วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568
กกต.ประกาศพร้อมจัดเลือกตั้งควบประชามติ ขอเวลาทำงาน 75 วัน ก่อนหย่อนบัตร 29 มี.ค.69 ขีดเส้นต้องส่งคำถามแรกไม่เกิน 13 ม.ค. กำหนดสีบัตรสีหีบเดียวกัน ป้องกันหย่อนผิด ตั้งเป้า 5 ทุ่มรู้ผล ลงประชามติมีนอกเขตแต่ต้องทำในวันจริง ส่วนนอกราชฯกระทรวงต่างประเทศรับผิดชอบนับผลประชามติ แต่บัตรเลือกตั้ง สส.ส่งกลับนับที่ไทย "แสวง"ยังหวังรวมคำถามประชามติในบัตรเดียว สะดวกปชช. ประหยัด 55 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงประเด็น “การเตรียมการเลือกตั้งและการทำประชามติ” ว่า กกต.มีความพร้อมจัดเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป และการออกเสียงทำประชามติไม่ว่าจะทำพร้อมกันหรือไม่ ถ้าจัดพร้อมกันก็ใช้หน่วยเดียวกัน ซึ่งระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้ง สส.ตามกฎหมายกำหนด 45 - 60 วัน ส่วนการทำประชามติกฎหมายใหม่กำหนด 60 ถึง 150 วัน ซึ่งถ้าจะจัดเลือกตั้ง สส.พร้อมกับทำประชามติ 60 วัน กกต.ก็ทำได้แต่จะเหนื่อย เพราะการทำประชามติต้องมีเวลาให้ประชาชนได้ทำความเข้าใจกับประเด็นที่ทำประชามติ จึงเห็นว่าในส่วน กกต.ควรมีเวลาไม่น้อยกว่า 75 วัน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทำความเข้าใจ และจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของฝ่ายที่เห็นต่างด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ทราบจำนวนคำถามประชามติ ที่จะส่งผลต่อการบริหารจัดการของ กกต.ทั้งเรื่องจำนวนบัตร กระดานนับคะแนน หากคำถามมาก ก็ใช้กระดานนับคะแนนมาก หากบริหารจัดการดีก็สามารถจัดคำถามให้อยู่ในบัตรเดียวได้ ก็จะลดจำนวนกระดานลง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีคำถามส่งมาให้ กกต.กี่หน้า ก็ขอให้พอสมควรเพื่อให้ กกต.เกิดความเข้าใจ และใช้เวลาในการจัดพิมพ์ ให้ความรู้แก่ประชาชนในการตัดสินใจ โดยไม่มีการชี้นำ รวมถึงจัดเวทีให้คนเห็นต่างแสดงความเห็นโดยไม่ชี้นำ ซึ่ง กกต.จะต้องรับมือ กับการพูดเรื่องประชามติในเวทีหาเสียง และพูดหาเสียงบนเวทีประชามติ ซึ่งจะต้องบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ควบคู่กับกฎหมายประชามติ
“กกต.ไม่มีปัญหาในเรื่องการจัดการเลือกตั้ง และทำประชามติ ในคราวดียวกัน แต่ถ้าเป็นไปตามที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ บอกว่าจะมีการเลือกตั้ง 29 มี.ค.2569 กกต.ต้องการเวลาในการให้ความรู้ และเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจในประเด็นที่จะมีการทำประชามติทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ MOU ซึ่งกรอบตามกฎหมายกำหนดให้ทำไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน หากกำหนดที่ 60 วัน กกต.ก็สามารถทำได้ แต่ค่อนข้างเหนื่อย จึงต้องการเวลา 75 วัน นับย้อนจากวันที่จะเลือกตั้งและประชามติ ในวันที่ 29 มี.ค.2569”
นายแสวง กล่าวต่อว่า ตามข่าวสถานการณ์เป็นปลายปิด คือ มีการประกาศเจตนามรมณ์ของผู้มีอำนาจว่าจะยุบสภาวันไหน ซึ่งก็ต้องนับย้อนขึ้นมา สภาก็ต้องทำคำถามให้เสร็จย้อนขึ้นมา 4 - 5 เดือน ประเด็น MOU บอกได้เลย เพราะเป็นเรื่องที่ ครม.แต่ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญยังไม่รู้ว่ามีกี่คำถาม ถามอะไรบ้าง จึงอยู่ที่ว่าจะยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จวันไหน ตอนนี้จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นไปตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ ถ้าล่าช้า บริหารไม่ดี เวลาตามกฎหมายที่กำหนดให้จัดเลือกตั้ง กับที่กำหนดให้ประชามติมีความเหลื่อมกัน กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น อยู่ที่รัฐสภาว่าจะส่งคำถามแรกมาที่ กกต.เมื่อไหร่ หากส่งช้า ก็จะกินเข้าไปในแต่ละขั้นตอนของระยะเวลา 75 วันที่วางไว้ก็จะทำให้การออกเสียงประชามติและการเลือกตั้ง สส.ไม่สามารถจัดในวันเดียวกันได้
ส่วนเรื่องงบประมาณ ไม่ว่าการเลือกตั้ง หรือประชามติต้องใช้เงินแน่นอน งบฯ ที่ตั้งทุกครั้ง จะใช้จ่ายตามหลักการของกฎหมาย เพื่อความโปร่งใส การมีส่วนร่วม การอำนวยความสะดวก เหตุที่งบฯ สูงเพราะมีจำนวนผู้มีสิทธิเพิ่มเป็น 53 ล้านคน จำนวนหน่วยเลือกตั้งต้องหาใหม่ เพราะมีการเพิ่มการทำประชามติควบคู่ไปด้วย โดยจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนหน่วย จากเดิมมี 9 หมื่นหน่วย รวมถึงต้องมีการเพิ่มวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องมีการเพิ่มเติม ต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่ กปน.รวมแล้วประมาณ 14 คนต่อหน่วย การลงคะแนนก็บัตรสีไหนก็หย่อนลงกล่องสีนั้น การขานคะแนนทำพร้อมกัน บัตรสีไหนก็ให้หย่อนที่กล่องสีนั้น หย่อนผิดกล่อง ไม่ถึงเป็นบัตรเสีย สามารถนำไปนับคะแนนได้ การขานคะแนนทำพร้อมกัน ทั้งนี้ ตั้งเป้าบริหารจัดการให้จบใน 23.00 น.ฉะนั้น โดยสรุปงบฯกว่า 90% จะลงไปตรงนี้หมด และครั้งนี้กฎหมายให้คนไทยในต่างประเทศออกเสียงประชามติด้วย หากเลือกตั้งพร้อมประชามติ การนับคะแนนจะแยกกัน บัตรเลือกตั้ง สส. สถานทูตจะต้องส่งกลับมานับที่ประเทศไทย ส่วนบัตรประชามติกฎหมายให้นับที่หน่วยเลือกตั้ง กระทรวงการต่างประเทศจึงค่อนข้างลำบาก เพราะมีจำนวนคนทำงานที่สถานทูต 30 - 40 คน เท่านั้น ทั้งนี้จะมีการจัดหน่วยเลือกตั้งจำลอง เพื่อทดลองทำประชามติ คู่การเลือกตั้ง สส. 2 ว่าจะมีการบริหารจัดการ การใช้เวลานานแค่ไหน
“ข้อดีการออกเสียงพร้อมกัน คือ ประหยัดงบฯแน่นอน ไม่เป็นภาระประชาชน ออกมาวันเดียวก็ได้ออกเสียงไปเลย และอาจจะได้ความชอบธรรมมาด้วย เพราะสถิติการเลือก สส.มีเปอร์เซ็นต์ผู้มาใช้สิทธิ์สูง อย่างครั้งที่แล้วมาใช้สิทธิ์ กว่า 75% ส่วนการเลือกตั้งอย่างอื่น มีผู้มาใช้สิทธิ์ประ มาณ 60% เท่านั้น” เลขาธิการ กกต.กล่าวและว่า เรื่องการกำหนดวันนั้นยังไม่มีการกำหนด แต่สิ่งที่ กกต.ทราบ คือเรามีความพร้อมในการจัดเลือกตั้งพร้อมการทำประชามติ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะมีความชัดเจน ซึ่งต้องหารือกับนายกฯ อีก 1 - 2 ครั้ง ส่วนตอนนี้ที่คนพูดกันเพราะว่ามีการทำ MOA ว่าจะมีการยุบสภาในวันนั้นวันนี้เท่านั้นเอง
ทั้งนี้ การเลือกตั้ง สส.สามารถลงคะแนนล่วงหน้าได้ และลงนอกเขตได้ ส่วนการออกเสียงทำประชามติ ไม่สามารถออกเสียงล่วงหน้าได้ แต่ประชาชนสามารถออกเสียงนอกเขตได้และต้องทำในวันจริงเท่านั้น ดังนั้น ประชาชนที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศก็ไม่ต้องไปลงคะแนน 2 รอบ หรือกลับภูมิลำเนาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าจะมีการรวบประชามติ 1 ใบ เท่ากับวันนั้นจะมีมีบัตร 3 ใบ คือบัตรลงคะแนน สส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ และบัตรประชามติ จากก่อนหน้านี้บอก 4 ใบ ดังนั้น แนวโน้มเป็นอย่างไร นายแสวง กล่าวว่า เรื่องนี้ยังตอบตอนนี้ไม่ได้ แต่มีเหตุผลของมัน ซึ่งจะให้มีกี่ใบไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่เราต้องเอาประชาชนเป็นหลัก คือไม่เพิ่มภาระประชาชน ไม่ทำให้เกิดบัตรเสีย ยกตัวอย่างคำถามประชามติครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 นั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจ ฉัยว่าให้ทำรวมกันได้ และถ้ารวมกับเรื่อง MOUได้ ก็จะประหยัดงบแน่ๆ กว่า 55 ล้านบาท แต่สิ่งที่จะคิดตามมาคือ ประชาชนจะสับสนหรือไม่ เพราะมีคำถามเยอะ ซึ่งในช่วงการขาน การอ่าน 4 คำถามก็ต้องมี 4 กระดาน ดังนั้น เรากำลังประเมินว่าอะไรจะดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากยึดเวลา 75 วัน ตามที่ กกต.เสนอเท่ากับว่าผู้เกี่ยวข้องจะต้องส่งประเด็นคำถาม โดยเฉพาะรัฐสภา ต้องส่งคำถามประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้กับ ครม.และส่งให้ กกต.ก่อนวันที่ 13 ม.ค.2569 หรืออย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 28 ม.ค.2569 ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลา 60 - 150 วัน ของกฎหมายประชามติ 2568
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี