ว่าที่ผบ.ทร.ลั่นรักษาอธิปไตยไทย
พร้อมใช้ไม้แข็ง
หากเขมรไม่ย้ายออกจากพื้นที่รุกล้ำ
‘สีหศักดิ์’ปลื้มแจงเวทีโลก
เชื่อนานาชาติเข้าใจมากขึ้น
นายกฯย้ำหนุนทหารเต็มที่
นายกฯหารือ ผบ.ตร.เสริมกำลังช่วยทหารชายแดน เตรียมพร้อม“ศูนย์อพยพ-เสบียง”หากสถานการณ์ตึงเครียดนายกฯ คุย ผบ.ตร. เสริม ตชด.-ฝ่ายปกครอง ช่วยทหารชายแดน ยันเตรียมพร้อมศูนย์อพยพ-เสบียง หากเกิดสถานการณ์ตึงเครียด ย้ำพร้อมให้การสนับสนุน ขาดเหลืออะไรขอให้แจ้งมา ด้าน“สีหศักดิ์” ลั่นทำเต็มที่ในเวทีโลก หลังกัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริง ย้ำไทยพร้อมเดินหน้าสู่สันติภาพ-ไม่ปิดประตูเจรจา ขอความจริงใจ ย้ำทำฝ่ายเดียวไม่ได้ เชื่อนานาชาติเข้าใจ ขอบคุณเสียงชื่นชม ดีใจได้ทำหน้าที่ กองทัพเรือไล่บี้กัมพูชารื้อกาสิโนบ้านท่าเส้น-ทมอดา จ.ตราด ลั่นพร้อมใช้ไม้แข็ง หากไม่ได้รับความร่วมมือจากเพื่อนบ้านกรณีรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย
เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 29 กันยายน 2568 ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่นายกฯเตรียมลงพื้นที่จะไปดูในส่วนไหนบ้าง ว่า ตอนนี้พื้นที่ที่มีความตึงเครียดอยู่ตั้งแต่จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับทางกัมพูชา ตนได้ประสานฝ่ายกองทัพ และตอนนี้เราจะเสริมทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองด้วย
ทั้งนี้ เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)โดยท่านได้รายงานว่าจะเสริมเรื่องตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปช่วยพี่น้องทหาร นอกจากนี้ตนหารือกับพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพที่รับผิดชอบอยู่ตรงนั้น โดยจะจัดให้มีการพบกันทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายทหาร เพื่อแบ่งแยกหน้าที่ในการดูแลประชาชน
ย้ำไฟเขียวทหารดูแลอธิปไตยเต็มที่
“หากสถานการณ์ตึงเครียดเราก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องศูนย์อพยพและศูนย์พักพิง เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนของเราปลอดภัย แต่การอพยพออกมาแล้ว ผมได้ให้เป้าหมายไปว่า สิ่งที่ประชาชนจะรู้สึกแตกต่างแตกต่างจุดเดียว คือ ไม่ได้นอนที่บ้าน การใช้ชีวิตคุณภาพชีวิต อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่มและที่นอนจะต้องมีมาตรฐาน รวมถึงในเรื่องอินเทอร์เน็ต กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) จะต้องมีรถโมบายเข้าไปเพื่อให้ประชาชนสามารถลดความตึงเครียด และให้ความร่วมมือกับทางการมากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีมาตรการตอบโต้อย่างไรเพราะทางกัมพูชามีการยั่วยุรายวัน นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้ตนไฟเขียวให้ทางกองทัพมีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องการรักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่
เมื่อถามต่อว่าล่าสุดมีข่าวว่าทหารขาดแคลนข้าวสารจนต้องกินมาม่ากับปลากระป๋อง ได้รับรายงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ได้แจ้งท่านไปแล้วว่าหากขาดเหลือสิ่งใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปดูแลกำลังพล ให้มีขวัญกำลังใจที่สมบูรณ์พร้อมรบ ก็ขอให้แจ้งมาเราจะสนับสนุนในทุกวิถีทาง
“สีหศักดิ์”เชื่อนานาชาติเข้าใจไทยมากขึ้น
เมื่อเวลา 08.35น.ที่รัฐสภา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับจากการร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA ถึงการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเวทีนานาชาติ ว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ได้แสดงท่าทีของไทย ส่วนเสียงชื่นชมยืนยันว่าทำตามหน้าที่ และดีใจที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่
ส่วนการพูดคุยวงเล็กที่มีประเทศสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ร่วมพูดคุยด้วยนั้น นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอนว่าประเทศเหล่านั้นก็อยากให้สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งเราได้มีการชี้แจงในท่าทีของเรา
เมื่อถามว่าทำให้นานาชาติเข้าใจท่าทีของประเทศไทยมากขึ้นหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า “ใช่ครับๆ เพราะจริงๆ แล้วที่ผ่านมาเขาก็นำเสนอฝ่ายเดียว เพื่อสร้างความได้เปรียบของเขา ทั้งที่ก็คุยกับกัมพูชาแล้วว่าเราพยายามมองไปข้างหน้า หาช่องทางคุยกัน และสิ่งที่เราตกลงกันก็ควรจะมีการปฏิบัติและนำเสนอความจริง แต่เมื่อกัมพูชากล่าวถ้อยแถลง กลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุยกัน ตนก็จำเป็นที่จะต้องชี้แจงว่าท่าทีของเราเป็นอย่างไร”
เมื่อถามว่า ได้มีการเช็คเสียงนานาชาติหรือไม่ ว่าให้น้ำหนักไปในทางใด นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เราได้พูดตามความเป็นจริง นานาชาติน่าจะเข้าใจ
ไม่ปิดประตูเจรจาเขมร
เมื่อถามว่าผลต่อเนื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนขอพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รวมถึงฝ่ายความมั่นคงก่อน แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์ เพราะทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งภายหลังการลงจากเวทีก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับกัมพูชาได้หรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เราพร้อมจะคุย แต่การคุยสิ่งที่ตกลงก็ต้องทำตามนั้นเพื่อความจริงใจ ซึ่งเราไม่ได้ปิดประตู
“แต่อย่างที่บอกว่าทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง คือ จะไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้น นำไปสู่ความสูญเสีย หรือจะคุยกันเพื่อนำไปสู่ความปลอดภัยและสันติภาพ และในฐานะเพื่อนบ้านก็ควรจะคุยกันตามกรอบทวิภาคี ไม่มีความจำเป็นที่จะยกระดับสู่เวทีระหว่างประเทศ แต่หากจะนำไปสู่เวทีระหว่างประเทศก็ทำได้ แต่ไม่ควรบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ในการคลี่คลายสถานการณ์” นายสีหศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า 4 เดือนจากนี้ ท่าทีของรัฐบาลต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชาจะเป็นอย่างไร นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับกัมพูชาด้วย เพราะท่าทีของไทยชัดเจน เราอยากเดินเข้าสู่เส้นทางสันติภาพ แต่เดินฝ่ายเดียวไม่ได้
ทร.ไล่บี้กัมพูชารื้อกาสิโนรุกล้ำ
ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิมพล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอาคารกาสิโนของกัมพูชา ที่รุกล้ำพื้นที่บ้านท่าเส้น-ทมอดา จ.ตราด จะรื้อถอนหรือไม่ ว่า ที่ผ่านมาเรากดดันมาตลอด เราได้รับข้อมูลว่าถ้ายังไม่ชัดเจนก็ไม่ต้องให้คนเข้าใช้ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่มีการเข้าใช้ประโยชน์อาคาร แต่ต้องเจรจาและกดดันเพิ่มมากขึ้น เพราะในบริเวณนั้นฝ่ายกัมพูชาเริ่มก่อตั้ง ต้องกดดันให้เขาพิจารณาทำลาย
เมื่อถามย้ำว่ามีการมองว่าเป็นการสร้างในพื้นที่ของไทย ต้องเป็นฝ่ายกัมพูชารื้อถอนหรือฝ่ายไทย ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วหรือไม่ ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ขณะนี้เราต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เพราะหน่วยงานความมั่นคงก็ดูเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว ส่วนการเจรจาก็จะมีกระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ ต้องเจรจากดดันต่อไป ขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือปล่อยให้อยู่ตรงนั้นชั่วนาตาปี แต่จะใช้มาตรการกดดันให้เข้มข้นขึ้น
เมื่อถามย้ำว่ามีการมองว่ามีความเกรงใจเพราะมีชื่อนักการเมืองฝั่งไทยเกี่ยวข้องนั้น ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า อันนี้ผมขอให้หน่วยงานในพื้นที่เขาทำ เราหน่วยงานความมั่นคงขอเน้นไปที่เรื่องการปกป้องอธิปไตย
ใช้เป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกันได้
สำหรับพื้นที่อาคารกาสิโนที่ท่าเส้นว่าที่ ผบ.ทร.ระบุอีกว่า ต้องพิจารณาข้อตกลงที่จะพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาจะออกมาอย่างไร ระบบตรวจการณ์ของเราไม่ได้ขึ้นไปทุกวัน เพราะพื้นที่ฝั่งเราอยู่บนเหวมากกว่า แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นพื้นราบ จึงต้องรอบพอสมควร ซึ่งถ้าสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่ถ้าใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ได้ และพูดคุยร่วมกันไม่ได้ เราก็ต้องคงต้องหาวิธีกดดันผ่านวิธีใดวิธีหนึ่ง
เมื่อถามย้ำว่าหากจะใช้ประโยชน์ร่วมกันจะเป็นรูปแบบใด ผบ.ทร. กล่าวว่า เราไม่ได้มองว่าจะเอาไปทำกาสิโน ผมมองที่อาคารอย่างเดียว ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกันได้ อาจเป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกันได้ ผมมองอย่างนั้น ผมไม่ได้มองว่าตรงกันเป็นกาสิโน ผมมองว่าเป็นอาคาร เราผลักดันไม่ให้ใครมาใช้อาคาร
พร้อมสนับสนุนผลักดันกัมพูชาอพยพ
เมื่อถามว่านอกจาก17 พื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำขึ้นมา มีพื้นที่อื่นๆ เพิ่มอีกหรือไม่ ว่าที่ ผบ.ทร.กล่าวว่าจากการตรวจสอบไม่มีการมาเพิ่ม แต่บางจุดเราประท้วงเขาก็หยุดสร้าง แต่บางจุดเราประท้วง เช่น บางคูเลตเขาก็กลบ ถนนบางสายเมื่อเขาทำแล้ว ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เลี้ยวมาในไทย เขาก็หลีกเลี่ยงไปทางอื่น แต่ส่วนใหญ่ฐานที่มั่นทางทหารก็จะมีที่บ้านชำรากเท่านั้น
เมื่อถามว่าเหล่าทัพต้องมีการหารือร่วมกันวางแผนชายแดนอย่างไรบ้าง ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพต้องหารือร่วมกันและประสานแผน ทั้งกองทัพภาคที่1-2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เพื่อทำไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้ทวีกำลังในการกดดันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัฐบาลก็จะกำหนดเรื่องเศรษฐกิจและการทูต ในการทหารก็จะกดดันพร้อมกันไป เพื่อให้การทวีกำลังในการกดดันได้ผลมากขึ้น
เมื่อถามถึงการขีดเส้นพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว วันที่ 10 ต.ค.นี้ ให้ชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ทาง ทร. จะสนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 อย่างไรบ้าง ว่าที่ ผบ.ทร. กล่าวว่า เราพร้อมเพราะมีการประสานแผนตลอด ผบ.กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รายงานอยู่ตลอด ซึ่งพุดคุยกับกองทัพภาคที่ 1-2 ถือว่าเราได้ประสานการปฏิบัติ เราทำงานจังหวะของการเดิน ก็ต้องไปด้วยกัน
ส่วนรูปแบบการทำงานของ ผบ.ทร. เป็นอย่างไร พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า “เข้มข้นมาทุกยุคแต่จะมุ่งเน้นในจุดไหน ผมมีประสบการณ์ปฏิบัติการทางบก ดูในเรื่องการประสานแผน กำหนดยุทธศาสตร์ ก็จะต้องการปฏิบัติของน้องๆ และหน่วย”
มุ่งรักษาอธิปไตย-ผลประโยชน์ชาติ
ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.ไพโรจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหลังเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทร.จะมีการสานต่อเรื่องใดบ้าง ว่า นโยบายหากมีความต่อเนื่องจะทำให้กองทัพมีความยั่งยืน นโยบายที่ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.คนเก่า ได้กำหนดไว้มีหลายเรื่อง และดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็เป็นนโยบายที่ดีที่เราต้องสานต่อ และนโยบายก็สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ เช่น นโยบายเรือดำน้ำ นโยบายเรือฟริเกต ที่มีการผลักดันให้ดำเนินการต่อได้โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เช่น นำอากาศยานไร้คนขับทุกประเภทมาดำเนินการต่อ ซึ่งเราก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า กองทัพเรือยืนยันในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติตามที่ได้มีการประกาศไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 ในพื้นที่ทางทะเล และข้อตกลงที่อยู่บริเวณบนบกที่เรารับผิดชอบประมาณ 250 กิโลเมตร ที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่มีชาวกัมพูชาอยู่ในพื้นที่ ยกเว้นชาวกัมพูชาที่เข้ามาอยู่ก่อนแล้ว และอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีชาวกัมพูชาทำงานอยู่บ้างประปราย แต่ได้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในทางทะเล เช่น เกาะกูด เรายืนยันในการรักษาพื้นที่แนวเส้นอาณาเขตทางทะเลที่เรา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 เรายืนยันที่จะดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามนั้น
เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์
พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องความพร้อมที่จะให้กำลังทั้งทางเรือและทางบกในพื้นที่จันทบุรีและตราดที่เรารับผิดชอบนั้น เราก็จะสั่งการให้มีความพร้อม ซึ่งตนก็ได้สั่งการไปแล้วว่าให้ดำเนินการตรวจสอบแผนรายละเอียด และหากมีการขยายสถานการณ์เราก็มีความพร้อม โดยเราก็เพิ่มเติมยุทโธปกรณ์ให้กับกำลังของเรา ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ โดรนโจมตี และแอนตี้โดรน รวมถึงระบบตรวจการกลางคืน เราก็ส่งไปยังพื้นที่ที่มีการจัดสรรงบประมาณ ส่วนกำลังทางทะเลเราก็ให้มีการฝึกเพื่อที่จะให้สนับสนุนกำลังทางบกของเราได้ เพราะจากที่เราประเมิน ศักดิ์สงครามของเราทางทะเลค่อนข้างสูงกว่าฝ่ายกัมพูชา เพราะที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรือรบที่มีปืนใหญ่สามารถระดมยิงอีกฝั่งนั้นได้ ตรงนี้เราก็จะให้มีการฝึกเพื่อที่จะให้มีการสนับสนุนกำลังทางบกไปในตัวด้วย
ลั่นใช้ไม้แข็งหากเขมรไม่ร่วมมือ
เมื่อถามว่า กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี ตราด เข้ายึดพื้นที่ฐานทหารเดิมทั้ง 3 หลัง เป็นการสร้างความมั่นใจให้ด้วยใช่หรือไม่ว่าเราจะสามารถดูแลพื้นที่ของเราได้ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า เป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้รับทราบว่าเราจะรักษาเส้นเขตแดนที่เป็นของเรา ส่วนบ้าน 3 หลังหรือบริเวณอื่นๆ กองทัพเรือก็พยายามกดดันมาตลอด จนมีการรื้อถอนออกไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราสามารถดำเนินการได้ทั้ง 3 หลัง ส่วนที่อื่น เช่น คูเลต หรืออาจเป็นการลุกล้ำไปสร้างถนน หรือสร้างคูเลตเข้ามาฝั่งไทย เราก็จะเข้าไปเจรจาเพื่อให้กัมพูชาเปลี่ยนเส้นทาง และกลบคูเลต ให้เป็นไปตามข้อตกลงที่มีอยู่ร่วมกัน
เมื่อถามว่าจะเริ่มด้วยการเจรจาก่อน หากไม่ร่วมปฏิบัติ ก็จะใช้ไม้แข็งใช่หรือไม่ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ครับ เรากดดันมาตลอดตั้งแต่กองทัพเรือเริ่มตรวจพบ ก็ได้มีการประท้วงและกดดัน แล้วที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีผลการตอบรับสักเท่าไหร่กับฝ่ายกัมพูชา แต่ช่วงหลังมานี้สถานการณ์มีความเข้มข้นขึ้น กัมพูชาก็ยอมรับในบางจุดมีการรื้อถอนออกไปบ้างและระงับการดำเนินการในแทบทุกจุด
ทภ.2แจงไม่ขาดแคลนเสบียง
เพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความ ชี้แจงเพื่อสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนว่า กำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รับการดูแลอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น โดยมีเสบียงเพียงพอ ไม่มีการขาดแคลนตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด ทั้งนี้ แม้ในช่วงเวลานี้จะมีฝนตกหนัก เส้นทางบางจุดเกิดความยากลำบากต่อการเดินทาง แต่กองทัพภาคที่ 2 ได้จัดกำลังพลและยานพาหนะสนับสนุนในการลำเลียงเสบียง น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังพลทุกนายมีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม ได้รับการดูแลทั้งด้านร่างกายและขวัญกำลังใจอย่างครบถ้วน ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า กำลังพลทุกนายได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เราไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและประชาชนด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี