วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นักวิชาการอ่านกลยุทธ์"อนุทิน" ใช้"ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์" ผูกมัดกัมพูชา/วางหมากทูตสร้างแรงกดดันผ่านสหรัฐฯ-มาเลเซีย พร้อมควบโยงผลประโยชน์เศรษฐกิจจากข้อเสนอของ"ทรัมป์"
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารและจัดการการเมือง วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้สัมภาษณ์กรณีการหารือทางโทรศัพท์ระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน โดยชี้ให้เห็นถึงการวางยุทธศาสตร์เชิงการทูตและความมั่นคงของไทยในสถานการณ์ความตึงเครียดกับกัมพูชาในหลายมิติ
1) นายกรัฐมนตรีกำลังใช้ประโยชน์จากกรอบปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ให้เป็นหลักฐานทางการทูตผูกมัดกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงก่อน เพื่อสร้างความชอบธรรมระหว่างประเทศให้กับไทย โดยยืนยันต่อผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซียว่า กัมพูชาละเมิดปฏิญญาฯ ย้ำหลักฐานระบุว่ามีผู้สังเกตการณ์ต่างชาติยืนยันว่า “ทุ่นระเบิดถูกวางหลังลงนามปฏิญญาฯ” ซึ่งเป็นการสร้างฐานความชอบธรรมต่อสายตานานาชาติให้กับไทย สื่อนัยยะว่าไทยกำลังวางตำแหน่งเป็น “ผู้รักษากติกา” มาโดยตลอด และชี้ภาพให้กัมพูชาคือ “ผู้ละเมิดข้อตกลง” ครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งจะส่งผลให้ไทยได้เปรียบคือ ไทยกำลังผูกเรื่องนี้เข้ากับกติการะหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดแรงกดดันต่อกัมพูชาจากหลายฝ่ายพร้อมกัน โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่กัมพูชาหวังจะพึ่งพิง
2) ไทยกำลังพยายามส่งเงื่อนไขที่กัมพูชาต้องยอมรับผิด และทำตามข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อไทย ประเทศไทยประกาศชัดว่าจะระงับการดำเนินการตามปฏิญญาฯ หากกัมพูชาไม่ยอมรับผิด แจ้งให้ประธานาธิบดีทรัมป์รับทราบอย่างชัดเจนว่าไทยตั้งเงื่อนไขให้กัมพูชาต้องขอโทษอย่างเป็นทางการต่อประชาชนไทย มิเช่นนั้น การดำเนินความสัมพันธ์ใดๆ ที่เดินหน้าต่อกับเพื่อนบ้านที่ไม่จริงใจอย่างกัมพูชา จะขับเคลื่อนต่อไปอย่างยากเย็น ซึ่งจะกระทบต่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นบริเวณชายแดน ในทางหนึ่งถือเป็นการยืนยันความเข้มแข็งของประเทศที่มีอธิปไตยเป็นของตัวเองอย่างประเทศไทย ให้ทั้งสหรัฐฯและมาเลเซียต้องเคารพในความเป็นอธิปไตยของไทยด้วย
3) ไทยใช้โอกาสนำ “ความมั่นคงชายแดน” กระทบชิ่งต่อ “เศรษฐกิจระหว่างประเทศ” โดยใช้สหรัฐฯ เป็นคานงัด เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศไทย กรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์รับข้อเสนอของไทยและระบุว่า หากไทยสามารถเร่งถอนทุ่นระเบิดได้ จะพิจารณาลดภาษีให้ไทยเพิ่ม แสดงให้เห็นว่านายกฯอนุทินกำลังใช้โอกาสที่ทรัมป์เปิดบทสนทนานี้ก่อน นำมาพลิกผันเป็นประเด็นเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ไทยได้ประโยชน์ โดยหยิบยกเรื่องที่เป็นความต้องการของไทยในการเร่งถอนทุนระเบิดที่จะนำไปสู่การรับประกันสันติภาพระหว่างสองประเทศจนทำให้สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะสนับสนุนแรงจูงใจเพิ่มเติมโดยการเจรจาลดภาษีให้ เท่ากับว่าไทยยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว กล่าวคือได้ทั้งการถอดถอนทุนระเบิดที่ชายแดน และการลดภาษีนำเข้าสินค้าไทยจากสหรัฐฯเพิ่มเติมในคราวเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการใช้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจเป็นตัวค้ำยันความมั่นคงแบบมีชั้นเชิง
4) การพูดคุยอย่างมีชั้นเชิงทั้งกับสหรัฐฯ และมาเลเซีย ยังเป็นการยืนยันภาพลักษณ์ไทยด้วยว่าไทยยังให้ความสำคัญกับเวทีอาเซียนและสหรัฐฯ ไม่ได้ละเลย แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเข้มแข็งในการรักษาประโยชน์ของแผ่นดินไทยในขณะเดียวกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นความสมดุลที่ไม่เสียเชิงในการเจรจากับประเทศที่ทรงอิทธิพล แต่ยังชูภาพความเข้มแข็งของไทยไปพร้อมๆกัน เป็นการวางภาพลักษณ์ใหม่ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยไทยยังได้รับประโยชน์จากการที่สหรัฐฯและมาเลเซียพยักหน้าตอบรับไทย เป็นสัญญาณว่าไทยกำลังจัดระเบียบแรงสนับสนุนจากสองชาตินี้ได้สำเร็จในระดับหนึ่งเพื่อส่งความกดดันต่อกัมพูชา
กล่าวโดยสรุป ยังถือว่าในการพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ในครั้งนี้ ไทยยังสามารถวางจุดยืนที่เข้มแข็ง แต่ใช้กรอบสันติภาพที่ทั้งสองประเทศปลายสายต้องการ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับข้อเรียกร้องที่ชัดเจนของไทยบนพื้นฐานผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้งได้เป็นอย่างดี เพราะต้องอย่าลืมว่าการชนะโดยไม่ต้องรบ ย่อมเป็นชัยชนะที่หอมหวานเสมอ มากกว่าชัยชนะที่ต้องแลกมาจากการสูญเสียชีวิตของทหารลูกหลานคนไทย เราควรวางยุทธศาสตร์หลีกเลี่ยงสนามรบไว้ก่อน จนกว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วจริงๆ ถึงให้การรบพุ่งเสียเลือดเนื้อเป็นทางเลือกสุดท้าย ดังนั้น สติ ปัญญา ความรอบคอบ ความอดทนอดกลั้น การเจรจาอย่างมีชั้นเชิง และการคิดเชิงยุทธศาสตร์ ที่ต้องคิดก้าวหน้ากว่าศัตรูอย่างน้อยสามชั้น จะทำให้เรามีชัยชนะอย่างแท้จริง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี