ยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยางสกัดม็อบเขมร
บ้านหนองหญ้าแก้วเดือด
ตร.คฝ.เอาจริงกระชับพื้นที่
หยุดเขมรคลั่งป่วนรื้อรั้วไทย
ทภ.2ฉะละเมิดหยุดยิงซ้ำซาก
แฉทหารกัมพูชาบุกช่องอานม้า
ทภ.2ฉะเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขนทหาร 50 นายพร้อมอาวุธครบมือนำหัวหน้า ไอโอที เข้าพื้นที่ช่องอานม้า โดยผู้นำเข้าไม่ใช่ “ผช.ทูตทหาร”ตามข้อตกลง ด้าน “ทร.”เปิดพิกัด 17 จุดชายแดนตราด พบฐานทหารเขมรบุกอธิปไตยฉีก MOU43 จับตาเขมรรื้อฐานทหาร 3 จุด ที่บ้านชำราก ส่วนผวจ.สระแก้วหอบหลักฐานยื่นประท้วงผู้ว่าฯบันเตียเมียนเจย ปมชาวบ้านเขมรบุกรื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ลุยฟ้องดำเนินคดี เตรียมตำรวจ คฝ.สระแก้วประจำการพร้อมรับมือม็อบเขมร กระทั่งช่วงเย็นเกิดเหตุชาวเขมร 200 คน บุกรื้อรั้วลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้วอีกระลอก ตำรวจไทยประกาศเตือน-เจรจาแต่ไม่เป็นผล ทำให้ต้องยิงแก๊สน้ำตา-ใช้กระสุนยาง ส่วนเวทีตำรวจไทย-เขมรถกปราบแก๊งคอลฯ 10 ชม.ก่อนได้ข้อสรุป “เขมร”รับทำแผนกวาดล้างภายใน 1 เดือน โดยไทยยึดสถิติแจ้งความออนไลน์วัดผล
เมื่อวันที่ 17 กันยายน กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ชี้แจงกรณีเมื่อวันที่ 13 กันยายน พล.ต.จัน โชะเพียะตรา ผู้บัญชาการกองกำลังทหารประจำจังหวัดพระวิหาร นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) เข้ามาตรวจสอบพื้นที่บริเวณช่องอานม้า (อนุสาวรีย์ตาอม) อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีแล้วเดินทางกลับ โดยแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบล่วงหน้าเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ทภ.2ฉะเขมรนำ50ทหารขึ้นช่องอานม้า
ทั้งนี้ ตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชานำกำลังทหารมากกว่า 50 นาย พร้อมอาวุธปืนพกและอาวุธประจำกายประเภทปืนเล็กยาว เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. การพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่ กัมพูชานำอาวุธประจำกายประเภทปืนเล็กยาว (ปลย.) เข้ามา เป็นการละเมิดข้อ 4 ของข้อตกลงหยุดยิงฯ ที่กำหนดชัดเจนว่า “ไม่กระทำการเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด งดกิจกรรมทางทหารที่ล่วงล้ำเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน” 2. การใช้บุคคลที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง พล.จ.ดาโต๊ะ ปาห์ลาวัลย์ อัสรี บิน ชูคอร์ (Maj.Gen. Dato’ Pahlawan Asri bin Shukor) ผู้อำนวยการกองฝึกอบรม กองทัพบกมาเลเชีย เดินทางมาเป็นหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ทั้งที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำกรุงพนมเปญ เป็นการละเมิดข้อ 12 ของข้อตกลงหยุดยิงฯ ที่ระบุให้การปฏิบัติหน้าที่ของ IOT เป็นไปโดยผู้ช่วยทูตฝ้ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำการที่ไทยและกัมพูชาเท่านั้น
ฉะเขมรไม่จริงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
จากพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ เป็นหลักฐานชัดเจนที่สะท้อนถึงการขาดความจริงใจของกองทัพกัมพูชา ในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงฯ ตามที่ลงนามไว้ทั้งในกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) การกระทำดังกล่าวไม่เพียงละเมิดหลักสันติวิธี แต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้าง สันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
มทภ.1ไปปอยเปต26กย.ถกRBC
แหล่งข่าวความมั่นคงกล่าวถึงกระแสข่าวไทยเตรียมใช้กำลังผลักดันชาวเขมรที่รุกล้ำพื้นที่ บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้วเมื่อวันที่ 26 กันยายนว่า เป็นข่าวคลาดเคลื่อน เนื่องจากวันที่ 26 กันยายน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 (มทภ.1) จะเดินทางไปประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตามกรอบข้อสรุปการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด
รอกก.เจบีซีชุดใหม่แก้ปมบ้านหนองจาน
สำหรับปัญหาคนเขมรรื้อรั้วลวดหนามไทยนั้น แหล่งข่าวความมั่นคงยืนยันว่า หากดำเนินการอีก มีมาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยวันนี้นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย หารือเพื่อแก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย ในจุดหลังเส้นสีแดงบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ข้อพิพาท แต่เป็นอธิปไตยของไทย
“แม้ผลประชุมจีบีซี ให้นำเรื่องการจัดระเบียบชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่งอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทย ไปหารือในการประชุมคณะกรรมการกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งยังรอรัฐบาล แต่งตั้งเพราะชุดเก่าหมดวาระไปกับรัฐบาลชุดเดิม คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควรจึงจะประชุมได้ แต่ระดับพื้นที่ตั้งแต่ผู้ว่าฯสระแก้ว กองกำลังบูรพาเตรียมบังคับใช้กฎหมายไว้แล้ว โดยยกระดับตามสถานการณ์ ไม่ต้องรอการประชุม JBC”แหล่งข่าวความมั่นคงระบุ
ทร.เปิด17จุดชายแดนตราดเขมรล้ำแดน
วันเดียวกัน กองทัพเรือ (ทร.)เปิดเผยภาพกราฟฟิคพื้นที่ 17 จุด ในจังหวัดตราด ที่กัมพูชารุกล้ำเขตแดนอธิปไตยไทย ด้วยการละเมิดข้อตกลงเอ็มโอยู 43 ตั้งแต่ตำบลชำรากตำบลแหลมกัด ตำบลไม้รูด ตำบลคลองใหญ่ โดยประเด็นที่กองกำลังจันทบุรี-ตราด และ หน่วยทหารกัมพูชาได้หารือคือ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นฐานทหารออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณบ้านชำรากทั้ง 3 จุด ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาสแกรมเมอร์และ การเก็บกู้ทุนระเบิดสังหาร ซึ่งกัมพูชาตอบรับข้อเรียกร้องของฝ่ายไทย ซึ่งต้องติดตามผลดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ผวจ.สระแก้วประท้วงเขมรบุกรื้อลวดหนาม
วันเดียวกัน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยหอบเอกสารหลักฐานเดินเท้าข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปยื่นหนังสือประท้วงกรณีชาวกัมพูชาบุกรุกรื้อลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงร่วม GBC ที่ผ่านมา ให้นายอูม เรีย เตร็ย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา โดยนายอูม เรีย เตร็ย ผวจ.บันเตียเมียนเจย พล.ท.เป็จ วันนา หน.สน.ปกท.(หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย)ของกัมพูชา นำคณะมาต้อนรับผวจ.สระแก้ว ที่กลางสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ทั้งนี้ ผวจ.สระแก้ว และ ผวจ.บันเตียเมียนเจยฯได้กล่าวทักทายและจับมือกันอย่างฉันท์มิตรที่ดีต่อกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น จากนั้น ผวจ.สระแก้ว ได้หันไปจับมือทักทายกับ พล.ท.เป็จ วันนา หน.สน.ปกท.พร้อมพูดหยอกล้อว่า พล.ท.เป็จ วันนา เคยป่วยและมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลฝั่งไทย เพื่อบงบอกถึงความมีน้ำใจของไทยที่ให้ความอนุเคราะห์รักษาชาวกัมพูชาที่เจ็บป่วยมาตลอด จากนั้น ผวจ.บันเตียเมียนเจย นำคณะผวจ.สระแก้ว ไปประชุมอาคารด่าน ตม.ปอยเปต ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา
เล็งฟันคดีคนเขมร-ส่งตร.คฝ.รับมือม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนไปหารือและยื่นหนังสือประท้วงต่อผวจ.บันเตียเมียนเจยฯ ผวจ.สระแก้ว เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวงเล็กของฝั่งไทย ที่ห้องประชุมกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อรวบรวมหลักฐานเอกสารที่มีคนเขมรบุกเข้ามารื้อลวดหนามที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ซึ่งเป็นดินแดนไทย
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของไทยเผยว่า ไทยเตรียมมาตรการจับกุมดำเนินคดีกับชาวเขมรที่บุกรุกเข้ามารื้อลวดหนามฝั่งไทย โดยเตรียมกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ตร.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมไว้แล้ว คาดอาจต้องใช้วิธีควบคุมฝูงชนที่เคยปฏิบัติมาจากเบาไปหาหนัก
บ้านหนองหญ้าแก้วเดือดเขมรบุกรื้อรั้วอีกรอบ
ต่อมาเวลา 15.53 น. เพจกองทัพบกทันกระแส โพสต์ข้อความระบุว่า บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เริ่มใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตา หลังชาวบ้านเขมรถือไม้บุกทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทย และระดมมวลชน กัมพูชาละเมิดข้อตกลงและแสดงความเป็นปรปักษ์ โดยกองกำลังบูรพารับแจ้งจากตำรวจควบคุมฝูงชนจังหวัดสระแก้วที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่บริเวณรั้วลวดหนาม หมู่บ้านหนองหญ้าแก้วว่า มีชาวกัมพูชาจำนวน 200 คน พร้อมไม้ยาวประมาณ 3 เมตร เป็นอาวุธประจำกายเข้ามารื้อทำลายลวดหนามที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยวางไว้ หลังเจ้าหน้าที่ไทยได้ประกาศแจ้งเตือนชาวเขมรว่า อย่า ทำลายรั้วลวดหนาม แต่ก็ยังไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ได้เข้าเจรจาประมาณ 30 นาที ก็ไม่เป็นผล
ตร.คฝ.ยกระดับยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง
เวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก เริ่มจากการใช้แก๊สน้ำตายิงเตือนชาวเขมรที่กำลังทำลายรั้วลวดหนาม แต่ฝ่ายกัมพูชาก็ยังไม่ละความพยายามยังคงรื้อทำลายรั้วลวดหนาม เจ้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นต้องใช้กระสุนยาง ซึ่งยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีชาวกัมพูชาบางส่วนได้ล่าถอยออกไป เพราะถูกแก๊สน้ำตา
ล่าสุด แหล่งข่าวหน่วยความมั่นคง ให้ข้อมูลว่า หลังคณะผู้สังเกตการณ์หรือ IOT ที่กัมพูชาพามาลงพื้นที่เดินทางกลับแล้ว ฝ่ายไทยให้เจ้าหน้าที่ทหารไปจัดทำรั้วลวดหนามให้เหมือนเดิม เพื่อป้องกันตัวเอง แต่เขมรขนคนมาสร้างความปั่นป่วน และทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนนี้ให้ตำรวจไทย เฝ้าระวังป้องกันและดำเนินการ เบื้องต้นมีการใช้แก๊สน้ำตา และขณะนี้ยังควบคุมสถานการณ์ได้
ส่งข้าวสาร2พันถุงจากแนวหน้าถึงทหารกล้า
อีกด้านหนึ่ง พล.ท.ชยพณัฐ วิริรัตน์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร รับมอบข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 2,000 ถุง และ ชุด Power Station แบบพกพา ขนาด 250 w จำนวน 40 เครื่อง ซึ่งจัดซื้อจากเงินบริจาคผู้ชมแนวหน้า เพื่อลำเลียงสู่ทหารกล้าที่ทำหน้าที่ป้องกันประเทศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ส่งมอบข้าวสาร สายไฟ และหม้อแปลงเพื่อใช้ในภารกิจป้องกันชายแดนมาแล้ว โดยมีนายผรณเดช พูนศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด และนางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ผู้อำนวยการข่าวแนวหน้าออนไลน์ เป็นผู้ส่งมอบ ซึ่งพล.ท.ชยพณัฐกล่าวขอบคุณผู้ชมแนวหน้าออนไลน์ พร้อมยืนยันว่าสิ่งของตรงกับความต้องการของทหารที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แนวหน้าทั้งสิ้น โดยจะลำเลียงไปถึงจุดหมายโดยเร็วอย่างแน่นอน
ตร.ไทย-เขมรถกแก้แก๊งคอลฯ10ชม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.00 น.วันที่ 16 กันยายน ที่โรงแรมอินโดจีน จ.สระแก้ว พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ Police Cyber Taskforce (PCT) แถลงหลังประชุมกับพล.ต.ท.เซียง ซาริด รอง ผบ.ตร.กัมพูชา หารือแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แสกมเมอร์ ซึ่งใช้เวลาประชุมนานกว่า 10 ชั่วโมง ก่อนลงนามร่วมกัน
เขมรรับปากทำแผนล้างบางชงจีบีซีใน1เดือน
พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ต่อเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในเขมรและมาหลอกลวงคนไทย รวมไปถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในเขมร ที่ประชุมได้พูดคุยถึงปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ และค้ามนุษย์ที่สร้างปัญหาร้ายแรงให้คนไทยเดือดร้อนเป็นวงกว้าง โดยไทยส่งข้อมูลฐานคอลเซนเตอร์ ให้ผู้แทนกัมพูชา ให้ทราบว่าทางการไทยมีข้อมูลว่าฐานคอลเซนเตอร์กัมพูชาอยู่ที่ไหน ซึ่งทางการกัมพูชารับปากทำแผนการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ทางการไทยมอบข้อมูลมาให้ ซึ่งผลการปฏิบัติทั้งหมด จะนำไปรายงานที่ประชุม GBC ที่จะประชุมครั้งถัดไป
ตามผลปราบแก๊งคอลฯจากแจ้งความออนไลน์
ส่วนสาเหตุที่ประชุมล่าช้ากว่า 10 ชั่วโมง เนื่องจากว่า รายละเอียดในหนังสือข้อตกลงเป็นสิ่งสำคัญ ส่งผลให้มีการเจรจาแก้ไขหลายครั้ง ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยทหารไทยจะติดตามการประเมินผลการแก้ปัญหาคอลเซนเตอร์ใกล้ชิด ด้วยการติดตามจากการแจ้งความออนไลน์
ด้านพล.ต.สุรวิทย์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบออนไลน์ ส่งผลให้คนเขมรรวมทั้งคนไทยตื่นตระหนก เนื่องจากในคลิป ระบุจะมีการใช้กำลัง บริเวณพื้นที่บ้านหนองจานในวันที่ 26 กันยายนที่จะถึงนี้ ยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลบิดเบือนมีการตัดต่อ โดยวันที่ตนเองระบุวันที่ 26 นั้น เป็นวันที่ 26 กรกฎาคม ขณะที่มีการสู้รบกันอยู่ หลังจากนี้จะติดตามการร่วมมือตามข้อตกลง GBC ทั้งเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในจ.สระแก้ว การแก้ปัญหาพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจยได้หารือพร้อมตั้งคณะทำงานชุดเล็กระดับอำเภอร่วมแก้ปัญหาคนเขมรบุกรื้อรั้วลวดหนา ก่อนจะนำผลการดำเนินการเสนอที่ประชุม GBC ครั้งถัดไป
ย้ำเปิดด่านควรทำเมื่อเขมรไม่ดื้อกับไทยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปบรรยายพิเศษหัวข้อ “เรื่องเล่าจากแนวหน้าวีรกรรมทหารกล้า ปกป้องแผ่นดินไทย” ให้นักเรียนจากโรงเรียนโรงเรียนสตรีราชินูทิศ และวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี โดยมีคณะผู้บริหาร คณะครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนเข้าร่วมรับฟังเมื่อวันที่ 16 กันยายน จุดแรกที่โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม หลังบรรยายพิเศษ มีนักเรียนชั้น ม.6 ถามถึงกรณี “หลังการปะทะกันแล้วมีการปิดด่าน ปัจจุบันนี้ควรเปิดด่านหรือไม่” พลโทบุญสินตอบว่า ทรัพยากรและสินค้าจำเป็นส่วนใหญ่ของเขมรนำเข้าจากประเทศไทย หากปิดด่าน ฝั่งเขมรจะได้รับผลกระทบอย่างมาก แม้กระทั่งกองทัพเขมรที่ต้องพึ่งน้ำมัน ปูน และเหล็กจากไทย แต่การเปิดด่านโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบอาจย้อนแย้ง เพราะหากเราส่งน้ำมันหรืออาหารออกไป ทหารเขมรก็อาจนำไปใช้รบกับไทยเอง
“การปิดด่านทำให้สิ่งผิดกฎหมายไม่สามารถข้ามมาได้ ขอยืนยันว่าการเปิดด่านควรเป็นมาตรการสุดท้าย ทำได้ก็ต่อเมื่อถึงเวลาเหมาะสม หลังการหยุดยิงและเจรจาระดับรัฐบาลเสร็จสิ้น และเมื่อผู้นำกัมพูชาเข้าใจ ไม่ดื้อกับประเทศไทยแล้ว”แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวย้ำ
ฝากเยาวชนรักษา3สถาบันหลักของไทย
นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนถามต่อว่า “เมื่อทหารไทยชนะการรบและยึดพื้นที่คืนมาได้ เช่น กรณีภูมะเขือ ชัยชนะที่แท้จริงของแม่ทัพคืออะไร” แม่ทัพภาคที่ 2 อธิบายว่า ชัยชนะไม่ได้หมายถึงเพียงยึดพื้นที่คืนมา เช่น ที่ภูมะเขือและช่องอานม้า ซึ่งกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่ไทยมานาน แต่คือการที่ชัยชนะดังกล่าวทำให้คนไทยกลับมามีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อย่างเหนียวแน่น โอกาสนี้พลโทบุญสิน ฝากข้อคิดแก่เยาวชนที่มาว่า “สามสถาบันหลักของชาติคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต้องคงอยู่คู่กับประเทศไทย เพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี คือสิ่งที่พวกเราควรยืนขึ้นเคารพและร้องร่วมกัน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์และความเสียสละของทหารผู้ปกป้องผืนแผ่นดิน”
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังยกตัวอย่างทหารที่สละชีพเพื่อชาติ 15 นาย พร้อมย้ำว่าสิ่งเหล่านี้คือการเสียสละเพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข มีโอกาสเรียนหนังสือและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
เจอ‘ทุ่นระเบิด’สังหารอีก8ลูกที่‘ช่องโดนเอาว์
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ.เผยว่า ได้รับข้อมูลจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุ วันนี้ (16 กันยายน) เวลา 08.00-15.00 น. ทหารร้อย.ร.132 โดย มว.ปล.ที่ 2 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) สำรวจพื้นที่บริเวณช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน จึงได้เก็บกู้และนำเก็บไปเพื่อรอทำลายต่อไป
“การตรวจพบทุ่นระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าเขมรยังมีความพยายามอย่างไม่ลดละ ในการใช้อาวุธต่อกำลังทหารฝ่ายไทย เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน อีกทั้ง เรื่องทุ่นระเบิดควรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะที่ผ่านมาไทยเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งจะทำให้สังคมเข้าใจได้ว่ากัมพูชาไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา”โฆษก ทบ.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี