วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หนุนไทยปราบสแกมเมอร์
ทูตจีนออกโรง
ร่วมมือแก้ไขปัญหาทุกมิติ
ขอเป็นกลางปัญหาชายแดน
เขมรส่งกลับ59ชาวเกาหลีใต้
พัวพันขบวนการสแกมเมอร์
นายกฯ อนุทิน หารือ เอกอัครราชทูตจีน ย้ำมิตรภาพ“ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”ย้ำร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ผลักดันความร่วมมือไทย-จีนทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้าและสินค้าเกษตร ขณะที่เขมรเตรียมส่งกลับชาวเกาหลีใต้ 59 คนที่ถูกควบคุมตัวฐานพัวพันแก๊งสแกมเมอร์ ยังหาตัวไม่เจออีกเพียบ
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายจาง เจี้ยนเว่ย์ (H.E. Mr. Zhang Jianwei) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ต้อนรับเอกอัครราชทูตจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งมิตรภาพไทย–จีน แนบแน่นอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอด 50 ปี โดยรัฐบาลมุ่งมั่นจะผลักดันความร่วมมือให้เติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยความร่วมมือกับจีนถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมในภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งขอบคุณที่รัฐบาลจีนให้ความร่วมมืออันดีมาโดยตลอด และชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยทุกท่านที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตจีนคนใหม่จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือในทุกด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“ไทย-จีน”พี่น้องกัน
ด้านเอกอัครราชทูตจีนได้ฝากคำปรารถนาดีและคำอวยพรจากนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้แก่นายกรัฐมนตรี และยินดีที่วันนี้ได้มีโอกาสเข้าพบอย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่สืบทอดมากว่าครึ่งศตวรรษ โดยต่างเคารพ สนับสนุน และร่วมมือกันอย่างเสมอภาค เป็นมิตรแท้ที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า“ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” และจะยังคงสานต่อความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมชื่นชมการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรี การลงพื้นที่พบปะประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งการเยี่ยมพื้นที่ชายแดน เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจีนยังกล่าวถึงการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการที่ผ่านมา ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง สะท้อนถึงบทบาทเชิงรุกของไทยในภูมิภาค พร้อมอวยพรให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ สร้างความมั่นคงและความผาสุกให้แก่ประชาชน
ส่งเสริมสินค้าการเกษตร
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญร่วมกัน ดังนี้ ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การสนับสนุนด้านการค้าการลงทุนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพิจารณานำเข้าข้าวจากไทย ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน รวมทั้งยังช่วยสร้างความสมดุลทางการค้า ทำให้ราคาข้าวอยู่ในระดับที่เป็นธรรมทั้งต่อผู้ซื้อและผู้ขาย และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยที่จะมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น ขณะที่เอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนให้ความสำคัญต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากไทย โดยเฉพาะข้าวและผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีน และพร้อมประสานงานร่วมกับหน่วยงานจีนเพื่อผลักดันให้การนำเข้าสินค้าเกษตรไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การเชื่อมโยงระบบคมนาคมระหว่างไทย–จีน–ลาว จะเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเอกอัครราชทูตจีนเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงดังกล่าวจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งจะช่วยยกระดับการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนในอนาคต
สนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่
ด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับจีนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างยั่งยืน ซึ่งเอกอัครราชทูตจีนยืนยันว่า ฝ่ายจีนพร้อมสนับสนุนไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้าน เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว พลังงานใหม่ และยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จีนหนุนไทยปราบสแกมเมอร์
ด้านความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชน พร้อมยืนยันว่าไทยพร้อมร่วมมือกับทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ด้านเอกอัครราชทูตจีนเห็นพ้องและพร้อม เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยในทุกมิติ โดยยินดีจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานไทย เพื่อป้องกัน ปราบปราม และยับยั้งปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong–Lancang Cooperation: MLC) ครั้งที่ 5 ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 นี้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาค
ขอเป็นกลางปัญหาชายแดน
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน และพร้อมร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อสร้างความเข้าใจและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนมีท่าทีที่เป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในการเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค
“อนุทิน”ฉะ”ฮุน มาเน็ต”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 21.55 น. วันที่ 16 ต.ค.2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย เดินทางถึงประเทศไทย ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ เยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการโดยทันทีที่มาถึง ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณี นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุผ่านประเทศเกาหลีใต้ ว่าไม่ต้องให้ไทยช่วยแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ แต่ให้จัดการปัญหาตัวเองก่อน ว่า ขอยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีปัญหา ซึ่งปัญหาของประเทศไทยมีอยู่ที่เดียว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าที่ไหน นายกฯ กล่าวว่า เราอย่าไปเพิ่มความเห็นต่างหรือขัดแย้ง ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี
เขมรส่งกลับ59เหยื่อเกาหลีใต้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชาออกแถลงการณ์ระบุว่ากำลังวางแผนจะส่งกลับชาวเกาหลีใต้ 59 คน ที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งคนที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาและคนที่ถูกจับเนื่องจากพัวพันกับกิจกรรมของแก๊งสแกมเมอร์ โดยการส่งกลับจะดำเนินการโดยความร่วมมือกับสถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงพนมเปญ
ขณะที่ทางการเกาหลีใต้ระบุว่าการประกาศเรื่องดังกล่าวของกัมพูชาไม่ได้มีการประสานงานกับทางเกาหลีใต้แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ามีชาวเกาหลีใต้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในกัมพูชารวม 63 คน แต่เมื่อวานนี้มี 2 คนที่เดินทางกลับประเทศไปแล้วพร้อมเที่ยวบินเกาหลีใต้ซึ่งทั้งคู่เดินทางถึงสนามบินอินชอนแล้วในเช้าวันนี้ หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีคนในกลุ่มนี้เดินทางกลับไปแล้ว 2 คน
ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยว่าขณะนี้กำลังหารือเรื่องการส่งกลับ 59 คนที่เหลือ ซึ่งยังไม่มีการยืนยันแผนการส่งกลับ แต่รัฐบาลก็ระบุว่ากำลังจัดหาเที่ยวบินเพิ่มเติมและตั้งเป้าที่จะพาคนเหล่านี้กลับบ้านให้ได้ทั้งหมดภายในสุดสัปดาห์นี้
ส่วนการหารือระหว่างคณะผู้แทนเกาหลีใต้กับนายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเมื่อวานนี้ นางคิม จีนา รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศคนที่สองของเกาหลีใต้เรียกร้องให้ กัมพูชาร่วมมือในการส่งตัวชาวเกาหลีใต้กลับประเทศโดยเร็ว และเร่งสืบสวนการเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่พบศพเมื่อเดือนสิงหาคม พร้อมทั้งเร่งการชันสูตรศพและส่งศพกลับประเทศ ทั้งยังเน้นย้ำเรื่องการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจร่วมเพื่อปราบปรามการฉ้อโกงออนไลน์และป้องกันการก่ออาชญากรรมที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้
“ฮุน มาเน็ต”ปกป้องชาวเกาหลี
ด้านนายฮุน มาเน็ตรับปากจะเพิ่มความพยายามในการปกป้องชาวเกาหลีใต้ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และจะเร่งปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ พร้อมกันนี้ยังร้องขอให้เกาหลีใต้ทบทวนคำสั่งห้ามพลเมืองเดินทางมายังกัมพูชาเพราะกังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจของกัมพูชาที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว ขณะที่นางคิม จีนาบอกว่าการตัดสินใจออกคำเตือนห้ามการเดินทางเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อพิจารณาจากระดับความเสี่ยงในขณะนี้ แต่เกาหลีใต้จะพิจารณาผ่อนคลายคำเตือนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในกัมพูชาดีขึ้น
ด้านเว็บไซต์ Korea JoongAng Daily รายงานว่าชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก แห่ยกเลิกแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวในกัมพูชาในช่วงปลายปีนี้เพราะกังวลว่าจะไม่ปลอดภัย เวลานี้บริษัททัวร์หลายแห่งในเกาหลีใต้เริ่มได้รับผลกระทบแล้วเพราะยอดจองทัวร์มากัมพูชาเงียบมาก ขณะที่ทางท้องถิ่นจังหวัดคยองกีได้เรียกทีมอาสาสมัคร 34 คนที่มาทำกิจกรรมในกัมพูชาให้เดินทางกลับก่อนกำหนด จากเดิมที่จะอยู่ถึงวันที่ 28 ตุลาคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี