ดีเดย์29ต.ค.
เงินคนละครึ่งเข้ากระเป๋าปชช.
คลังเปิดให้ลงทะเบียน20ต.ค.
“อนุทิน”ยันเดินหน้า“คนละครึ่ง” ได้เลย สัปดาห์หน้าเข้า ครม.ใช้งบกลาง กระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมตัวลงทะเบียน เริ่มตุลาคม “ขุนคลัง” เผยเงิน“คนละครึ่ง” เข้ากระเป๋า 29 ตุลาคมนี้ นำหลักการเข้าครม.สัปดาห์หน้า เปิดวันลงทะเบียน “คนละครึ่ง” 20 ตุลาคม ใช้ได้ 29 ต.ค. เปิดขั้นตอนใช้สิทธิ์ ระยะเวลาใช้ได้ 2 เดือน หลังครม.ล้างท่องบฯ68 เกือบ 6หมื่นล้าน แจก‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-ใช้หนี้ ธ.ก.ส.’ 13 ล้านคนเฮ!ครม.อนุมัติ เติมเงิน‘บัตรคนจน’2 เดือน รวม 1,700 บาท ไม่เกี่ยว‘คนละครึ่ง’
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยยืนยันว่า สามารถดำเนินการโครงการคนละครึ่งได้ภายในเดือนตุลาคมอย่างแน่นอน โดยในสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรี(ครม.)เปิดลงทะเบียนไม่เกินกลางเดือนตุลาคม ส่วนงบประมาณดำเนินการ จะใช้งบฯกลางของปีงบประมาณ 2569 เพื่อขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ
“กันงบฯกลางไว้แล้ว นำออกมาใช้ให้พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการเข้าโครงการได้เลย”นายอนุทินย้ำ
ด้าน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังให้สัมภาษณ์ถึงไทม์ไลน์โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลว่าในสัปดาห์หน้า ตนจะนำหลักการของโครงการนี้ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียน เพื่อใช้สิทธิ์ ซึ่งเราจะใช้รูปแบบเดิม ที่ประชาชนคุ้นเคยอยู่แล้ว และจะสามารถใช้สิทธิ์ได้ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมนี้ โดยจะมีระยะเวลาใช้ได้ 2 เดือน
ทั้งนี้ อย่างที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โครงการนี้จะเป็นพลัสใน 2 มิติ คือโครงการคนละครึ่ง ตอนนี้ โอกาสหน้าจะเป็น 200 บาทต่อวัน เพื่อทำให้ Quick bigwin ควิกคือเร็ว สามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เลยในสัปดาห์หน้า บิ๊ก คือจากเดิมสมทบ 150 บาทเพิ่มเป็น 200 บาท วิน คือ ให้ประชาชนร้านค้า ซึ่งของเดิมเข้าได้ แต่ครั้งนี้พิเศษ จะเพิ่ม ให้นิติบุคคลขนาดเล็กรายย่อยเข้าได้ด้วย ซึ่งเกิดมาจากการที่เราได้รับฟังเสียงประชาชน ขณะเดียวกันคนที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รู้สึกว่าได้ เงินก็จะกระจายไปสู่พ่อค้าแม่ค้า
นายเอกนิติ กล่าวถึงส่วนคนละครึ่งพลัส อย่างที่เราทราบอยู่แล้ว คนที่ยื่นภาษีในระบบจะได้เงินมากกว่า 2400 บาท ซึ่งมากกว่า เพราะเงินนี้มาจากผู้ที่เสียภาษีประชาชน ซึ่งจะทำให้คนที่ เสียภาษีรู้ว่าการเสียภาษีก็มีประโยชน์และทำให้เราจะได้เห็นหลักการปฏิรูประบบการคลัง สุดท้ายเป็นเรื่องของพลัสที่เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะ ให้คนไทยพ่อค้าแม่ค้า ได้รู้จักดิจิทัล รวมไปถึง E-commerce ระบบบัญชี ซึ่งเป็นการยกระดับความสามารถ
เมื่อถามว่าข้อจำกัดระยะเวลาเพียงสั้นๆจะเป็นแรงส่งให้กับระบบเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน นายเอกนิติกล่าวว่า เราออกแบบแรงส่งมา 2 รูปแบบโดยจะเห็นได้ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ ได้อนุมัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ด้วยการเติมเงิน เพิ่มเข้าไป 1,700 บาทจากเดิมที่ได้ 300 บาทรวมเป็น 2000 บาท ให้กับคนจำนวน 13.4 ล้านคน เพราะคนกลุ่มนี้มีรายได้น้อยไม่มีเงิน ไปสมทบ จึงทำให้ได้สิทธิ์เหมือนกับโครงการคนละครึ่ง ส่วนผู้ที่อยู่ในโครงการคนละครึ่ง จะเป็นการช่วยลดค่าครองชีพ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุด ของโครงการคนละครึ่้งในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่านายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และรมว.คลัง จะนำโครงการคนละครึ่งเข้าครม.สัปดาห์หน้า
เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียน เพื่อใช้สิทธิ์ 20 ต.ค. กลุ่มที่เคยลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส5(ครั้งล่าสุด) เข้าไปกดยืนยันตัวตนได้เลย ส่วนกลุ่มที่ยังไม่เคยลงทะเบียนใช้สิทธิ์ ให้ลงทะเบียน 20 ต.ค. หากลงทะเบียนไม่ได้ให้ไปธนาคาร โดยเงินเข้าเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่ 29 ตุลาคม รวมระยะเวลา 2 เดือน
สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิ์ 2 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี 9 ล้านคน รัฐจ่ายให้คนละ 2,000 บาท ใช้จ่ายใน 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 ใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อวัน ประชาชนที่ร่วมโครงการร่วมจ่าย 2,000 บาท
2.กลุ่มผู้ที่อยู่ในระบบภาษี จำนวน 11 ล้านคน รัฐจ่ายให้คนละ 2,400 บาท ใช้จ่ายใน 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 ใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อวัน ประชาชนเข้าร่วมโครงการ ร่วมจ่าย 2,000 บาท
โดยใช้จ่ายได้สูงสุด 400 บาทต่อวัน ถ้าใช้ไม่หมดในแต่ละวันสามารถนำไปใช้ในวันถัดไปได้ ภายในระยะเวลา 2 เดือน
ส่วนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13 ล้านคน ไม่ได้สิทธิคนละครึ่ง เพราะรัฐบาลเติมเงินให้ครั้งเดียว 1,700 บาท จากเดิม 300 บาท รวมเป็น 2,000 บาท ใช้ได้ 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 ใช้จ่ายตามวงเงินที่ซื้อจริง โอนเข้ากองทุนสวัสดิการแห่งรัฐและโอนตรงให้ผู้มีรายได้น้อย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมอนุมัติใช้งบกลางเหลือจ่าย ประจำปีงบประมาณปี 2568 ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวันสิ้นปีของงบฯ 2568 และ ในวันพรุ่งนี้จะเริ่มต้นใช้งบประมาณปี 2569 จึงต้องมีการอนุมัติเพื่อให้ โครงการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาทิ
1.ครม.เห็นชอบโครงการ“เพิ่มวงเงิน”สวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กระทรวงการคลัง เสนอ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาค่าครองชีพ และจัดประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติมเป็นการชั่วคราวให้แก่ผู้มีบัตรฯ 13.4 ล้านคน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 22,780ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายสองครั้ง ครั้งละ 850/ต่อครั้ง รวมเป็น 1,700 บาท ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 ขณะที่ใน ต.ค.นี้ จะยังได้เพียง 300 บาทเท่าเดิม
ส่วนประชาชน บุคคลทั่วไป และประชาชนผู้เสียภาษี จะอยู่ในโครงการ‘คนละครึ่งพลัส’รมว.คลัง จะเสนอหลักการ และรายละเอียดเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในวันที่ 7 ต.ค. และจะไม่มีการล่าช้า ยืนยันว่า มีงบประมาณเพียงพอในการดําเนินโครงการอย่างครบถ้วน โดยจะดำเนินการเติมเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังซึ่งจะไม่ใช่เงินเหมือนกับผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
2. กระทรวงคลังเสนอให้ที่ประชุมครม.กันเงินเหลือจ่าย งบประมาณปี 2568 เพื่อจ่ายหนี้สาธารณะ ที่รัฐบาลได้ก่อให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่อง โดยจะโอนให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จำนวน 35,960 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ยังอนุมัติงบสนับสนุน ตามที่กองทัพขอเพื่อใช้ในการป้องกันชายแดน จำนวน 864 ล้านบาท และอนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2569 เพื่อให้สามารถดําเนินการจัดการด้วยความเรียบร้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี