"ยธ."ยืนยัน"ทักษิณ"ยื่นขออภัยโทษรายบุคคลจริง ตั้งแต่ภายหลังเข้าเรือนจำฯ แจงแม้ปี 66 "ทักษิณ"เคยขออภัยโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปีมาก่อนแล้ว ก็สามารถยื่นขอได้ ถือเป็นสิทธิผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกราย ส่วนผลฎีกาเป็นเรื่องของพระราชอำนาจฯมิอาจก้าวล่วง
จากกรณีปรากฏข่าวลือสะพัดว่า ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ก.ย.68 ให้จำคุก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 1 ปี ในคดีชั้นที่ 14 ต่อมาเพียงหนึ่งวัน คือ วันที่ 10 ก.ย.68 นายทักษิณได้มีการยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกระทรวงยุติธรรม จากนั้นเมื่อวันที่ 23 ก.ย.68 กระทรวงยุติธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้มีมติ ยกฎีกาคำร้องดังกล่าว พร้อมส่งเรื่องต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี การพิจารณาดำเนินการเกิดขึ้นในช่วงที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 ก.ย.68 และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 24 ก.ย.68 โดยมีกำหนดแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29 - 30 ก.ย.68 ก่อนที่จะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ
จากกรณีดังกล่าวข้างต้น แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เปิดเผยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายจริง ภายหลังเข้ามาอยู่ในเรือนจำฯ และเรื่องก็ผ่านชั้นกระทรวงยุติธรรมไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องชี้แจงว่า การขออภัยโทษเฉพาะราย ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกรายที่จะมีการยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล โดยเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังเด็ดขาดที่จะดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ ยกตัวอย่างกรณีของ นางนาที รัชกิจประการ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคภูมิใจไทย เมื่อครั้งอยู่ในเรือนจำฯ ก็ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ในการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลนั้น ขั้นตอนมีดังนี้ 1.ผู้ต้องขังเด็ดขาด หรือผู้มีประโยชน์ อาทิ บิดา มารดา คู่สมรส บุตรของผู้ต้องขัง ยื่นเรื่องผ่านเรือนจำ/ทัณฑสถาน จากนั้นเรือนจำ/ทัณฑสถาน จะสอบสวนเรื่องราวทูลเกล้าฯ รวบรวมเอกสาร และส่งต่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อกรมราชทัณฑ์ประมวลข้อเท็จจริง และสรุปเรื่องเพื่อประกอบการถวายความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จากนั้นความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จะถูกส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อด้วยสำนักงานองคมนตรี และเมื่อมีผลฎีกาอย่างไร ก็จะมีการแจ้งผลฎีกามายังเรือนจำ/ทัณฑสถาน ต่อไป
แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม เผยอีกว่า การยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล ไม่ว่าจะระดับชั้นเรือนจำ/ทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เมื่อได้รับเรื่องราวทูลเกล้าฯ ของผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว จะไม่สามารถเก็บคำร้องไว้ได้ จะต้องมีการเสนอไปตามลำดับชั้น ซึ่งความเห็นของชั้นต่างๆ จะมีเเค่ "เห็นควรอภัยโทษ" หรือ "โทษทัณฑ์ที่ได้รับเหมาะสมแล้ว" แต่โดยหลักการแล้ว เรื่องการพระราชทานอภัยโทษลดโทษอย่างไร เป็นเรื่องของพระราชอำนาจฯ ที่มิอาจก้าวล่วงได้
แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม เผยต่อว่า สำหรับประเด็นสงสัยว่าการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ต้องขังสามารถยื่นขอซ้ำอีกได้หรือไม่นั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่ นายทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 ก็เคยมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปแล้ว ซึ่งจากโทษรวม 8 ปี ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ตนขอเรียนว่า อาจเป็นความเข้าใจของผู้ต้องขังว่าตนนั้นได้รับโทษไปแล้ว เพราะก็คือการรับโทษมาแล้ว 1 ปี แม้ว่าจะเป็นการไปรักษาตัวนอกเรือนจำฯ ที่ รพ.ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้มีการออกไปภายนอกสถานที่รักษาตัวแต่อย่างใด คราวนี้ล่าสุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้มีคำพิพากษาว่าไม่ได้รับโทษ จึงต้องบังคับโทษ 1 ปี นั้น ตนจึงไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหาว่ามีการยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายอย่างไรบ้าง เพราะรายละเอียดเงื่อนไขของผู้ร้องอาจแตกต่างกันในแต่ละครั้ง แต่ถ้ามองตามปกติแล้ว ผู้ต้องขังมักจะเรียบเรียงเรื่องราวของตนถึงเหตุผลว่าเหตุใดจึงประสงค์ยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี