วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte” ระบุว่า คนไทยต้องไม่ถูกสแกม!
สแกม” คืออาชญากรรมยุคดิจิทัลที่เติบโตเร็วมาก สร้างความเสียหายนับหมื่นล้านบาทต่อปี ไม่เพียงแต่กระทบต่อกระเป๋าเงินของประชาชนเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอีกด้วย
1. จาก “โทรหลอก” ถึง “AI หลอก”
ยุคแรกของการสแกมเริ่มจาก “โทรหลอก - ส่ง SMS – ทักแชทปลอม” แต่วันนี้พัฒนามาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ชั้นสูงด้วยเทคโนโลยี “Deepfake & AI Scam” ที่สมจริงจนยากจะแยกแยะ
ตัวอย่างภัยใกล้ตัว
(1) ปลอมเป็นพนักงานธนาคาร โทรแจ้งว่าบัญชีของคุณมีปัญหา หลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
(2) ส่งข้อความแจ้งว่าคุณมีพัสดุรอรับ หรือคุณได้รับรางวัล พร้อมส่งลิงก์ให้กดเพื่อขโมยข้อมูล
(3) โทรหลอกลงทุนโดยเสนอผลตอบแทนสูง หรือชวนเข้าร่วมธุรกิจแชร์ลูกโซ่
(4) ใช้เทคโนโลยี AI ปลอมเสียงคนใกล้ชิด หรือสร้างหน้าเหมือนกันเป๊ะ! ขอเงินด่วนแบบแนบเนียน
(5) สร้างเว็บไซต์ธนาคารหน้าตาเหมือนของจริงทุกอย่าง เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต
ไม่ว่าคุณจะรู้เท่าทันแค่ไหน... แค่พลาด “เพียงครั้งเดียว” ก็อาจหมดตัวได้ภายในไม่กี่นาที
2. ทำไมคนไทยจึงยังถูกหลอกซ้ำๆ?
เพราะเรายังไม่มีระบบตรวจสอบอัตโนมัติว่าเบอร์หรือบัญชีที่ติดต่อมานั้นเป็น “ของจริงหรือของปลอม” ไม่มีระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์ที่แจ้งเตือนประชาชนได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย และเมื่อหลงเชื่อ โอกาสได้เงินคืนแทบเป็นศูนย์
3. แล้วทำไมภาครัฐจึงยังสกัดไม่อยู่?
(1) หน่วยงานทำงานแยกกัน ไม่มี “ศูนย์บัญชาการกลาง (Command Center)”
(2) ข้อมูลกระจัดกระจาย ไม่มีฐานข้อมูลกลางแห่งชาติ
(3) การตอบโต้ช้า ทั้งการอายัดบัญชีและปิดเบอร์โทร ต้องใช้เวลาหลายวัน
(4) เครื่องมือและบุคลากรด้านไซเบอร์ยังมีไม่เพียงพอ
(5) ประชาชนไม่รู้จะแจ้งเหตุที่ไหน ไม่มีช่องทางเดียวที่เข้าถึงได้ง่าย
4. ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ”
ควรมีการจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ (National Anti-Scam Command หรือ NASC)” ที่มีบทบาทในการปกป้องคนไทยไม่ให้ถูกสแกม หรือ เป็น “เกราะดิจิทัลแห่งชาติ” ที่รวมทุกภาคส่วนไว้ในที่เดียว เพื่อหยุดภัยสแกมแบบเรียลไทม์
บทบาทหลักของ NASC
(1) เชื่อมโยงข้อมูลจากธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจ
(2) ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ตรวจจับ “เสียง-ข้อความ” ปลอม
(3) ส่งสัญญาณเตือนภัยถึงมือประชาชนทันทีผ่าน “NASC Alert” เพื่อให้รู้ตัวก่อนตกเป็นเหยื่อ
(4) สั่งอายัดบัญชี หรือปิดเบอร์โทรศัพท์โดยอัตโนมัติ ด้วยระบบ SOAR (Security Orchestration, Automation, and Response หรือ ระบบประสานงาน และตอบโต้ภัยไซเบอร์แบบอัตโนมัติ)
5. จัดการได้ใน 5 นาที
หากมี NASC ระบบจะสามารถจัดการภัยสแกมได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที จากเดิมต้องใช้เวลาหลายวัน ประชาชนจะได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง และคาดว่าจะลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 70%
“ภัยสแกม” ไม่เลือกเหยื่อ ไม่เลือกอาชีพ ไม่เลือกอายุ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมีระบบป้องกันและตอบโต้ภัยหลอกลวงระดับชาติ เพราะคนไทยทุกคน... ไม่ควรถูกหลอกอีกต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี