สนง.เลขาฯสลค.ตีกลับขออภัยโทษ
‘แม้ว’ส่อกินแห้ว
‘รมว.ยธ.’สั่งกลับไปทบทวนใหม่
เด้งแพทย์ใหญ่รพ.ตร.เข้ากรุ
สังเวยปมช่วย‘เทวดาชั้น14’
สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตีกลับคำขออภัยโทษของทักษิณ กลับไปให้ รมว.ยุติธรรมคนใหม่พิจารณา คาดศุกร์หรือจันทร์นี้รู้ผล ขณะที่“บิ๊กต่าย”เซ็นเด้งนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เข้ากรุ ปมแพทยสภาพักใบอนุญาตจากกรณีรักษาอาการไข้เทวดาชั้น 14
เมื่อวันที่ 2ตุลาคม2568 ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ เนื้อหาระบุว่า ด้วย คณะกรรมการแพทยสภา ในการประชุมครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 มีมติลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของ พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ8) เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 และหากกระทำการฝ่าฝืนโดยยังประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่ง ที่ 371/2568 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
เนื่องจากคำสั่งแพทยสภาให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นมาตรการระงับใช้ใบอนุญาตเป็นการชั่วคราวและให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทางต้านการแพทย์ ประกอบกับปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง จึงเป็นเหตุอันเป็นที่สงสัยว่ามีข้าราชการตำรวจประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หากให้ปฏิบัติบัติหน้าที่ในหน่วยงานเติม อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส เกิดความเป็นธรรม และมีให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 และมาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 จึงสั่งการให้ พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลงตามข้อ 11 ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 และให้ พลตำรวจโท ไพบูลย์ เจียมอนุกลูกิจ นายแพทย์(สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ รักษาราชการแทน นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โดยให้ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23กันยายน2568 กระทรวงยุติธรรม โดยพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.งยุติธรรม ได้ลงนามเอกสารลับที่ ยธ0703.41307 เรื่องนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ของนักโทษเด็ดขาดชาย นายทักษิณ ชินวัตร ถึง นายกรัฐมนตรี มีรายละเอียด 11หน้าและสาระสำคัญ คือกระทรวงยุติธรรม พิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณฯ ได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ และมีคุณงามความดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหลายโครงการ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ บค1/2568 ลงวันที่ 9กันยายน2568 ให้จำคุก นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณฯ 1 ปี จึงเห็นควรยกฎีการายนี้เสีย ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอจึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในโอกาสอันควร
วันเดียวกัน พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์หลังมอบแนวทางการปฏิบัติงานสำหรับข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 กระทรวงยุติธรรมมีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาอนุมัติอย่างไรบ้าง ว่า เรื่องนี้ทราบว่า รมว.ยธ.คนเก่าได้มีการเสนอไปที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แต่ตอนนี้เรื่องได้กลับมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ซึ่งก็ตนก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา โดยมอบหมายให้ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัด ยธ.ไปตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย และค่อยให้ประมวลเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนจะสรุปว่าสามารถขอได้หรือไม่นั้น ตนขอให้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาดำเนินการอีกครั้งหนึ่งก่อน ซึ่งตนให้เวลา 3 วัน ก็น่าจะประมาณวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. หรือวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. จึงจะมีการรายงานมาให้ตนทราบอีกครั้ง แล้วค่อยนำเสนอกลับไปใหม่ที่สำนักงานคณะรัฐมนตรี (สลค.) อีกครั้ง ส่วนเหตุผลที่เรื่องกลับมาที่กระทรวงฯ ทราบว่า ให้เรื่องกลับมาที่ รมว.ยธ.คนใหม่ เพื่อให้ รมว.ยธ.คนใหม่มีความเห็นแล้วค่อยเสนอกลับขึ้นไปที่สำนักงานคณะรัฐมนตรี (สลค.) อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม (หรือเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร) แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งวันนี้เป็นครั้งที่ 6 ที่ครอบครัว “ชินวัตร” เดินทางมาเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร ภายหลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 1ปี โดยนายทักษิณถูกแยกควบคุมตัวในแดนผู้ต้องขังสูงอายุและแดนพยาบาล เนื่องจากมีโรคประจำตัวและมีอายุเกิน 65 ปี โดยเวลา 09.55น.น.ส.แพทองธารและน.ส.พินทองทา เดินทางมาถึงเรือนจำฯ
มีคนเสื้อแดงมารอให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก บางส่วนถือป้ายเขียนข้อความ “ชินวัตรสู้”, “เพื่อไทยเท่านั้น” และ “เรารักทักษิณ” โดยมวลชนต่างพากันตะโกนเสียงดังกึกก้อง “เรารักทักษิณ” พร้อมขอถ่ายภาพและเซลฟี่ร่วมกับบุตรสาวทั้งสอง ซึ่งต่างตอบรับด้วยรอยยิ้มและกล่าวขอบคุณอย่างเป็นกันเอง
ต่อมา น.ส.แพทองธาร ได้เปิดเผยสั้น ๆ ต่อสื่อมวลชนว่า “คุณพ่อวันนี้ปรับตัวได้ดีขึ้น สุขภาพโดยรวมสดใสขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีปัญหาเรื่องกระดูก โดยเฉพาะบริเวณต้นคอและหลัง” พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “ปกติท่านไม่ใช่คนอยู่นิ่ง ๆ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ามีการนำหนังสือธรรมะไปมอบให้นายทักษิณด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ได้นำไปมอบให้แล้วตั้งแต่ครั้งก่อนหน้านี้ ส่วนคำถามที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองและพรรคเพื่อไทย เจ้าตัวไม่ได้ตอบก่อนจะรีบขึ้นรถตู้เดินทางออกจากเรือนจำทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี