้ว’ลั่นยังไม่เปิดด่าน ถ้าไม่บรรลุ3เงื่อนไข‘ถอนอาวุธหนัก-เก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์’

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมรักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ก็ยังไม่ไดพูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว


หนูโต้ข่าวเปิดด่าน-ชี้ยังมีขั้นตอนอีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกฯกล่าวว่า ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน

เมื่อถามว่าท่าทีของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดีๆจะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกมาก ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้

ถามว่า ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เข้าใจกันอยู่แล้ว

เขมรตึงทหาร-อาวุธยังไม่ควรพูดเรื่องเปิดด่าน

ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงข้อกังวลของสังคมที่มีต่อการผ่อนปรนการเปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ตามข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)เมื่อวันที่ 10 กันยายนว่า สิ่งสำคัญที่ยังน่าห่วงคือ การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่พิพาท แม้จะถือเป็นก้าวหนึ่งของการลดความตึงเครียด แต่การที่กองกำลังทหารยังปักหลักในแนวชายแดน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยผ่าน จำเป็นต้องหาทางออกอย่างจริงจัง

“ยกตัวอย่างกรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ซึ่งยังมีชาวเขมรเข้ามาอยู่อาศัยอยู่ในเขตแดนไทย ถือเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยต้องผลักดันจัดการอย่างเด็ดขาดและถูกต้องตามกฎหมาย หากบุคคลเหล่านั้นจะอยู่หรือจะกลับเข้ามา ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด” นายสิริพงศ์ กล่าว

กองทัพ-คนในพื้นที่ต้องคุยปมเปิด-ปิดด่าน

และว่า สำหรับข้อถกเถียงในสังคมเกี่ยวกับการปิด–เปิดด่านชายแดน กองทัพควรหารือร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อชั่งน้ำหนักทั้งมิติด้านความมั่นคงและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพราะเข้าใจดีว่าผู้ประกอบการต้องพึ่งพาการค้าชายแดน หลายครอบครัวไม่มีเงินเดือนประจำ การค้าขายจึงเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต รัฐบาล และทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องหาทางออกร่วมกัน

“รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อการทำให้ประชาชนกลับมามีชีวิตปกติ แต่เรื่องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศ ต้องปกป้องเต็มกำลัง ขอย้ำว่ากองทัพคือ หน่วยงานด่านหน้าในพื้นที่ชายแดนที่มีบทบาทสำคัญที่สุด จึงควรได้รับอำนาจตัดสินใจตามสถานการณ์” นายสิริพงศ์ กล่าว

นายสิริพงศ์ กล่าวถึงพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ว่า การเข้าร่วมการประชุมที่ผ่านมาเป็นไปตามกรอบของรัฐบาลชุดก่อน เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลใหม่เริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ ท่าทีของ พล.อ.ณัฐพล จะเปลี่ยนไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ที่ยืนยันจะปกป้องแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว

“สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการปฏิบัติการในพื้นที่คือ การสื่อสารต่อสาธารณะในประเด็นข้อพิพาทชายแดน ต้องสร้างเอกภาพ และความเข้าใจร่วมกันในสังคม ไม่ควรมีการปลุกปั่นหรือสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เพราะจะยิ่งบั่นทอนความมั่นคงของชาติในระยะยาว” นายสิริพงศ์ กล่าว

ไทยลุยดันกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเมื่อวันที่ 12 กันยายนถึงผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชาว่า กระทรวงการต่างประเทศยืนยันความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และเห็นชอบร่วมกันในหลายประเด็น ถือเป็นพัฒนาการสำคัญ โดยเฉพาะที่ไทยผลักดันมาตลอด ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์หรือสแกมเมอร์ สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม จะตั้งคณะประสานงานร่วมภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อทำแผนเก็บกู้ทุ่นระเบิดและกำหนดพื้นที่นำร่อง โดยจะเริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน

ส่วนการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชุมมอบให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักการตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศหารือ และตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อทำแผนปฏิบัติการร่วม โดยฝ่ายไทยส่งมอบข้อมูลและพิกัดที่ตั้งของสแกมเมอร์กว่า 60 แห่งในกัมพูชาให้ฝ่ายกัมพูชาแล้ว และจะมีการประชุมประสานงานวันที่ 16 กันยายนนี้ ที่จังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือประเด็นอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงปลอดภัย และความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนมี 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่

1.การถอนอาวุธหนักและอาวุธยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนกับสู่ที่ตั้งปกติตามกรอบเวลา โดยฝ่ายเลขานุการของ GBC และฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) จะหารือภายใน 3 สัปดาห์ การบรรลุข้อตกลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัย และจะช่วยให้ประชาชนของทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่ในชายแดนมั่นใจในการดำรงชีวิตอย่างปกติในชีวิตประจำวันได้

2.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนโดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวและให้ RBC กำหนดแนวทางการบริหารจัดการตามที่ JBC ได้ตกลงกันแล้ว ระหว่างนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย จะร่วมบริหารจัดการสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อย

3.การลดวาทกรรมยั่วยุ ที่ประชุมเห็นความสำคัญหลีกเลี่ยงเผยแพร่ข้อมูลเท็จข้อมูลที่เป็นข่าวปลอม การกล่าวหาและวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ทั้งผ่านช่องทางทางการและไม่เป็นทางการเพื่อลดความตึงเครียดและความรู้สึกด้านลบของสาธารณชน รวมทั้งเพื่อสร้างบรรยากาศที่จะเอื้อต่อการเจรจาโดยสันติวิธี

ลั่นไม่คืบหน้า3เรื่องเปิดด่านแค่แนวคิด

4.การผ่อนปรนให้มีการผ่านแดนบางประเภทและบางจุด มอบหมายให้ RBC หารือความเป็นไปได้ให้มีการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดน โดยเริ่มจากจุดที่มีความตึงเครียดน้อยที่สุด จุดประสงค์หลักคือช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ผู้ประกอบการการค้าชายแดนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไปได้

นายนิกรเดชกล่าวต่อว่า ตามที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ชี้แจงไปแล้ว ยังไม่มีการเปิดด่านขณะนี้และไม่มีการผ่อนปรนส่งสินค้าใดๆ หากไม่มีความคืบหน้าใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การถอนอาวุธหนักจากพื้นที่ชายแดน ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด และปราบปรามสแกมเมอร์ในระดับที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันได้ การหารือ GBC เป็นความสำเร็จในการใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาสองประเทศ แต่สิ่งที่จะทำให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จแท้จริงคือ ความจริงใจปฏิบัติตามข้อตกลงของกัมพูชา การประชุม GBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปกำหนดใน 30 วันหลังจากนี้ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเรียกร้องของญี่ปุ่น หลังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ขอให้เปิดด่านไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจให้คนไทยจำนวนมาก เพราะมองว่าเป็นการกดดันฝ่ายไทย กระทรวงการต่างประเทศจะทำความเข้าใจกับญี่ปุ่นอย่างไร นายนิกรเดชชี้แจงว่า ประเด็นทั้งหมดเกิดขึ้นจากเรื่องห่วงโซ่อุปทานข้ามพรมแดน ทราบว่าญี่ปุ่นเดือดร้อนจากกรณีชายแดนปิด การลงเฟซบุ๊กเป็นไปเพื่อยินดีที่มีพัฒนาการในเชิงบวก สิ่งที่เราแจ้งและจะทำความเข้าใจกับญี่ปุ่นคือ กระบวนการนี้ใช้เวลา หากดูผลประชุม GBC ดีๆ การเปิดด่านจะมารับพร้อมกับเงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปรับอัตราอาวุธ และการปราบปรามสแกมเมอร์ ตราบใดที่ 3 ข้อนี้ไม่เกิด การเปิดด่านก็เป็นเพียงแนวคิด

ชาวบ้านชายแดนค้าน’เปิดด่าน’ลั่นปิดตายไปเลย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบชาวบ้าน บ้านเขาโต๊ะ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ สอบถามความเห็นของคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาถึงสถานการณ์ชายแดนขณะนี้ ทราบว่า ยังอยู่ในอาการหวาดระแวง สถานการณ์ถือว่ายังไว้ใจไม่ได้ หลังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีชุดใหม่มาบริหาร ชาวบ้านได้ยินมาว่าจะเปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชา จึงอยากฝากไปถึงผู้นำประเทศคนใหม่ ถึงสถานการณ์ดังกล่าว ว่าสมควรแล้วหรือไม่อย่างไร เกี่ยวกับการเปิดด่าน ส่วนใหญ่ชาวบ้านเห็นตรงกันว่า

ไม่อยากให้เปิด อยากให้ปิดไปนานๆ สัก 4-5 ปีไปเลย สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ก็ยังหวาดระแวง ถ้ามีการเปิดพรมแดนตนว่าปิดถาวรไปเลยไม่ต้องเปิด ตอนนี้ทางประสาทตาควาย ยังอยู่ในมือของกัมพูชา ประเทศไทยยังไม่สามารถยึดได้ทั้งหมด สักวันเราต้องยึดคืน และถ้าเป็นไปได้อยากให้ทำกำแพงสูงๆกั้นไปเลย พร้อมกับขอร้องรัฐบาลให้จบปัญหาชายแดนเร็วที่สุด

อ้วน”โยนเปิด-ปิดด่านต้องถามกห.-กองทัพ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน และ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ออกมาระบุว่า การหารือคณะกรรมการ GBC เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมว่า ขออย่าโยนไปโยนมา เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในกรอบที่รัฐบาลและกองทัพ ซึ่งเป็นอันเดียวกันและทำมาก่อนแล้ว ยอมรับว่าการปิดด่านเป็นปัญหากระทบด้านการค้า และขณะนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.มอบให้กองทัพ และกระทรวงกลาโหม ไปดำเนินการ โดยอยู่บนหลักการว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติให้มากที่สุด เป็นกรอบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิมให้ไว้

“ฉะนั้นการตัดสินใจทั้งหมดเมื่อมอบอำนาจไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับกองทัพ โดยในส่วนพื้นที่จังหวัดชายแดนอีสานใต้จะเป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 2 ส่วน จ.สระแก้ว เป็นของกองทัพภาคที่ 1 ขณะที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราดเป็นของกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองทัพจึงเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าจะจัดการปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อราษฎรทั้งสองฝ่ายอย่างไร โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจฝ่ายไทย ดังนั้น จะเป็นอย่างไรต่อก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่เข้ามา ย้ำว่า การจะเปิดหรือปิดด่าน ต้องไปถามกองทัพ และกระทรวงกลาโหม”นายภูมิธรรมกล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top