คนไทยค้าน‘เปิดด่าน’  ห่วงผลเสียมากกว่าผลดี  โพลชี้ความมั่นคงมาก่อน  ไม่ไว้วางใจ‘ผู้นำกัมพูชา’

คนไทยค้าน‘เปิดด่าน’ ห่วงผลเสียมากกว่าผลดี โพลชี้ความมั่นคงมาก่อน ไม่ไว้วางใจ‘ผู้นำกัมพูชา’

วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“ซูเปอร์โพล” ชี้ชัดคนไทยยังไม่อยากให้“เปิดด่าน” สะท้อนว่าปชช.เห็นความมั่นคงและศักดิ์ศรีของชาติมาเป็นอันดับแรก แนะ 4 ข้อถึงรัฐบาล “ชะลอเปิดด่าน–สร้างเงื่อนไขเจรจา–เสริมกลไกสื่อสารสาธารณะ–จัดความมั่นคงเป็นวาระแห่งชาติ” ด้าน“สว.อลงกต” เผยคนในพื้นที่ชายแดน แนะข้อเสนอให้»รัฐบาลเขมร»ชดใช้ค่าเสียหายแก่คนไทยที่ได้รับผลกระทบ แลกเปิดด่านไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 14 กันยายน2568 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยรายงานผลสำรวจเรื่อง เสียงประชาชนต่อการเปิดด่านไทย-กัมพูชา ผลสำรวจที่ค้นพบ สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนเห็นข้อดีของการเปิดด่านในหลายมิติ แต่ตัวเลขส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ50ทั้งหมด


โดยลำดับแรกคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน ได้รับการยอมรับมากที่สุดที่ร้อยละ 38.9 รองลงมาคือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ร้อยละ 33.4 และ การเสริมสร้างสันติภาพชายแดน ร้อยละ 32.8 ขณะที่ แรงงานเข้าระบบถูกกฎหมาย ได้ร้อยละ 24.5 และข้อดีอื่น ๆ เช่น ความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย-กัมพูชา การศึกษา หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้เพียงร้อยละ 18.2 เท่านั้น ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ประชาชนมองเห็นผลเชิงบวกในหลายมิติ แต่ยังอยู่ในระดับ “ค่อนข้างต่ำ” และไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการเปิดด่านได้อย่างชัดเจน

โพลชี้เปิดด่านข้อเสียมากกว่าข้อดี

ผศ.ดร.นพดลกล่าวต่อว่า ที่น่าพิจารณาคือ ผลสำรวจแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ข้อเสียมีน้ำหนักสูงกว่าข้อดีในแทบทุกด้าน โดยร้อยละ 60.7 ของประชาชนระบุว่า การเปิดด่านจะ “ทำร้ายจิตใจคนไทย ทำลายศักดิ์ศรี” เพราะยังไม่พร้อมคืนดีหรือให้อภัยในประเด็นทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์สองประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 57.8 กังวลว่าสินค้าราคาถูกจากกัมพูชาจะทะลักเข้าไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบและเงินทุนไทยไหลออก

ในมิติความมั่นคง ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 56.9 ห่วงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ไทยเคยเผชิญมาแล้ว ขณะที่ ร้อยละ 48.1 แสดงความกังวลเรื่องโรคระบาดและสุขภาพประชาชน หากระบบสาธารณสุขชายแดนไม่พร้อม และร้อยละ 27.4 ระบุข้อเสียอื่น ๆ เช่น ภาระที่เพิ่มขึ้นต่อหน่วยงานรัฐ แรงงานผิดกฎหมาย และการลักลอบเข้าเมือง

ผศ.ดร.นพดลยังชี้ให้เห็นการเปรียบเทียบโดยตรงระหว่างข้อดีและข้อเสียสะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.9 เห็นว่าข้อเสียมีมากกว่า ขณะที่เพียง ร้อยละ 33.4 เชื่อว่าข้อดีมากกว่า และอีก ร้อยละ 7.7 ไม่แน่ใจ ตัวเลขนี้ยืนยันชัดเจนว่า ภาพรวมของสังคมไทยมองว่าการเปิดด่านยังมีความเสี่ยงสูงกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับ

ความมั่นคงชาติต้องมาก่อนกระตุ้นศก.

ที่น่าสนใจคือ ผลโพลย้ำให้เห็นถึงลำดับความสำคัญที่ประชาชนให้ความสำคัญ เปรียบเทียบให้เห็นระหว่าง ความมั่นคงของชาติ กับ การกระตุ้นเศรษฐกิจ พบว่า ร้อยละ 75.4 เห็นว่าความมั่นคงของชาติต้องมาก่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเพียงร้อยละ 24.6 ที่เห็นว่าเศรษฐกิจควรมาก่อน ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่า แม้เศรษฐกิจจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ประชาชนไทยให้ความสำคัญกับ “ความมั่นคงและศักดิ์ศรีของชาติ” เป็นลำดับแรก

นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 77.1 ระบุว่ามีความเชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลยต่อความจริงใจของผู้นำกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาชายแดน ขณะที่มีเพียง ร้อยละ 12.1 ที่เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 10.8 อยู่ในระดับปานกลาง ตัวเลขนี้ชี้ว่า ปัญหา “ความไว้วางใจต่อผู้นำประเทศ” เป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การเปิดด่านถูกมองในเชิงลบมากกว่าบวก

ไม่เชื่อมั่นผู้นำเขมร-ชง4ข้อเสนอรบ.

“ผลสำรวจโดยภาพรวมสะท้อนชัดเจนว่า ประชาชนไทยมอง “ข้อเสียของการเปิดด่านไทย-กัมพูชามีมากกว่าข้อดี” ทั้งในมิติความรู้สึก (ศักดิ์ศรีและจิตใจคนไทย 60.7%) มิติทางเศรษฐกิจ (57.8%) มิติความมั่นคง (56.9%) และมิติด้านสาธารณสุข (48.1%) เมื่อเปรียบเทียบโดยตรง ประชาชน เกินครึ่งหนึ่ง (58.9%) ตัดสินชัดเจนว่าข้อเสียมากกว่า อีกทั้ง ยังยืนยันว่าความมั่นคงของชาติต้องมาก่อน (75.4%) และสะท้อนความไม่เชื่อมั่นในผู้นำกัมพูชาอย่างชัดเจน (77.1% ไม่เชื่อมั่น)” ผศ.ดร.นพดล กล่าว

และสรุปว่า ผลโพลนี้ทำให้เห็นชัดว่า ประชาชนเลือกความมั่นคงของชาติเป็นอันดับแรก และยังไม่เชื่อมั่นในกัมพูชา การเปิดด่านหากปราศจากมาตรการที่รัดกุม จะไม่เพียงแต่สร้างความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมไทยในรัฐบาลเองด้วย ข้อเสนอแนะที่น่าพิจารณา มีดังนี้ 1.ชะลอเปิดด่าน จนกว่าจะมีมาตรการและหลักประกันด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน 2.สร้างเงื่อนไขเจรจา กับรัฐบาลกัมพูชาให้แสดงความจริงใจและความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เช่น การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และแรงงานผิดกฎหมาย ก่อนที่จะเปิดด่าน 3.เสริมกลไกการสื่อสารสาธารณะ ให้ประชาชนเห็นประโยชน์ที่เป็นจริง หากรัฐบาลมุ่งมั่นจะเดินหน้า พร้อมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนของชุมชนชายแดนเป็นกลุ่มความต้องการพิเศษ

4.จัดลำดับความมั่นคงเป็นวาระแห่งชาติในหัวใจของประชาชน ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้การดำเนินนโยบายใด ๆ ไม่กระทบต่อศักดิ์ศรีและความรู้สึกมั่นคงของคนไทย

จี้ชดเชยค่าเสียหายให้เหยื่อปะทะ

นายอลงกต วรกี สมาขิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงข้อเสนอการพิจารณาเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปติดตามการใช้จ่ายงบประมาณเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า มีการเบิกจ่ายงบประมาณถูกต้อง ครบถ้วน แต่เงินเยียวยาที่ได้รับอาจได้ไม่ตรงกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ถึงการเปิดด่านไทย-กัมพูชา คนในพื้นที่ให้ข้อเสนอว่า ถ้าจะให้เปิดด่านจริง ต้องให้รัฐบาลกัมพูชาชดใช้ค่าเสียหายแก่คนไทยที่เกิดความเสียหายตามแนวชายแดนก่อน ทั้งกรณีเสียชีวิต บาดเจ็บ พิการ บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงที่เสียหาย ต้องได้รับการชดใช้จากกัมพูชาให้ครบถ้วน ตามความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น

“ส่วนข้อเสนอให้เขมรร่วมเก็บกู้วัตถุระเบิดกับไทยนั้น เชื่อว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แม้กัมพูชาจะตอบตกลงร่วมเก็บกู้ระเบิด แต่คงเป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ไม่ได้ไปเก็บกู้ร่วมกับไทย แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่ากัมพูชาจะไม่ไปวางกับระเบิดเพิ่ม ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าควรให้รัฐบาลเขมรจ่ายค่าชดเชยการเก็บกู้วัตถุระเบิดให้รัฐบาลไทย ดีกว่าให้มาเก็บกู้วัตถุระเบิดร่วมกัน”นายอลงกตกล่าว

คนสุรินทร์ค้านเปิดเตือนอย่าไว้ใจเขมร

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุรินทร์ว่า ชาวบ้านในหลายอำเภอของจ.สุรินทร์ พบโดรนบินอยู่บนน่านฟ้าของประเทศไทยหลายจุด ตอนแรกชาวบ้านคิดว่าคือ กลุ่มดาว แต่สังเกตแล้วไม่ใช่ จึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน โดยพบเห็นครั้งแรก ตอนหัวค่ำวันที่ 12 กันยายน เป็นต้นมา

ดีเจ โอ่งอาเจาแยย อายุ 61ปี ศิลปินกันตรึมคนดังของ จ.สุรินทร์ ที่พบเจอโดรนเผยว่า ตอนแรกคิดว่าการเจรจาประชุม GBC เป็นไปด้วยดีทุกอย่างและก็จะสงบ แต่ทำไมยังมีโดรนบินว่อนอยู่บนน่านฟ้า จ.สุรินทร์ ไม่ใช่แค่ 1 แต่มาเป็น 10 ตอนนี้ชาวบ้านรู้สึกหวาดผวากลัวกันไปหมดแล้ว ยิ่งมีข่าวว่าจะเปิดด่านให้กับกัมพูชา อยากให้ฟังเสียงของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่สุรินทร์ว่าเขารู้สึกหวาดกลัวแค่ไหนตอนนี้ ขนาดแค่ฟ้าร้องยังพากันตื่นตระหนกเลย

ทั้งนี้ ตนพบโดรนบินมา 10 ลำ ทั้งในเมือง นอกเมืองพื้นที่ชนบท ทุกคนเขาเห็นเหมือนกัน แล้วแบบนี้จะให้มั่นใจได้อย่างไรว่าเขมรไว้ใจได้ จึงอยากฝากว่าให้หยุดได้แล้ว ชาวบ้านทุกคนหวังว่าจะได้นอนหลับสบาย ตอนนี้นอนไม่หลับทำมาหากินก็ยากไปหมด จึงอยากฝากไปทั้งฝั่งเขมร และฝั่งผู้นำไทย ให้คิดทบทวนเรื่องการเปิดด่านให้ดี

เช่นเดียวกับ นายแดง อายุ 73 ปี ชาวบ้านในจ.สุรินทร์เผยว่า อย่าไปไว้ใจพวกเขมร ส่วนเรื่องด่านอย่าเพิ่งเปิดกันเลย ขนาดข้าวสารทุกวันนี้ ยังจะไม่มีหุงกินกัน พวกเขมรมันอดอยากต้องพึ่งไทย อยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่นี้ ให้เด็ดขาดไปเลย ถ้าสั่งยิงก็ยิงไปเลย พวกนี้มันไม่เคยเห็นบุญคุณของประเทศไทยหรอก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top