ทภ.1ยันไม่ถกRBC
เขมรดื้อแพ่งเมินส่งแผนอพยพคน
พ้น3พื้นที่ในจ.สระแก้ว
ดีเดย์จ่ายเยียวยาชายแดน
‘เท้ง’ติงโยนภาระให้ปชช.
แนะล้มประชามติMOU
“ในหลวง–พระราชินี” พระราชทานเงิน 42 ล้าน สร้างอาคารรพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้รับความเสียหายเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โอนวันนี้! เงินเยียวยาชายแดนรอบแรก สุรินทร์-บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ ได้ก่อน อีก 4 จว.รอเงินเข้า 7 ตุลาคมตามลำดับความเสียหายตั้งแต่ 2-5 พันบาท ชาวบ้านขอบคุณรัฐบาลช่วยเหลือต่อลมหายใจ โดยเฉพาะชาวบ้านโคกสูง ต.บักได อ.พนมดงรัก เข้าแถวรอกดเงิน 5 พันคึกคัก
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี เชิญเงินพระราชทาน จำนวน 42,000,000 บาท (สี่สิบสองล้านบาท) ไปมอบแก่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเป็นค่าดำเนินการก่อสร้างอาคารของโรงพยาบาลจำนวน 2 อาคาร ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
โอนเงินเยียวยาชายแดนวันแรก3จว.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นำส่งข้อมูลครัวเรือนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีอพยพระหว่างมีสถานการณ์ภัย อันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นไปมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม โดยจังหวัดที่จะได้รับเงินเยียวยารอบแรกในวันนี้มี 3 จังหวัดได้แก่ บุรีรัมย์ 39,632 ครัวเรือน ศรีสะเกษ 37,297 ครัวเรือน สุรินทร์ 70,441 ครัวเรือน รวม 147,370 ครัวเรือน
โดยธนาคารออมสินได้ทางยอยโอนเข้าบัญชีประชาชนผ่านระบบ PromptPay ที่ได้ผูกไว้กับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ในส่วนของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดท่านใดที่ยังไม่ได้รับเงินชวยเหลือเยียวยาในวันนี้ เนื่องด้วยข้อมูลอาจไม่สมบูรณ์หรือข้อมูลถูกตีกลับ ทางธนาคาออมสิน และ ปภ. จะตรวจสอบและอัพเดตการช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะการรับเงินช่วยเหลือโดยระบุหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนในการตรวจสอบ ผ่านช่องทาง
อีก4จว.รับเงินเยียวยา7ต.ค.2-5พันบ.
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยที่มีการอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว/พื้นที่ปลอดภัยในช่วงที่มีสถานการณ์การปะทะระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมวันนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กรณีอพยพตั้งแต่ 8 วันขึ้นไปจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท กรณีอพยพไม่เกิน 7 วัน จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 2,000 บาท ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ปภ.เร่งดำเนินการ เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ วันที่ 7 ตุลาคม ประชาชนที่ประสบภัยในจ.ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สระแก้ว และตราด ปภ.และธนาคารออมสินจะโอนเงินเยียวยาให้ตามลำดับ โดยขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการอัปเดตการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
ชายบ้านชายแดนดีใจเงินเยียวยาต่อชีวิต
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.สุรินทร์ว่า มีประชาชน 147,370 ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย-เขมร ตลอดทั้งวันมีประชาชนเดินทางไปกดเงินดังกล่าวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาอำเภอพนมดงรัก มีประชาชนชาวอำเภอพนมดงรัก มาเข้าแถวกดเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อเนื่อง หลายคนบอกว่าดีใจที่ได้เงินเยียวยาแล้ว และจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้จ่ายในครอบครัว เพราะช่วงนี้ทำมาหากินลำบาก ทำให้เงินทองขาดมือไม่พอใช้จ่าย เงินเยียวยาก้อนนี้ ยังพอต่อลมหายใจไปได้อีกระยะหนึ่ง
เท้งติงนายกฯปมMOUอย่าโยนภาระให้ปชช.
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลจะให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเรื่อง MOU 43-44 ผ่านการทําประชามติว่า ผลสำรวจนิด้าโพลเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชน 70% ไม่เข้าใจ กับค่อนข้างไม่เข้าใจ เป็นเสียงส่วนใหญ่ เกี่ยวกับเนื้อหารายละเอียดของ MOU ฉบับดังกล่าว เพราะเรื่อง MOU เป็นเรื่องละเอียดซับซ้อน ที่ตนไม่เชื่อว่าจะจัดเวทีสาธารณะให้ความรู้ประชาชนได้รอบด้าน จึงมีข้อห่วงใยว่า การทำประชามติแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่ผลที่สะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน
ส่วนพรรคประชาชนจะเสนอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เสนอทบทวนมาโดยตลอดทุกครั้งที่ตนมีโอกาส และเชื่อว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเอง นอกจากทราบจากตน ก็น่าจะทราบจากนักวิชาการ และเสียงสะท้อนจากสังคม ตอนนี้เห็นว่ามีโพลบางส่วนที่ทำในโลกออนไลน์ จะเห็นว่าประชาชนบางส่วนอยากเข้าใจเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น หรือบางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะเอาเรื่องนี้มาทำประชามติ เรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารโดยตรง รัฐบาลไม่ควรโยนการตัดสินใจให้เป็นภาระของประชาชน
จี้รบ.ถอนเรื่องประชามติMOU-ตั้งกก.ศึกษา
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า จะทำอย่างไร ??? ไม่รู้เรื่องMOU แต่จะทำประชามติ โดยเสนอความเห็นว่า การที่รัฐบาลชุดนี้ มีแนวความคิดทำประชามติยกเลิก MOU 43 และMOU 44 หรือไม่ ซึ่งบทสรุปของการสำรวจ เป็นความเห็นของประชาชนที่ย้อนแย้งกันคือ ประชาชนไม่มีความรู้เรื่อง MOU43-44 เป็นส่วนใหญ่ แต่กลับอยากจะทำประชามติ เป็นเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องนำไปแก้ไข เพราะรัฐบาลเป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาเอง จึงขอเสนอรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกการทำประชามติไปเลย และมอบให้คณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร ได้ศึกษาและรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน จะเป็นการยึดโยงกับประชาชน ซึ่งมีคณะกรรมาธิการชุดต่างๆตอนนี้ 4 คณะเป็นอย่างน้อย เช่น 1.คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา MOU 43-44 2.คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ 3.คณะกรรมาธิการการทหาร 4.คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐและกิจการชายแดน ซึ่งรัฐบาลจะมอบให้คณะกรรมการชุดใดชุดหนึ่ง หรือมอบหมายให้คณะกรรมาธิการทั้งหมดไปศึกษา และรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อสรุปผลเสนอรัฐบาลประกอบการตัดสินใจต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี