อย่าหวาดระแวง ‘ภท.’ชี้มีสส.แค่70เสียง ไม่มีสิทธิ์กินรวบ‘สสร.’

อย่าหวาดระแวง ‘ภท.’ชี้มีสส.แค่70เสียง ไม่มีสิทธิ์กินรวบ‘สสร.’

วันพุธ ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

อย่าหวาดระแวง

ภท.’ชี้มีสส.แค่70เสียง

ไม่มีสิทธิ์กินรวบ‘สสร.’

ภราดร”ขออย่าหวาดระแวงกันเอง หลังปชน.ห่วงกินรวบ สว.เลือกส.ส.ร. หวั่น นำไปสู่การตีความเดินหน้าได้ยาก มองเสนอกฎหมาย เห็นต่างกัน เรื่องปกติ เชื่อคุยได้ เพราะมีปลายทางเดียวกัน “ภูมิใจไทย” ยื่นร่างแก้ไขรธน.ต่อประธานสภาฯ 23 กันยายน เตรียมคุย “วันนอร์ - วิป3 ฝ่าย”หารือเคาะวันแถลงนโยบายรัฐบาล คาดไม่เกิน 25 กันยายนนี้ ชัดเจนด้าน“ธรรมนัส” ปัดตอบ จุดยืนแก้ รธน. บอก พรรคร่วมฯต้องคุยกันก่อน เผย “กล้าธรรม” กำลังเตรียมร่างอยู่“พริษฐ์” ลั่นไม่อยากให้เป็น สสร.สีใดสีหนึ่ง

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 23กันยายน 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญ ว่าพรรคภูมิใจไทยได้ทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยเพิ่มหมวด 15/1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และให้สมาชิกได้เข้าชื่อกัน ซึ่งสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยเข้าชื่อใกล้ครบแล้ววันนี้การประชุมพรรคภูมิใจไทย ก็จะได้ลงชื่อเพิ่มเติม แต่ตามรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง1ใน5แต่เรามี 69เสียง ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขได้ จึงต้องขอความเห็นชอบ จากสส.ของพรรคร่วมรัฐบาล เบื้องต้นได้มีการหารือนอกรอบแล้ว และจะมีการรวบรวมรายชื่อ คาดว่าแต่ละพรรคจะมีการประชุมพรรคในช่วงบ่าย ก็จะได้รายชื่อที่ครบถ้วน โดยในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) จะมีการนัดหมายกันเพื่อยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภา เพื่อบรรจุในระเบียบวาระ


เมื่อถามว่า จะมีการใช้โมเดลแบบไหน นายภราดร ระบุว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทย ที่มาของส.ส.ร. พยายามจะแก้ไข เนื่องจากร่างเดิมที่เคยทำไว้ ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งใจว่าส.ส.ร. ต้องมามาจากการเลือกของประชาชน แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงนำร่างมาแก้ไขเพิ่มเติม โดยส.ส.ร. ที่มีการแก้ไขนั้นจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก 77 คน จังหวัดละหนึ่งคน โดยวิธีได้มาคือให้ผู้ที่มีความประสงค์จะลงสมัครส.ส.ร.สมัครผ่านจังหวัดต่างๆ

เบื้องต้นอาจหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้รับผิดชอบ เรื่องการรับสมัคร และเมื่อได้ผู้สมัครแล้วก็จะให้รัฐสภาเลือก เหลือผู้สมัครเพียงหนึ่งคน และส่วนที่ 2 จะจากนักวิชาการด้านต่างๆ โดยคุณสมบัติแบ่งเป็นสามส่วน ประกอบด้วย นักนิติศาสตร์ 7 คน นักรัฐศาสตร์ 7 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ 8 คน รวม 22 คน ซึ่งจะมีรัฐสภาเป็นผู้เลือกในขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้หากรวมสสร.ทั้ง 2 ส่วน ก็จะได้ทั้งหมด 99 คน

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชนเรื่องโมเดลการได้มาของส.ส.ร. อย่างไรบ้าง นายภราดร กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยหารือนอกรอบมาโดยตลอด ทั้งกับนายไชยชนก ชิดชอบ หัวหน้าคณะทำงาน ศึกษาการทำประชามติ ของพรรคภูมิใจไทย และคณะทำงาน เช่น นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย และตน รวมทั้ง นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้หารือกันเบื้องต้น หลังจากที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการตีความ หลังจากที่เราได้ยื่นแก้ไขไปแล้ว

เนื่องจากเรารู้ว่าเวลาของรัฐบาล และเวลาของสภาชุดนี้มีเวลาแค่ 4 เดือน เพราะฉะนั้น หากไปกระทำการที่สูญเสียต่อการละเมิดต่อคำวินิจฉัยของศาล อาจจะนำไปสู่การตีความได้ และเมื่อนำส่งไปสู่การตีความ ก็จะทำให้กระบวนการชะงักหยุดลง และไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ตนจึงคิดว่าทุกพรรค ทุกส่วนต้องมาพูดคุยกันถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่า นายพริษฐ์ ระบุว่าโมเดลการสรรหาส.ส.ร. ของพรรคภูมิใจไทย จะทำให้เกิดการกินรวบ นายภราดร กล่าวว่า ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก และพรรคตนมีเสียง 70 เสียง จะไปกินรวบได้อย่างไร และพรรคประชาชนมีเสียง 140 กว่าเสียง พรรคเพื่อไทย 140 กว่าเสียง และพวกตนจะไปกินรวบได้อย่างไร ในขณะที่เสียงแค่ 70 เสียง

“วันนี้อย่าหวาดระแวงกัน จนเกินไปนัก หากกวาดระแวงเกินไปแทนที่จะเดินหน้า กลับต้องถอยหลัง และเป้าหมายสูงสุดของพวกเราร่วมกันที่จะเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมัวหวาดระแวงกัน จะเดินหน้ากันได้ยาก เพราะเวลามีจำกัดเพียง4เดือน เชื่อว่าทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างจริงใจ เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันคือการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตาม MOA ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้” นายภราดร กล่าว

เมื่อถามว่า หากไม่ให้รัฐสภาเลือกจะใช้วิธีการแบ่งโควตาตามสัดส่วนของสส.ได้หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า การแบ่งเป็นโควตาจะเป็นการกินรวบหรือไม่ ซึ่งการแบ่งเป็นโควตาพรรคที่มีเสียงมาก ก็จะได้สัดส่วนมาก เหมือนในกรรมาธิการ (กมธ.) พรรคที่มีเสียงมากที่สุดก็จะได้สัดส่วนมากที่สุด พรรคที่มีเสียงน้อยก็จะได้สัดส่วนน้อย แบบนี้ต่างกันอย่างไร

เมื่อถามว่า ถ้ายังรู้สึกไม่ลงรอยกันแบบนี้จะไปกันยากหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ยังมีเวลาอีกมาก ก็เป็นแบบนี้เวลาที่มีการเสนอกฎหมายใดๆ ไม่มีใครเห็นเหมือนกันทั้งหมด แต่ละพรรคก็มีความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายปลายทางมีปลายทางเดียวกัน คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะฉะนั้น เมื่อทุกคนมีปลายทางเดียวกัน ก็ต้องเจรจาเพื่อหาแนวทาง เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินไปด้วยกันได้ ไม่ให้เกิดการสะดุดหยุดลงระหว่างทาง

เวลา 16.00น.ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคภูมิใจไทยว่า มีการหารือถึงการยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น โดยช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (24ก.ย.) พรรคภูมิใจไทย และผู้ที่ร่วมลงชื่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด จะยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเนื้อหาคร่าวๆ จะเป็นประเด็นวิธีการสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยจะแยกส่วนทั้งตัวส.ส.ร. และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งวิธีคิดของพรรคภูมิใจไทยคำนึงจากประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความไว้ด้วย

โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมพรรคยังหารือถึงการเตรียมความพร้อมของสส.ในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้พูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว ส่วนวันแถลงนโยบายจะเป็นวันใด วันพรุ่งนี้(24 กันยายน) จะมีการประสานไปยังประธานรัฐสภา วิปฝ่ายค้าน และวุฒิสภา เพื่อกำหนดกรอบการประชุมในเรื่องของวันแถลงนโยบาย ซึ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้พูดคุยกัน และมีการเตรียมความพร้อมแล้วว่าจะประชุมอย่างไรประมาณไหน แต่ขอย้ำว่าจะไม่มีคำที่เรียกว่าองครักษ์พิทักษ์อะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างจะใช้ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาตามที่เห็นสมควรเท่านั้น โดยจะให้สมาชิกได้พูดคุยเรื่องนโยบายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เตรียมไว้อย่างไรก็ตาม ไม่เกินวันที่25ก.ย.นี้ น่าจะมีความชัดเจนเรื่องของวันแถลงนโยบายฯ

ที่พรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคกล้าธรรม ว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องมานั่งคุยกัน ซึ่งตนได้มอบหมายฝ่ายกฎหมายของพรรค มาร่วมหารือในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะโหวตสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทยด้วยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ต้องคุยกันอยู่แล้ว เราอยู่ด้วยกัน ส่วนร่างของพรรคกล้าธรรมนั้น ก็มีร่างที่ทำอยู่

ด้าน นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า โมเดลสสร. ของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากกว่านี้ พรรคเพื่อไทยมีการเปิดให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทน 200 คน ก่อนจะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก แต่อีกส่วนที่มาจากวิชาชีพต่างๆ เข้าใจว่าประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือออกเสียงเลย ขณะที่ฝั่งพรรคภูมิใจไทย ตามข้อมูลที่ปรากฏ เห็นได้ว่าใช้วิธีการเปิดรับสมัคร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดสรรรายชื่อที่จะส่งต่อมาที่รัฐสภา เราจึงอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ส่วนข้อสังเกตที่สอง เราต้องการทำให้ความเสี่ยงของการที่ฝ่ายใดจะกินรวบหรือผูกขาด สสร. หรือคณะกรรมาธิการยกร่าง ให้มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด

เมื่อถามว่าจะกลายเป็น สสร. สีน้ำเงินหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้ สสร. เป็นสีใดสี หนึ่งเลย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด และต้องไม่ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ไม่เช่นนั้นจะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของเสียงข้างมากในสภา กลุ่มเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทนเลย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top