"ลิณธิภรณ์"บี้"อนุทิน"อย่าประชุมเป็นพิธีกรรม ใช้โอกาสนี้เป็นผู้นำปราบแก๊งสแกมเมอร์ในจังหวะที่นานาชาติหนุน ถาม"รบ.อุ้มบุญ"จะทำเพื่อประเทศหรือมาแค่ปูทางเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ฐานะรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์ที่ประเทศต่างๆ เริ่มกดดันและมีมาตรการจริงจังในการปราบกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนความจริงที่เริ่มเห็นชัดว่านี้คือปัญหาระดับสากล แต่กลับยังไม่เห็นความพยายามของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในประสิทธิภาพ และความจริงใจในการจัดการปัญหา เมื่อเทียบกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ในสมัยรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เน้นให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกัน ตรวจสอบ และปราบปรามบัญชีม้าอย่างจริงจัง จนมีสถิติที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้เปิดเผยว่า ดีอีร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการระงับบัญชีม้าต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2567 จำนวนรวมกว่า 1,660,000 กว่าบัญชี (ปปง. 630,537 บัญชี ธนาคารระงับ 581,637 บัญชี และศูนย์ AOC ระงับ 455,241 บัญชี) และต่อมาในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 มีการระงับบัญชีม้าถึง 135,279 บัญชี ซึ่งต้นปีนั้นยังไม่รวมกับบัญชีที่ถูกระงับโดยสำนักงาน ปปง.และธนาคารพาณิชย์ อีกด้วย ถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนความตั้งใจจริงของรัฐบาลในขณะนั้น
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า แต่ในทางกลับกัน เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ซึ่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่พรรคประชาชนร่วมค้ำยัน กลับยังไม่เห็นมาตรการเชิงรุกหรือแนวทางที่ชัดเจนในการจัดการปัญหานี้ ทั้งๆ ที่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศผู้นำต่างๆ ทั่วโลก อย่างเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ กำลังส่งสัญญาณชัดให้เร่งปราบปรามเครือข่ายและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา ขณะเดียวกันฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย และแม้แต่ฝ่ายค้ำรัฐบาลอย่างพรรคประชาชน (ปชน.) ต่างก็เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสด้วย เพราะไม่เพียงกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย และความเชื่อมั่นของคนไทยจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งสแกมเมอร์
"รัฐบาลชุดนี้พูดอยู่เสมอว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับล่าช้า ทั้งที่นายกฯ อนุทิน พูดชัดเจนว่าจะทำงานไม่มีวันหยุด หรือจะรอให้เกิดความเสียหายซ้ำอีกกี่ครั้งถึงจะเริ่มขยับ และควรใช้โอกาสนี้ที่ทั่วโลกกดดันกัมพูชา ให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการปราบปราบอาชญากรรมไซเบอร์อย่างจริงจัง เพราะประชาชนคาดหวังการทำงาน ไม่ใช่แค่พิธีกรรมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาประชุม นี้คือโอกาสที่รัฐบาลจะพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นแค่รัฐบาลอุ้มบุญ หวังผลทางการเมือง เกียร์ว่างแล้วปูทางสู่การเลือกตั้ง แต่เป็นรัฐบาลที่มีจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อประเทศชาติจริงๆ หรือไม่" น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี