DSIลั่นลุยทุกคดี
นัดอัยการสัปดาห์หน้า
ประชุมคดี‘ฮั้วเลือกสว.’
อธิบดีดีเอสไอยืนยันเดินหน้าทำทุกคดีพิเศษ คงค้างต่อเนื่อง แย้มคดี“ฮั้วเลือก สว.” นัดอัยการประชุมหารือคดีสัปดาห์หน้า ส่วนคดี“ที่ดินเขากระโดง” อยู่ระหว่างสืบสวน-แสวงหาข้อเท็จจริง ยังไม่เป็นข้อยุติ รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่จึงยังไม่เรียกสอบปากคำพยาน ด้าน สว.สำรอง เข้าแจ้งดำเนินคดี‘กกต.- เลขา กกต.’ม.157สอบคดีฮั้วสว.ล่าช้า
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะผู้บริหารพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เพื่อความเป็นศิริมงคล เนื่องในวันครบรอบวันสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ ปีที่ 23 ซึ่งในงานวันครบรอบวันสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ ปีที่ 23 ได้รับเกียรติจาก พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ หน่วยงานราชการ และเอกชนเข้าร่วมแสดงความยินดีและบริจาคเงินมอบให้กองทุนสวัสดิการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านสวัสดิการแก่เจ้าหน้าที่
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สำหรับงานสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ ครบรอบ 23 ปี ก็ได้มีการนำข้าราชการกล่าวให้คำมั่นและสัญญาตามค่านิยมร่วมและวัฒนธรรมองค์กร รวมทั้งมีการปฏิญาณตนว่าเป็นข้าราชการดีเอสไอและบุคลากรดีเอสไอที่ไร้ทุจริต ซึ่งก็มีการดำเนินการเป็นประจำทุกปี และมีการทำบุญเลี้ยงพระ ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ อุทิศส่วนกุศลให้กับข้าราชการที่ล่วงลับไป นอกจากนี้ ได้มีการนำนโยบายของรัฐบาล และ รมว.ยุติธรรม ที่ได้ให้นโยบายไว้ 6 ประการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอก็จะเน้นไปในเรื่องของการพนันออนไลน์ อาชญากรรมทางออนไลน์ และการพนันในทุกรูปแบบ รวมทั้งในเรื่องของยาเสพติดด้วย ส่วนในคดีอื่นที่ได้มีการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเราจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในทุกคดีค้างเก่า แต่ที่จะเริ่มใหม่ก็จะเน้นไปที่การปราบปราม 2 เรื่อง ตามนโยบายหลักของรัฐมน ตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ส่วนการสอบสวนคดีพิเศษเรื่องหักหัวคิวแรงงานกัมพูชานั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่าจะมีการดำเนินการต่อในทุกเรื่อง และหากมีความคืบหน้าก็จะมีการให้ข้อมูลอีกครั้ง แต่ย้ำว่าทุกคดีดำเนินการต่อเนื่องแน่นอน
เมื่อถามถึงเรื่องสืบสวนคดีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่าได้มีการสืบสวนหรือสอบปากคำพยานกลุ่มใดไปแล้วบ้าง และทิศทางการสืบสวนคดีนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นเพียงชั้นสืบสวนและยังคงแสวงหาพยานหลักฐานอยู่ ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ จึงยังไม่มีมีการสอบพยานรายใด แต่ต้องไปหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อน ว่าจะเข้าเกณฑ์รับเป็นคดีพิเศษในเรื่องใด หรือไม่
ต่อข้อถามว่าด้วยพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น จะเข้าเป็นลักษณะคดีพิเศษตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 หรือไม่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ยังคงอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง ยังไม่ได้ข้อยุติในตอนนี้
เมื่อถามต่อว่าเรื่องสืบสวนจะยืดระยะเวลาได้นานเท่าใดนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจงว่า ไม่มีกรอบระยะเวลา หากได้ข้อเท็จจริงกระจ่างว่าลักษณะนี้เป็นคดีพิเศษในเรื่องใด ก็จะดำเนินการ ส่วนกรณีว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการยุติเรื่องสืบสวนเพื่อส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือยุติเรื่องสืบสวนเพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปิดท้ายว่า ยังไม่สามารถที่จะพิจารณาไปก่อนได้เพราะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนก่อน แล้วค่อยพิจารณา ส่วนคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ยืนยันว่ายังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่ากรณีคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.นั้น ทางด้านนายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายการเมือง ได้ตั้งคำถามถึงดีเอสไอว่าเริ่มต้นสืบสวนสอบสวนคดีนี้ถูกต้องหรือไม่ หากเริ่มไม่ถูกต้องก็ต้องย้อนกลับไปจุดเดิมนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตอบว่า ก็คงต้องมีการประชุมร่วมกับพนักงานอัยการด้วย ในตอนนี้ยังไม่สามารถตอบอะไรได้ ซึ่งอยู่ระหว่างทำนัดหมายกับพนักงานอัยการเพื่อประชุมกันสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ตนย้ำว่า เรามีพยานหลักฐานในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ต้องมีการประชุมร่วมกับพนักงานอัยการซึ่งจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้านี้
ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เขตบางเขน กรุงเทพฯ นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สมาชิกวุฒิสภาสำรอง พร้อมด้วยทีมทนายความ เดินทางมายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้งคณะ รวมถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ว่าร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจนทำให้กระบวน การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ที่ผ่านมาเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขอให้ดำเนินคดีอาญากับ กกต. และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในข้อหาอาจมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการเลือกตั้ง สว.รอบที่ผ่านมา โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ กกต.และ เลขาธิการ กกต.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป. ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 172 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าอาจมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการเลือกตั้ง สว. รอบที่ผ่านมา
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ใช่การเล่นการเมือง แต่เป็นการปกป้องหลักการประชาธิปไตย ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการเลือกตั้งวุฒิสภามีสิทธิ์ที่จะติดตามและเรียกร้องให้ความจริงถูกเปิดเผย คดีที่มีหลักฐานปรากฏตั้งแต่แรกกลับถูกปล่อยให้ยืดเยื้อนานนับเดือนนับปี โดยที่ กกต.ไม่ได้เร่งตรวจสอบ หรือ ชี้แจงข้อมูลต่อประชาชน ทั้งที่มีสำนวนการสืบสวนเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว นอกจากนี้ยังแสดงความกังวลต่อการแต่งตั้งบุคคลในกระทรวงยุติธรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรม โดยเกรงว่าการเปลี่ยนตัวบุคคลในบางตำแหน่งอาจกลายเป็นการแทรกแซงทางอ้อม
“ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่มีประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน เวลากว่าปีได้ล่วงไป แต่ กกต.ยังไม่สามารถชี้แจง หรือแก้ไขข้อสงสัยได้ ทั้งที่มีกระแสสังคมและหลักฐานจำนวนมากบ่งชี้ถึงการทุจริต ที่ผ่านมาเราทวงถาม กกต.มาตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน ประชาชนจึงยังไม่ได้รับความเป็นธรรม คดีต่างๆ ถูกปล่อยให้ยืดเยื้อ ทั้งที่ความจริงหลายเรื่องปรากฏชัดแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในระบบประชาธิปไตย ทุกคนคาดหวังว่าการเลือกตั้ง สว.จะต้องสุจริต เที่ยงธรรม และเป็นไปตามระเบียบของ กกต. แต่สิ่งที่ปรากฏกลับตรงกันข้าม” นายอัครวัฒน์ กล่าว
นายอัครวัฒน์ ยังเรียกร้องให้สังคมจับตา และให้กำลังใจผู้ที่ต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อเปิดเผยความจริง พร้อมทั้งผลักดันให้ผู้ที่มีพฤติการณ์ผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบพร้อมขอให้กกต.เปิดเผยสำนวนและหลักฐานต่อสาธารณะ หากไม่มีเหตุผลสมควรในการปกปิดและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาสืบสวนโดยไม่ถูกแทรกแซงโดยขอให้ประชาชนติดตามและร่วมกันผลักดันความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี