‘อนุทิน’ชูไทยเข้มแข็งมั่นคง ส่งท้ายถก‘เอเปก’ พท.โวลุ้นกวาด200สส. ปชป.ไม่รับผู้สมัครสีเทา

‘อนุทิน’ชูไทยเข้มแข็งมั่นคง ส่งท้ายถก‘เอเปก’ พท.โวลุ้นกวาด200สส. ปชป.ไม่รับผู้สมัครสีเทา

วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘อนุทิน’ชูไทยเข้มแข็งมั่นคง
ส่งท้ายถก‘เอเปก’
พท.โวลุ้นกวาด200สส.
ปชป.ไม่รับผู้สมัครสีเทา

วันสุดท้ายการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เกาหลีใต้ นายกฯอนุทิน เสนอ 3 แนวทางให้เอเปก ร่วมมือขับเคลื่อนศักยภาพภูมิภาค “เอเชีย-แปซิฟิก”ให้เศรษฐกิจโลกเติบโต สร้างสังคมทุกกลุ่มรับอนาคตอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เรียกร้องให้ร่วมมือแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองคยองจู ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) ที่ห้อง 300C ชั้น 3 ศูนย์ประชุม Hwabaek International Convention Centre (HICO) เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 รอบที่ 2 (The 32nd APEC Economic Leaders’ Meeting-Session II)ภายใต้หัวข้อ “Preparing a Future-Ready Asia-Pacific”วันสุดท้าย


ภายหลังประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี กล่าวเปิดการประชุมได้เชิญให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกล่าวถ้อยแถลงซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงเป็นลำดับที่ 3 ต่อจากสหรัฐฯ

นายกฯ‘อนุทิน’กล่าวถ้อยแถลง

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลง โดยกล่าวชื่นชมสาธารณรัฐเกาหลีสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและการจัดงานเลี้ยงต้อนรับที่น่าประทับใจ พร้อมระบุว่าในช่วงกว่า 36ปีที่ผ่านมา เอเปคเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภูมิภาคให้เป็น“เครื่องยนต์แห่งการเติบโตของเศรษฐกิจโลก” แต่ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และภูมิอากาศ ซึ่งล้วนท้าทายความสามารถในการรับมือของภูมิภาค ดังนั้น เอเปคจึงต้องคงไว้ซึ่งบทบาทในฐานะภูมิภาคที่มีเสถียรภาพ นวัตกรรม และความสามารถในการปรับตัว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต

เสนอ3แนวทางให้เอเปคยึดมั่นร่วมมือ

โดยไทยได้เสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) ยึดมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและการเติบโตอย่างครอบคลุม เพราะความมั่งคั่งจะไม่มีความหมาย หากยังมีคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไทยเชื่อว่าการบูรณาการทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะช่วยให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในสังคม

2) ต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย ความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยี AI และการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ไทยได้จัดทำแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์(AI Ethics Guidelines)เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีจะถูกออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม พร้อมกันนี้ เอเปคต้องทำให้มั่นใจว่าผลประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ทั้งในเชิงเนื้อหาและแพลตฟอร์มออนไลน์ จะได้รับการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่และเท่าเทียม เพื่อให้นวัตกรรมสามารถเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง

เรียกร้องร่วมมือแก้อาชญากรรมไซเบอร์

ขณะเดียวกัน ไทยยังได้เน้นย้ำถึงการเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์และการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมกัน ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การบังคับใช้กฎหมายที่สอดคล้องกัน และการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคม พร้อมขอบคุณสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐอเมริกาสำหรับบทบาทนำในเรื่องนี้ โดยไทยพร้อมทำงานร่วมกันผ่านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และเวที APEC Online Scams Exchange Forum

3) เอเปคต้องเสริมพลังให้กับทุกกลุ่มในสังคม โดยเฉพาะในยุคที่ประชากรกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย จึงต้องส่งเสริมการจ้างงานที่ครอบคลุม มีระบบดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเรียนรู้ทุกช่วงวัย สำหรับไทยได้ผลักดันนโยบายการจ้างงานผู้สูงอายุ การขยายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และการวางแผนครอบครัวอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย

ชูสร้างภูมิภาคที่ยั่งยืนพร้อมรับอนาคต

“ในยุคที่โลกไร้พรมแดนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่มีเขตเศรษฐกิจใดสามารถยืนอยู่ได้เพียงลำพัง หากเอเปคสามารถปรับทิศทางร่วมกันได้ เอเปคจะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของโลก แม้เส้นทางข้างหน้าจะไม่ง่าย แต่เอเปคจะเดินไปด้วยกัน ด้วยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสร้างภูมิภาคที่เชื่อมโยง ยั่งยืนและพร้อมรับอนาคตอย่างแท้จริง” นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้าย

โดยภายหลังการประชุมฯ ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานฐานทัพอากาศกิมแฮ นครปูซานในเวลา 16.15 น. และจะเดินทางถึงประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ในเวลาประมาณ 21.00 น.

‘ประเสริฐ’มั่นใจ‘พท.’เลือดหยุดไหล

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยมีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่จะสามารถหยุดเลือดไหลได้หรือไม่ว่า มั่นใจ ตนอยู่พรรคนี้มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย รู้จักสมาชิกทุกคนไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ วันนี้ทุกคนเห็นได้จากกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่มาจากทุกภาคส่วน สะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมือง สมาชิกทุกคนมีสิทธิมีเสียง เรากำลังก้าวสู่การเลือกตั้ง ส่วนกรณีมีสมาชิกย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่คนที่ยืนอยู่วันนี้มั่นใจว่าจะไม่มีใครออกไปไหนอีกทุกคนจะร่วมต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้ากับพรรคเพื่อเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่าและวันนี้เราเปิดกว้างพร้อมรับสมาชิกหน้าใหม่ที่เข้ามาสู่การสรรหาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย เราจะเฟ้นหาคนที่มีคุณภาพที่สุดเพื่อให้ประชาชนได้ใช้งาน รวมไปถึงอดีตสมาชิกพรรคที่เว้นว่างทางการเมืองไป หากอยากกลับมาทำงานการเมืองต่อ เราเปิดกว้าง การแก้ปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ เราต้องใช้ทุกสรรพกำลัง

“มั่นใจว่าด้วยพลังความสามัคคีของสมาชิกพรรคเพื่อไทยวันนี้ เป้าหมายที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยวางไว้ที่ 200 เสียง ไม่ยากเกินจริง เราจะทำงานอย่างหนักนำความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นตัวตั้ง แล้วตีโจทย์ออกมาเป็นนโยบายเพื่อเสนอทางออกให้ประชาชน เชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจเหมือนที่เป็นมา”เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ย้ำ

พร้อมหนุนประสานทุกรุ่นนำสู้เลือกตั้ง

เมื่อถามถึง การทำงานร่วมกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนเคยทำงานร่วมกับนายจุลพันธ์มานาน เข้าขากันดี และนายจุลพันธ์ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในวันนี้ อีกทั้งยังเป็นคนรุ่นกลางของพรรคเพื่อไทย ที่สามารถเชื่อมประสานความร่วมมือกับคนทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นอาวุโส หรือรุ่นใหม่ จึงเชื่อว่า จะสามารถนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งได้ และในฐานะเลขาธิการพรรค ตนจะสนับสนุนการทำงานของกรรมการบริหารชุดนี้อย่างเต็มที่ สนับสนุนการทำงานทุกภาคส่วนของพรรค เพื่อเป้าหมายสำคัญคือการเข้าไปทำหน้าที่แก้ปัญหาที่ประชาชนเจออยู่ให้ผ่านพ้นไปให้ได้

‘เทพไท’ล็อคสเปค‘จุลพันธ์’หน.เพื่อไทย

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง”ระบุว่า”ล็อคสเปค จุลพันธ์ เป็นหัวหน้าเพื่อไทย” ผมขอแสดงความยินดีกับคุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองร่วมสมัย และเป็นนักการเมืองรุ่นเดียวกัน เมื่อได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกให้เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งตรงตามความคาดหมาย และผลการวิเคราะห์ ซึ่งผมได้วิเคราะห์ก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จะได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุผลเป็นคนรุ่นกลาง เป็นคนรุ่นไม่ใหม่ไม่เก่าเกินไป ประสานงานได้กับทุกฝ่าย มีความอาวุโสทางการเมืองพอสมควร เป็นส.ส.5สมัย มีความรู้ด้านเศรษฐกิจตามความต้องการของคนพรรคเพื่อไทย เป็นการปลอบใจนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ บิดาของคุณจุลพันธ์ ที่น้อยใจพรรคลาออกจากสมาชิกพรรคไป เมื่อลูกชายได้รับการเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ผู้ที่เป็นพ่อ ก็คงจะคลายความน้อยอกน้อยใจลงไปบ้าง และที่สำคัญที่สุดคุณจุลพันธ์ได้รับไฟเขียวจากบ้านจันทร์ส่องหล้า เจ้าของพรรคเพื่อไทย จึงทำให้คู่แข่งที่เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วและนายสุทิน คลังแสง ต้องหลีกทางไป

ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา หากไม่มีการล็อกสเปคหรือบล็อคโหวตกัน หรือกดดันส่งสัญญาณว่า คนที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ต้องเป็นใครนั้น ถ้าเปิดฟรีโหวต เชื่อว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง คงจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีเจ้าของ เปรียบเสมือนบริษัทในครอบครัวสกุลชินวัตร เมื่อเจ้าของพรรค ชี้ชัดว่าควรเป็นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ มติก็โหวตให้คุณจุลพันธ์อย่างท่วมท้น แบบไม่ต้องสงสัย

นั่งหน.พรรคแต่ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ

แต่การที่คุณจุลพันธ์เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เพราะในอดีตที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะแยกออกจากกันอย่างชัดเจนกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่เคยมีหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเลย นับตั้งแต่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ พลตำรวจเอกวิโรจน์ เปาอินทร์ นายสมพงษ์อมรวิวัฒน์ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว จนมาถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็เพิ่งได้มาเป็นหัวหน้าพรรค หลังจากที่มีการเลือกตั้งผ่านพ้นแล้ว

กรณีของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ก็เช่นเดียวกัน เชื่อว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญในการบริหารพรรค นำพาพรรคไปสู่การเลือกตั้งพร้อมกับเลขาธิการพรรคคือ นายประเสริฐ จันทรรวงทองซึ่งเปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านของบ้านจันทร์ส่องหล้า เคยเป็นเลขาธิการพรรคสมัย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรคมาแล้ว จึงจำเป็นต้องให้มารับหน้าที่เป็นแม่บ้านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากชุดผู้บริหารพรรคชุดคุณหนูคือหัวหน้าพรรคเป็นนางสาวแพทองธารลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร กับเลขาธิการพรรค นายสรวงศ์ เทียนทองลูกชายนายเสนาะ เทียนทอง ผู้บริหารพรรคชุดคุณหนูทั้งสองคน เมื่อผ่านยุคนี้ไป ก็ใช้บริการผู้อาวุโสอย่างนายประเสริฐ จันทรรวงทอง

แนะจับตา’ลูกเขยแม้ว’โผล่แคนดิเดต

“ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะต้องพิจารณากันต่อไปในพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ผมเป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง และนักวิเคราะห์ทางการเมือง ผมเชื่อว่า1ใน3ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในเบื้องต้นถ้าดูจากกระแสความเคลื่อนไหว และการโยนถามทาง มีความเป็นไปได้สูงมากว่า นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยของนายทักษิณ ชินวัตร จะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 1ใน3 ของพรรคเพื่อไทย ส่วนอีก2คน คงจะรอเวลาสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ตกผลึกกันภายในพรรคเพื่อไทยก่อน ซึ่งจะขออนุญาตนำมาวิเคราะห์ในโอกาสต่อไป”นายเทพไทย้ำ

สาธิต’ดักคอสีเทาอย่ามาประชาธิปัตย์

นายสาธิต ปิตุเตชะ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมพูดเสมอ มีหน้าที่ตรงไหน ทำให้สุด”ตอนนี้มีหน้าที่ พนักงานต้อนรับคนเข้ามาทำหน้าที่ ผู้แทนของประชาชน ที่ ต้องเข้าใจแต่แรกว่า เข้ามาต้องเสียสละ อุทิศให้สังคม ในการทำงาน และเวลาส่วนตัว ความสามารถประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อสังคม และคนส่วนใหญ่ อย่าคิดมาเอาอะไรจากการเมือง นอกจากความนับถือ เกียรติ ในการทำหน้าที่ที่ ซื่อสัตย์ โปร่งใสเพื่อประชาชน ถ้าเข้าใจตามนี้ก็เชิญชวนครับ ถ้ามาเพราะ แบบอื่น หรือ ถ้าเป็น สีเทา ก็อย่ามาเพราะเดี๋ยวนี้ สังคมรู้หมดว่าใครเป็นอย่างไร

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top