วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายกฯสั่งเดินหน้าช่วยคนใต้
เยียวยานํ้ำท่วม
พร้อมตั้งรพ.สนามหากจำเป็น
พักหนี้-ให้สินเชื่อดอกเบี้ย0%
จ่ายชดเชย50%ค่าจ้างแรงงาน
“นายกฯ”แถลงเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้เงินต้องถึงมือทันที รับทราบน้ำลดแล้ว ชี้“ธรรมนัส”สั่งการเปรียบเสมือนนายกฯสั่ง มอบ“ปลัดมท.”ลงพื้นที่ ร่วมทำงานกับ“ผบ.ทสส.”สั่งเตรียมความพร้อมตั้ง“โรงพยาบาลสนาม”หากมีความจำเป็น ขอประชาชนยึดข้อมูล“ศป.กฉ.” เพื่อความถูกต้องลุยถกจัดงบฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้ ขยายวงเงินทดรองจ่ายผู้ว่าฯ100ล้านบาท ประสาน คปภ.เคลมประกันถ่ายรูปได้เงินทันที ด้านประกันสังคมจ่ายค่าจ้างรายวัน50%นานสูงสุด6เดือน
เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน2568 ที่กระทรวงการคลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมบูรณาการการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ว่า วันนี้ตนได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหามาตรการให้ความช่วยเหลือ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการและภาคธุรกิจ ตลอดจนหามาตรการในการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งในการประชุมในวันเดียวกันนี้ได้มีการประชุมกับหลายหน่วยงานมาแล้ว โดยได้เร่งเรื่องของการตั้งกรอบของการให้การช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟู เหตุที่เกิดขึ้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงที่ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม ขณะเดียวกันยังมีเรื่องการจัดสรรกรอบงบประมาณและเชื่อมโยงเครือข่ายทรัพยากร เชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสารให้เป็นไปทิศทางเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการตอนนี้ดำเนินการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีการยกเว้นระเบียบต่างๆเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
นายกฯ กล่าวต่อว่า การมาที่กระทรวงการคลังเน้นในเรื่องของการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจให้กับผู้ที่ประสบความเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ส่วนในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือในเรื่องของความปลอดภัยชีวิตการดำรงชีพของพี่น้องประชาชน ในขณะที่เกิดเหตุนั้นตนได้เดินทางลงไปในพื้นที่อยู่ตลอดเวลาและได้มีการประสานงานกับฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคงต่างๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในพื้นที่ โดยมีการระดมทรัพยากรทุกอย่างลงไปในพื้นที่ ซึ่งมีผู้บัญชาการสถานการณ์คือผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) อำนวยการในพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนรีบขึ้นมาจัดเรื่องงบประมาณในการให้การช่วยเหลือ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สำนักงานนายกรัฐมนตรี(สลน.)และหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย. (คปภ.) ที่ต้องดูแลเพื่อเร่งจ่ายค่าประกันภัยความเสียหายต่างๆให้กับประชาชนในพื้นที่
นายกฯ กล่าวอีกว่า เน้นในเรื่องของการให้การดำเนินการเหล่านี้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางด้านการช่วยเหลือทางด้านการเงินด้วย เรื่องของการลดหย่อนภาษีการคิด งด พักชำระหนี้และการให้สินเชื่อที่ไม่มีดอกเบี้ย เพื่อซ่อมแซม ฟื้นฟูบ้านเรือน ร้านค้า และการที่จะลดค่าใช้จ่ายต่างๆในการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้แน่นอนใจและได้ใช้เวลาทุกวินาทีในการเร่งดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบภัยอยู่ในขณะนี้ตนได้ขอให้นายพิพัฒน์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ตอนนี้ทั้ง 2 ท่านประจำอยู่ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมหลายวันแล้ว และได้มีการสั่งการดำเนินการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและดำเนินการในการทำให้ระดับน้ำให้ลดลงไปให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งสั่งการให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
“ผมได้รับทราบมาว่าสถานการณ์ในพื้นที่กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และผมได้ออกคำสั่งให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละท่านได้รับผิดชอบในเขตจังหวัดที่เกิดน้ำท่วมในปัจจุบัน โดยร.อ.ธรรมนัสสามารถสั่งการเปรียบเสมือนเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีได้เลย ในพื้นที่จังหวัดสงขลา นายพิพัฒน์ นายโสภณ ชารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสันติ ปิยะทัต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับการมอบหมายให้ไปดูแลในจังหวัดแต่ละจังหวัดที่สามารถสั่งการในนามรัฐบาล หรือสั่งการในนามของนายกรัฐมนตรีได้เลย” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องระบบสาธารณสุขได้มอบหมายนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุขได้มอบหมายให้ดำเนินการให้เกิดความมั่นใจในการให้บริการคนไข้ในโรงพยาบาลในพื้นที่ รวมถึงโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาล ถ้ามีความจำเป็น ซึ่งบุคลากรทางด้านสาธารณสุขเหล่านี้ ทุกท่านมีประสบการณ์ที่ได้ผ่านการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้มาแล้ว ก็ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ และขอให้รับฟังข้อมูลแถลงจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ในทุกๆวันเพื่อจะได้มีการสื่อสารที่ถูกต้องสถานการณ์นี้เหมือนตอนโควิด-19 ถ้าท่านไปรับฟังข่าวสารจากช่องทางอื่นๆก็จะมีความซ้ำซ้อน จึงขอให้ยึดถือข้อมูลที่ทางศป.กฉ.ได้ทำการแถลงทุกวันไว้เป็นข้อมูลที่จะสื่อสารอย่างเป็นทางการกับพี่น้องประชาชน โดยขอให้มีการแถลงช่วงเช้าและช่วงบ่ายเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลสถานการณ์ให้มากที่สุด
นายกฯ กล่าวอีกว่า การดูแลพี่น้องประชาชนเราดำเนินการมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุและยังคงดำเนินการต่อไป ยังคงมีการประสานงานอยู่ตลอดเวลาโดยตนจะให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงไปดำเนินการบังคับบัญชาสถานการณ์ร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวให้มากที่สุด
ทางด้าน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ทางกระทรวงการคลังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 100 ล้านบาทเพื่อใช้ช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ขณะที่ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง รัฐบาลได้ออกแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างได้ออกหนังสือเวียนแนวปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสามารถดำเนินการได้ทันทีภายใต้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเบิกจ่ายช่วยเหลือเร่งด่วน โดยกรมบัญชีกลางได้ออกระเบียบให้หน่วยราชการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
โดยทางนายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้บูรณาการกับภาคส่วนใดต่างๆ เพื่อเตรียมเยียวยาหลังน้ำลดทันที ขณะเดียวกัน ได้ตั้งศูนย์อำนวยการเครือข่ายวายุภักษ์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย. (คปภ.) เรื่องประกันรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมก็จะมีการเคลมที่เร็วและง่ายขึ้น ซึ่ง เลขาฯ คปภ.ได้ประสานกับสมาคมประกันและประกันชีวิต เพื่อเบิกจ่ายเงินได้ทันทีแค่ถ่ายรูปเคลมได้เลย ส่วนรายละเอียดจะมีการชี้แจงอีกครั้ง แต่หัวใจสำคัญคือนายกสั่งว่าเงินต้องลงทันที
“นายกฯ กำชับให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยา 9,000 บาท ให้ถึงมือประชาชนทันที โดยไม่ให้มีความล่าช้า” นายเอกนิติ กล่าว
ทั้งนี้ ได้หารือกับสถาบันการของรัฐและสมาคมธนาคารไทย จะมีแพ็กเกจในการพักหนี้พักดอก สำหรับครัวเรือนที่เดือดร้อนทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระ นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เพื่อเยียวยาฟื้นฟู ซึ่งระบบทั้งหมดจะต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อให้เงินลงเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบงค์รัฐหรือเอกชน
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่าอธิบดีกรมธนารักษ์ลงพื้นที่ไปสำรวจ โดยกระทรวงการคลังมีที่ราชพัสดุก็ได้ให้เป็นที่พักพิงช่วยเสริมสำหรับประชาชนที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับที่พักตัวเองได้ เบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 5-6 แห่ง ที่สามารถรองรับประชาชนได้ สำหรับเครือข่ายวายุภักษ์ กรมศุลกากร สถาบันการเงินของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่สนับสนุนการลำเลียงสิ่งของ การขนส่ง และการช่วยเหลืออื่น ๆ อย่างใกล้ชิด ทุกมาตรการมีเป้าหมายสำคัญเดียวกัน คือ “เงินและความช่วยเหลือต้องถึงมือประชาชนทันที” และเมื่อสถานการณ์น้ำลด ทุกระบบจะถูกนำมาใช้ฟื้นฟูได้ทันทีตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า หลังเกิดอุทกภัย นายกรัฐมนตรีสั่งการด่วนให้เร่งสำรวจผลกระทบ พบสถานประกอบการกว่า 10,000 แห่ง และลูกจ้างราว 200,000 คน ได้รับผลกระทบ (ข้อมูล ณ 26 พ.ย.) กระทรวงแรงงานจึงเร่งเดินหน้าโครงการ เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติ โดยกองทุนประกันสังคมจะจ่ายชดเชย 50% ของค่าจ้างรายวัน นานไม่เกิน 6 เดือน สำหรับผู้ประกันตนที่ไม่สามารถไปทำงานได้ ผู้ประกันตนสามารถยื่นเรื่องได้ทันทีผ่านสำนักงานประกันสังคมหรือทางเว็บไซต์ ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานได้จัดตั้ง ศูนย์ซ่อมสร้าง ลงพื้นที่ช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนและยานพาหนะหลังน้ำลด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีสั่งเร่งเบิกจ่ายงบช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเงินเยียวยา 9,000 บาทนายกฯ เห็นชอบแล้ว พร้อมจ่ายทันที ขณะเดียวกันได้เตรียมงบฟื้นฟูระยะต่อไป โดยประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ยืนยันงบพร้อมดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี