วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ไม่เห็นรบ.ทำผิดร้ายแรงจนต้องซักฟอก
‘ปชน.’อุ้ม‘อนุทิน’
ยินดีรอรบ.จัดการสแกมเมอร์
ถ้าพรรคอื่นจะยื่นถือเป็นสิทธิ์
พท.โวยไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“ศิริกัญญา ตันสกุล”ขุนพลหญิงปชน. เผยยังไม่มีข้อมูลรัฐบาลทำผิดร้ายแรง จนต้องยื่นซักฟอก ชี้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหา ในขณะที่“เพื่อไทย”ลมออกหูเกมพลิก 7 ปมเด็ดที่จ้องสาดน้ำลาย กลายเป็นหมัน ย้อนเกล็ดปชน.มีเทาได้ เพราะมีส้มหนุน
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ในกระบวนการตรวจสอบรัฐบาลสามารถทำได้หลายทาง ทุกวันนี้เราก็ทำหน้าที่ในการตรวจสอบทุกวัน โดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเราคิดว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการกำกับพรรคภูมิใจไทยให้ปฏิบัติตาม MOA แต่ไม่ปฏิเสธว่าถ้ามีเรื่องร้ายแรง ที่เราไม่สามารถให้รัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นแกนนำบริหารประเทศต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียว เราไม่ลังเลใจที่จะยื่นแน่นอน แม้จะเท่ากับว่า MOA จะสูญเปล่า
ยังไม่พบข้อมูลที่ร้ายแรง
แต่จนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่พบข้อมูลที่คิดว่าร้ายแรงสุดๆ จริงๆที่เราอยากกระทุ้งให้รัฐบาลแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือทำอะไรบางอย่าง เราได้พยายามผลักดันในทุกวิถีทางด้วยกลไกที่เรามีอยู่แล้ว ถ้าจะมีพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงร่วมกันเกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกสภาไปยื่นเราคงห้ามไม่ได้ เป็นสิทธิของเขา แต่ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเหมือนกัน ก็คงต้องมาคุยกันว่าจะยื่นเมื่อไหร่
เมื่อถามว่า เรื่องทุนเทาที่มีการเปิดประเด็นออกมายังไม่ร้ายแรงอีกใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ต้องรอ Reaction ว่ารัฐบาลจะมีการปฏิบัติอย่างไรในเรื่องนี้ ซึ่งเรายังให้เวลาว่าจะแก้ไขอย่างไรต่อไป จะมีการปลดหรือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันหรือไม่ หรือมีข้อมูลข้อเท็จจริงอะไรที่นำมาใช้เป็นเบาะแสในการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ เราก็ยินดีรอว่ามีการกระทำอะไรเกิดขึ้น
ในส่วนอื่นๆ เราคิดว่า Action ของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ก็เป็นไปตามแนวทางที่พรรคประชาชนได้นำเสนอต่อประชาชน แม้จะช้าไปหน่อย ทั้งในการประกาศตัวว่าจะเป็นเจ้าภาพและประกาศสงคราม รวมถึงตั้งคณะกรรมการต่างๆ ขึ้นมา เราก็ยังเห็นว่าค่อนข้างช้า ต้องกระทุ้งรัฐบาลต่อไป ให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง ไม่ใช่แค่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่น่าจะเป็นการร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ในสมัยใหม่ รวมถึงแสวงหาความร่วมมือกับนานาชาติที่เจอปัญหาเดียวกับประเทศไทย
เมื่อถามว่า จะให้เวลารัฐบาลถึงเมื่อไหร่ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มาก น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลก็พยายามทำตามมาเรื่อยๆ แต่ในท้ายที่สุดคงจะมีจุดสัมพันธ์ ที่ถ้าข้ามจุดนี้ไปแล้วยังแก้ไม่ได้ก็คงจะเป็นปัญหา ตอนนี้เรายังติดตามอยู่ว่ากระบวนการต่างๆ เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ รอบคอบ รัดกุมหรือไม่ คงต้องให้เวลากับรัฐบาลในเรื่องนี้
ชื่นใจภาคเหนือเท้งนำหน้าหนู
น.ส.ศิริกัญญา ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจกระแสการเมืองภาคเหนือ ซึ่งยังไม่มีพรรคการเมืองและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใดได้อันดับหนึ่ง แต่คะแนนของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย โดย น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จากผลสำรวจก็ใจชื้นขึ้นมา เพราะแม้ว่าคะแนนสูงสุดจะยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร แต่ทั้งพรรคประชาชนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน ยังนำเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งคงต้องเก็บเป็นข้อมูล เพื่อนำไปวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งต่อไป ว่าจะทำอย่างไรกับภาคอื่นๆ และขอบคุณทุกคะแนนที่ให้ความเห็นมา ส่วนจะเร่งเครื่องทันหรือไม่ เพราะใกล้จะยุบสภาและเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เครื่องมักจะติดช้าในช่วงของการเลือกตั้ง หลายครั้งที่ผ่านมา เราพบว่าในช่วงเริ่มต้น หรือแม้กระทั่งตอนที่ปี่กลองเลือกตั้งเริ่มขึ้น แต่กระแสความคึกคักเรื่องการเมืองจะมาในช่วงหลัง จึงคิดว่ามีเวลามากพอที่จะสามารถเอาชนะใจประชาชนได้
ยังไม่เริ่มยุทธศาสตร์เลือกตั้ง
เมื่อถามว่า ช่วงนี้โจมตีพรรคกล้าธรรมเป็นพิเศษ เป็นยุทธศาสตร์ในการวางเพื่อหาเสียงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จริงๆ ต้องแยกกัน การที่พรรคประชาชนพุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วงนี้ เป็นเรื่องการตรวจสอบรัฐบาล ยังไม่ได้เริ่มเป็นยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ถ้าวิเคราะห์กันดีๆ ฐานเสียงที่จะเลือกพรรคกล้าธรรมหรือพรรคประชาชนอาจไม่ได้ทับซ้อนกันขนาดนั้น ก่อนย้ำว่า เป็นกระบวนการตรวจสอบตามปกติที่ฝ่ายค้านพึงกระทำ ไม่ได้มีการพุ่งเป้าเป็นพิเศษ แต่ช่วงนี้โจทย์ใหญ่ของประเทศคือเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ ดังนั้น รัฐมนตรี ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพัน ก็จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากพรรคประชาชน ไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นเรื่องเกมการเมืองเพื่อการเลือกตั้งเลย ส่วนกรณีที่มีการไปยื่นยุบพรรคประชาชน จากกรณีคุณสมบัติผู้ช่วย ส.ส. ถือว่าเป็นหมัดสวนจากพรรคกล้าธรรมหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล รัฐบาลก็มีสิทธิที่จะตรวจสอบฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ได้มีความกังวลอะไร คิดว่าเรื่องข้อมูล ข้อเท็จจริง เราสามารถชี้แจงได้ แต่ถ้าจะมองเป็นเกมการเมืองก็อาจจะมองได้เช่นเดียวกัน เพราะพุ่งไปที่การยุบพรรคการเมือง ต้องทำให้ข้อเท็จจริงเป็นที่กระจ่าง ตนเชื่อว่าเดี๋ยวสังคมก็คงเข้าใจว่าไม่ได้มีอะไรที่นำไปสู่การยุบพรรคได้เลย
ตั้งผู้ช่วยสส.คุณสมบัติถูกต้อง
ทั้งนี้ เราไม่ได้เห็นหลักฐานที่พรรคกล้าธรรมไปยื่น แต่มั่นใจว่าฝั่งพรรคประชาชนมีหลักฐานครบถ้วนแน่นอน ไม่ได้มีการเอาเงินเดือนผู้ช่วย ส.ส. ไปใช้สมัครเป็นค่าสมาชิกอย่างแน่นอน ยืนยันได้ ส่วนเรื่องคุณสมบัติผู้ช่วย ส.ส. ก็ยืนยันว่าถูกต้องตามที่สภาระบุไว้ มีข้อมูลหลักฐานพร้อม
เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์เรื่องการโยกเงินผู้ช่วย ส.ส. มาเข้าบัญชี ส.ส. จะต้องมีการตรวจสอบหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า คงต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน แต่โดยนโยบายของพรรค ไม่ได้มีนโยบายแบบนั้น ต้องให้กระบวนการที่เป็นธรรมในการพิสูจน์ข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้ และหวังว่าจะเป็นแค่ข่าวที่ไปกลั่นแกล้งกันทางการเมือง ซึ่งจะจบไปเมื่อข้อมูลหลักฐานออกมากระจ่างชัด
พร้อมชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.
เมื่อถามว่า นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ที่โดนกล่าวหา ได้พูดคุยกับพรรคหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ยังไม่ได้คุย และคิดว่าน่าจะยังไม่กลับมาประเทศไทย ขณะนี้ยังติดต่อกันไม่ได้ แต่ในอีกทางหนึ่ง พรรคก็พยายามหาข้อมูลหลักฐานมาประกอบ เพราะเอกสารหลายชิ้นก็ยื่นกับสภา สภาน่าจะมีข้อมูลอยู่ สามารถที่จะตรวจสอบได้ ในส่วนของเส้นทางการเงิน ก็คงต้องใช้อำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะไปเรียกดูข้อมูลว่าเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีการชัดเจนก็น่าจะมีการแถลงข่าวต่อไป
น.ส.ศิริกัญญายังกล่าวถึงกรณียุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคว่า พรรคประชาชนจะแสดงความพร้อมในการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าพรรคประชาชนบริหารได้จริง จะมีการเปิดตัวฝ่ายบริหารในคณะรัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญๆ หรือทีมบริหารเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ว่าในท้ายที่สุดช่วงการจัดตั้งรัฐบาลว่าตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้เป็นการต่อรอง จากจำนวน ส.ส.ที่อยู่ในมุ้ง ไปแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่จะเลือกผู้ที่มีความเชี่ยวชาญความสามารถ การบริหารในกระทรวงต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าหากเลือกพรรคประชาชนแล้ว จะได้ใครมาบริหารประเทศอย่างชัดเจน รวมถึงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการทาบทามเดินหน้าอย่างเต็มที่และมีการตอบรับมาหลายคนแล้ว แต่ไม่ได้มีการทาบทามคนในพรรคเอง ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรียังไม่ได้คิด ตนว่าจะต้องมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนเป็นเบอร์หนึ่ง แต่สถานการณ์ที่ผ่านมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมืองที่เกิดขึ้น เบอร์สองและเบอร์สามอาจจะยังไม่ได้รีบร้อนในการตัดสินใจ
ทั้งนี้ น.ส.ศิริกัญญาเปิดเผยว่า ได้บุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว รอเปิดตัวสิ้นเดือนนี้
พท.เดือดสับปชน.
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคประชาชน (ปชน.) ออกสโลแกน “มีเรา ไม่มีเทา” ว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังร้องยี้กับสแกมเมอร์ที่มีข่าวพัวพันมาถึงนักการเมือง การที่พรรค ปชน.ออกสโลแกนเช่นนี้ เป็นวาทกรรมเพื่อดึงคะแนนผู้สนับสนุนนำไปสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า ใช้สถานการณ์เหมือนกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่ใช้วาทกรรมว่า มีเรา ไม่มีลุง ซึ่งขณะนั้นคนเบื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เบื่อลุง ต้องการคนใหม่ๆ เข้ามาสู่การเมือง วันนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก และเกี่ยวพันถึงประเทศไทย มีข่าวลุกลามไปถึงนักการเมือง ฉะนั้น พรรค ปชน.จึงหยิบฉวยโอกาส เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และพรรค ปชน.ก็เคยหยิบมาอภิปราย จึงรู้ดีว่าใครเป็นอย่างไร ใครคือเทาที่ว่า
“ย้อนกลับไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเห็นการลงนามเอ็มโอเอของส้มและน้ำเงิน ส้มรู้ดีใครจะมาร่วมรัฐบาล มีเทาหรือไม่มีเทา ถ้าบอกว่า มีเทา ไม่มีเรา หากคนในรัฐบาลมีเทาอยู่ ทั้งที่ส้มก็รู้อยู่แก่ใจ แล้วผลักดันให้ได้เป็นรัฐบาล แบบนี้ผมขอเรียกว่า วันนี้มีเทาได้เพราะมีส้ม และคงจำกันได้ก่อนล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็ออกมาพูดว่าจะล้มรัฐบาล และคนออกมาปล่อยข่าวว่ามีการระดมทุนถึง 2 พันล้านบาทเพื่อล้มรัฐบาล และตั้งรัฐบาลใหม่ ที่บอกว่ามีเรา ไม่มีเทา ก็อยากให้ส้มไปตรวจสอบตรงนี้ด้วยว่าเงิน 2 พันล้านนั้นไปอยู่ที่ไหน ให้ใครเพื่อใช้ทำอะไร ถ้าอ้างตัวว่ามีเราไม่มีเทา ก็ควรเอาเรื่องนี้มาบอกให้ประชาชนรับทราบด้วย” นายวรชัย กล่าว
พท.กาง7ปมเด็ดเปิดซักฟอกได้
ขณะที่นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า พรรคเพื่อไทย ทยอยเปิดเหตุผลที่เราไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ อาทิ แต่งตั้งโยกย้ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ปัดเป่าคดีพวกพ้อง บริหารจัดการน้ำล้มเหลว ใช้งบ 4,000 ล้าน อุ้ม MotoGPไม่คุ้มค่า ไม่จริงจังแก้ปัญหาสแกมเมอร์ มุบมิบเซ็นMoUแร่หายาก เสี่ยงทำไทยเสียดินแดนและอีกมากมายที่เตรียมเปิดต่อ ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่ผิดถึงขั้นต้อง #อภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ
โวยทำไมไม่ตัดไฟแต่ต้นลม
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ระบุการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า รัฐบาลยังไม่ถึงขั้นผิดร้ายแรง ว่า อาจเป็นคำที่สะท้อนว่าพรรค ปชน.กำลังรอให้วิกฤตเกิดก่อนแล้ว ค่อยตรวจสอบ แต่ฝ่ายค้านควรทำหน้าที่ดับไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ใช่รอให้ลุกไหม้ทั้งบ้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เป็นกลไกตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่แล้ว พรรค พท.ในฐานะฝ่ายค้านมีสิทธิและหน้าที่เต็มที่ในการใช้ช่องทางนี้ เพื่อปกป้องประโยชน์ของประชาชน และความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน หากพรรค ปชน.กังวลว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะกระทบต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรค พท.พร้อมพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน เพราะจุดยืนของเราชัดเจนว่าการตรวจสอบรัฐบาล กับการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน แต่สิ่งสำคัญคือฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยไม่ปล่อยให้ปัญหาบานปลาย เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้หมายถึงการล้มรัฐบาลเสมอไป แต่คือการทำให้รัฐบาลต้องตอบคำถามต่อสาธารณะ และปรับปรุงการบริหารงานให้ดีขึ้น
ประชุมแก้รธน.12พย.
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... รัฐสภาให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ว่า ขณะนี้เรามีการพิจารณามาแล้ว 8 ครั้ง แต่เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เราจะมีการลงมติว่าจะใช้รูปแบบกลไกในการยกร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะอย่างไร แต่ปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เช่น กมธ. บางส่วนติดภารกิจในพื้นที่ หรือบางส่วนอาจจะยังมีความไม่เข้าใจว่าอาจจะมีอะไรที่หมิ่นเหมคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่า วันที่ 12พ.ย.นี้ ประเด็นเรื่องการตัดสินใจว่าจะเลือกรูปแบบกมธ.ยกร่างหรือผู้พิจารณาในการจัดทำรัฐธรรมนูญรูปแบบใด จะเป็นประเด็นแรกที่มีการพูดคุยกัน และหากผ่านประเด็นนี้ไปได้ การเดินหน้าของ กมธ. จะเป็นไปตามกรอบเดิมที่วางไว้ แต่อาจจะต้องมีการขยับระยะเวลาการพิจารณาแล้วเสร็จออกไปเล็กน้อย แต่จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า สว.ยังมีความกังวลและกังขาเรื่องที่มาส.ส.ร. มองว่าจะเป็นอุปสรรคทำให้การพิจารณาล่าช้าหรือเป็นปัญหาหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นนี้เราได้มีการทำความเข้าใจกันไปเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอจากพรรคใด แต่ท้ายที่สุดจะมีการตกลงร่วมกันของ กมธ. อย่างไรก็ตาม เราได้มีการพิจารณาทุกมิติที่มีข้อสงสัยเกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราได้มีการกางบนโต๊ะ และพิจารณาร่วมกันว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้มีประเด็นใดที่จะสุ่มเสี่ยง ทั้งสุ่มเสี่ยงต่อการผิดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือสุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องในภายหลัง ซึ่งเราพูดคุยกันตรงกันว่าเราพยายามที่จะปิดช่องโหว่หรือความสุ่มเสี่ยงตรงนั้นทั้งหมด
มั่นใจองค์ประชุมไม่ล่ม
เมื่อถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่า วันที่ 12 พ.ย.นี้ จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีองค์ประชุมล่มอีก นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ามั่นใจ และเชื่อมั่นว่าการที่เราได้มีการนัดหมายล่วงหน้า และมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันนอกรอบมากขึ้น ตนยังไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยใดที่จะทำให้การตัดสินใจในวันที่ 12พ.ย.นี้จะไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนมั่นใจในกมธ.ทุกคนด้วยว่าไม่มีกมธ.คนไหนที่จะไม่สนับสนุนการปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ฉะนั้น เมื่อเรามีเจตนารมณ์ตรงกัน เรามุ่งมั่นในการปลดล็อกเพื่อนำไปสู่การแก้ไขในอนาคต ก็เชื่อมั่นว่ากมธ.จะมาประชุมกันครบ แม้กมธ. จะมาไม่ครบแต่เชื่อมั่นว่าองค์ประชุมจะทีครบถ้วนพอที่จะพิจารณาประเด็นนี้ต่อไปได้ รวมถึงได้ฉันทามติในข้อสรุปอื่นๆ ต่อไป
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนการเปิดประชุมสมัยวิสามัญนั้น กมธ.คงไม่สามารถเป็นผู้กำหนดได้ เป็นในส่วนของรัฐบาลหรือสภา แต่ในส่วนของ กมธ. เราจะทำงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้ หากจะการเปิดสมัยประชุมวิสามัญนั้น อาจเป็นไปได้ตั้งแต่เดือนพ.ย. หรือต้นธ.ค. ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่ของ กมธ.ให้สมบูรณ์ที่สุด และไม่มีข้อขัดแย้งกันถึงขนาดที่จะไม่สามารถทำให้แล้วเสร็จได้ รวมถึงเราไม่ได้นำประเด็นอื่นๆ มาเป็นข้อกังวล เช่น การยุบสภา หรือการใช้รัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันหรือไม่ ไม่ได้ถูกนำมาเป็นปัจจัยในการส่งผลต่อการเดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี