วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ครม.ทุ่มงบ530ล้านฟื้นฟูหาดใหญ่
เยียวยาศพละ2ล.
ได้เฉพาะพื้นที่ฉุกเฉิน‘สงขลา’
โอนช่วยน้ำท่วมลอต2อีก877ล.
เคาะ3มาตรการช่วยผู้ประสบภัย
แห่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา
นายกฯ ขอดูรายละเอียด ต้องขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ หลังจว.อื่นกังวล ไม่ครอบคลุมเยียวยา 2 ล้าน โยนถาม “เอกนิติ” ดูงบฯ เยียวยาพอหรือไม่ หรือต้องออก พ.ร.ก.กู้เงิน ครม.ไฟเขียวจ่ายค่าปลงศพรายละ2ล้าน ในพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เคาะ530ล. ชุบชีวิตเมืองหาดใหญ่ รัฐบาลโอน9,000บาท เยียวยาอีก9.7หมื่นครัวเรือน วงเงิน877ล้านบาท ศป.กฉ. คาดหาดใหญ่ ใกล้ใช้น้ำ-ไฟได้100% ปภ.เผย น้ำท่วมใต้กระทบ8แสนครัวเรือน พบ8จว.น้ำยังไม่แห้ง เร่งช่วยเหลือเยียวยา-ฟื้นฟูหลังน้ำลด ปลัดมท.สั่งเจ้าหน้าที่เร่งเดินหน้าทำงานฟื้นฟูตลอด24ชั่วโมง
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นำคณะ เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมกระเช้าปีใหม่สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications: GI) “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” โดยมี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย ร่วมด้วย
จากนั้น นางศุภจี ประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” เข้าพบนายกฯ พร้อมพานายกฯ ดูตัวอย่างสิ่งของที่จะส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่มีทั้งสิ่งของอุปโภคบริโภคและเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยนายกฯได้สอบถามด้วยความสนใจว่าสิ่งของจะส่งไปถึงเมื่อไหร่และจะส่งไปที่ไหน
โยนถาม“เอกนิติ”งบฯเยียวยาพอหรือไม่
ทั้งนี้ภายหลังเยี่ยมชมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ ถึงเงินเยียวยา 2 ล้านบาทจะมีการขยายออกไปนอกพื้นที่ ที่ไม่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการเยียวยาไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเราจะเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้
เมื่อถามย้ำว่า ผู้เสียชีวิตที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ครอบคลุม จะไม่ได้เงิน 2 ล้านบาทใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันมีอยู่หลายประเภท ขอไปตรวจสอบก่อน มันมีกฎเกณฑ์อยู่ แต่ในรายละเอียดก็พยายามที่จะให้ อย่างผู้ป่วยติดเตียง เดี๋ยวตนขอไปเช็คก่อน
เมื่อถามว่าจะต้องนำ พ.ร.ก.กู้เงิน มาใช้ในเรื่องของการเยียวยาหรือไม่ นายกฯ ชี้นิ้วไปทางนายเอกนิติ พร้อมกล่าวว่า ถามท่าน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ากรณีที่เงินเยียวยาไม่พอต้องออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงิน หรือไม่ นายเอกนิติ โบกมือ ส่ายศีรษะ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนนายกฯและนายเอกนิติ เดินเข้าไปประชุม ครม.
ไม่ตอบปม“ชาดา”ไล่“นายกแป้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายอนุทิน ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเห็นด้วยกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ที่ไล่ นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือนายกฯแป้น นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ออกจากตำแหน่งหรือไม่ โดยนายกฯ หัวเราะในลำคอ และปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที ทันที
ผู้สื่อข่าวพยามสอบถึงเรื่องเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตน้ำท่วมรายละ 2 ล้านบาท ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเยียวยา นายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆว่า เดี๋ยวให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้แจง เมื่อถามย้ำว่าแต่หลักเกณฑ์ไม่เคยมีมาก่อน นายกฯ กล่าว่า “มีนัดๆ”
จากนั้น นายกฯ เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปรับประทานอาหารกลางวัน ด้านนอกและจะเดินทางกลับเข้าทำเนียบอีกครั้งในช่วงบ่าย
“ชาดา”ซัดแหลก“นายกแป้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ นายชาดา ระเบิดอารมณ์กลางที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ ที่มีนายอนุทิน ร่วมอยู่ด้วย โดยนายชาดาได้กล่าวโจมตีการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่ นายกแป้น พร้อมเรียกร้องให้รับผิดชอบต่อความผิดพลาดครั้งนี้
“เมื่อกี้ผมบอกท่านนายกแป้น ผมบอกทำให้จบ ทำให้เสร็จ แล้วลาออกไปเลย ขอโทษประชาชนแล้วลาออกไป มันมีคนจะต้องลาออกตามนายกฯแป้นไปด้วย” นายชาดาประกาศอย่างไม่เกรงใจ
ครม.อนุมัติค่าปลงศพรายละ2ล้าน
เวลา 14.15 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบอัตราค่าปลงศพในพื้นที่ประสบภัย จ.สงขลา จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเผื่อกรณีฉุกเฉิน เพื่อจ่ายค่าปลงศพให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จ.สงขลา ศพละ 2 ล้านบาท แบ่งเป็น 1 ล้านบาทจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และจากงบกลาง 1 ล้านบาท
นอกจากนั้น ครม.เห็นชอบอนุมัติงบกลางให้ จ.สงขลา วงเงิน 530 ล้านบาท สำหรับฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อถามว่า สำหรับผู้เสียชีวิตในจังหวัดอื่นในภาคใต้ จะได้รับเยียวยา 2 ล้านด้วยหรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า ครม.พิจารณาเฉพาะพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จ.สงขลา เท่านั้น ยังไม่ได้พูดคุยกรณีจังหวัดอื่น
ครม.เคาะ3มาตรการเยียวยาฟื้นฟู
นายสิริพงศ์ แถลงว่า ครม.เห็นชอบมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โดยครม.เห็นชอบ 3 นโยบาย คือ 1.นโยบายพักเงินต้นยกดอกเบี้ยให้กับผู้ประสบภัยทางภาคใต้ จำนวน 1 ล้านบาท โดยพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา1ปี 2.โครงการสินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยภาคใต้ในลักษณะการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประสบภัยภาคใต้สามารถกู้เงินได้ 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 1 ปี ระยะสัญญา 3 ปี เพื่อใช้เยียวยาฟื้นฟูอาชีพ 3.สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้สำหรับกู้ยืมเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยสามารถกู้ได้ 1 แสนบาท ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 1 ปี อายุสัญญา 3 ปี ส่วนสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ SME จำนวน 1 ล้านบาท จะเข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า
โอนเงินให้อีก9.7หมื่นครัวเรือน
เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ ปฏิบัติการ แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) แถลงภายหลังการประชุม ศป.กฉ. ว่า สำหรับรายงานการจ่ายเงิน เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 9,000 บาท จะดำเนินการโอนในวันนี้ 2 ธ.ค.2568 จำนวน 97,466 ครัว เรือนวงเงิน 877,194, 000 บาท สงขลา 7,331 ครัวเรือน 632, 979,000 บาท จังหวัดสตูล18,121 ครัวเรือน 163,089,000 บาท นราธิวาส 7,305 ครัวเรือน 65,745,000 บาท ปัตตานี 1,709 ครัวเรือน วงเงิน 15,381,000 บาท
ส่วนวันนี้สามารถโอนเงินสำเร็จ 25,908 ครัวเรือนคิด เป็นเงิน 233 ล้านบาทซึ่งมี 650ครัวเรือนที่ตกหล่นเนื่องจากไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ รวมไปถึงบัญชีบางส่วนไม่มีความเคลื่อนไหวมานาน ขณะที่ประชาชนที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารออมสินจะได้ไม่เกินเที่ยง ส่วนธนาคารพาณิชย์อื่นๆในช่วงบ่ายจะเริ่มทยอยดำเนินการให้เสร็จสิ้น และในวันต่อไปคาดว่าจะมีจำนวนผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รูปแบบการทำเดินการของท้องถิ่นบางพื้นที่จะรับฟังและดำเนินการไปแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด
คาด14วันภารกิจทำความสะอาดลุล่วง
ส่วนการบริหารจัดการขยะในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยมากที่สุดโดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จะเป็นการบูรณาการใน 2 ส่วน คือในส่วนของทหาร จะดูแล 4 โซน ในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สาธารณะ ถนนใหญ่ ถนนย่อย ในส่วน อบจ.ดูแลพื้นที่ที่เป็นซอยเล็ก ซอยย่อย ซึ่งคาดว่าการทำความสะอาด 7 วัน ก็จะได้เห็นผล ว่ามีความคืบหน้าไปมากและ 14 วันน่าจะสำเร็จลุล่วง โดยจะมีการทำความสะอาด 3 รอบ ซึ่งนายกอบจ.กล่าวว่าในรอบที่ 3 จะทำความสะอาดฆ่าเชื้อทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนและภาคเอกชน มีความมั่นใจ
นางสาวรัชดา กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนนอกจากทหารที่เป็นกำลังสำคัญแล้วยังได้อาสาสมัครรักษาดินแดนหลายพันคนเข้าไปช่วยรวมถึงอาสาสมัครจากภาคประชาสังคมที่เป็นอีกหนึ่งกำลัง กรมการขนส่งทางบกรายงานเรื่องของการเคลื่อนย้ายรถยนต์ ในพื้นที่ถนนดำเนินการเกือบทั้งหมด เหลือเพียงบางส่วนที่จอดอยู่บนสะพาน เพราะฉะนั้นในเรื่องการจราจรน่าจะดีขึ้นในเร็ววันนี้
“ไฟฟ้า-น้ำประปา”ใกล้พร้อม100%
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ส่วนภาพรวมการจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่แล้ว 92% ส่วนน้ำประปาครอบคลุมพื้นที่ 90% และคาดการณ์ว่าไม่ช่วงเย็นวันนี้หรือช่วงเช้าวันพรุ่งนี้น่าจะดำเนินการครบ 100% ทั้งหมด
ส่วนการจัดสรรงบประมาณในส่วนใดนั้น นางสาวรัชดา ระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมไว้หลายงบทั้งส่วนงบกลาง และงบทดลองจ่ายของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งบางเรื่องมีคนตั้งคำถามว่า ไม่สามารถขับเคลื่อนได้นั้น ในส่วนกลางได้ให้อำนาจในการเบิกจ่ายจัดซื้อจัดจ้าง และปลดล็อคระเบียบการดำเนินการไปให้ ซึ่งให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือกรณีของการทำครัวเลี้ยงผู้ประสบภัย ที่หาดใหญ่ ยังคงให้มีการตั้งโรงครัวอย่างน้อยอีก1เดือน อะไรที่เป็นข้อตกติดขัด จะพยายามแก้ไขปัญหา
ส่วนข้อกังวลในเรื่องกฎระเบียบต่างๆกลัวจะถูกสตง.ตรวจสอบ รัฐบาลเข้าใจถึงความกังวล ฉะนั้นข้อสั่งการต่างๆ หรือการยืนยันให้ความมั่นใจ จะเน้นย้ำไปเรื่อยๆ จนเห็นได้ว่าตัวเลขของผู้ที่ดำเนินการรับเงินเยียวยาจากท้องถิ่นที่ส่งมา จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเช้าได้ตรวจสอบกับธนาคารออมสิน ใน 1 วัน สามารถโอนเงินออกไปได้เป็น 1 แสนเคส จึงขอให้ผู้ประสบภัยอย่ากังวลทุกอย่างจะดำเนินการให้ถึงมือทุกท่านโดยเร็วที่สุด
8จว.น้ำยังไม่แห้ง กระทบ2ล้านคน
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันพบว่า 8 จังหวัดยังมีน้ำท่วมอยู่ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กินพื้นที่ 56 อำเภอ 320 ตำบล 2,185 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 819,432 ครัวเรือน 2,084,037คน ดังนี้ จ.สุราษฎร์ธานี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ เคียนซา พระแสง บ้านนาสาร และพุนพิน 12 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 675 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง จ.นครศรีธรรมราช ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ ชะอวด เมืองฯ เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร บางขัน ทุ่งใหญ่ ปากพนัง พระพรหม และเชียรใหญ่ 54 ตำบล 421 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 147,904 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
จ.ตรัง ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ นาโยง ห้วยยอด รัษฎา ย่านตาขาว วังวิเศษ กันตัง
เมืองฯ สิเภา และปะเหลียน 64 ตำบล 453 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,654 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง จ.พัทลุง ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ เมืองฯ ควนขนุน เขาชัยสน บางแก้ว ปากพะยูน
และป่าบอน 13 ตำบล 46 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,897 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
สงขลายังมีสถานการณ์16อำเภอ
จ.สงขลา ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 16 อำเภอ ได้แก่ รัตภูมิ เมืองฯ จะนะ คลองหอยโข่ง ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ หาดใหญ่ ควนเนียง นาทวี สิงหนคร นาหม่อม บางกล่ำ สะเดา เทพา และสะบ้าย้อย 127 ตำบล 997 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 582,053 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง จ.ปัตตานี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ หนองจิก และเมืองฯ 10 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,651 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง จ.ยะลา ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ เมืองฯ รามัน และยะหา 5 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,436 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง จ.นราธิวาส ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ ยี่งอ ระแงะ สุไหงปาดี ศรีสาคร รือเสาะ สุไหงโก-ลก และเจาะไอร้อง 35 ตำบล 233 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32,162 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
เร่งช่วยเหลือเยียวยา-ฟื้นฟูหลังน้ำลด
นายธีรพัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ระดับน้ำยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานเครือข่าย ยังคงเร่งเช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และเปลี่ยนผ่านพื้นที่ที่ถูก น้ำท่วมขังเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เพื่อส่งความช่วยเหลือถึงมือประชาชนกว่า 8 แสนครัวเรือนที่ยังได้รับผลกระทบให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ท่ามกลางสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง
“ปลัดมท.”สั่งเดินหน้าลุยงาน24ชม.
หลังจากการลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูชุมชนมงคลหรรษาเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ในช่วงเช้า นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เรียกประชุมติดตามความก้าวหน้าการฟื้นฟูพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ตามข้อสั่งการของ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย “7 วันชาวหาดใหญ่ได้กลับบ้าน 14 วันต้องสะอาด” โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมประชุม ณ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (ส่วนหน้า) ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 ขลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นายอรรษิษฐ์ ได้สั่งการให้ทีมกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบพื้นที่ฟื้นฟูนครหาดใหญ่โซนที่ 3 ตั้งแต่ถนนทางหลวงชนบท 2029 ถึงคลองอู่ตะเภา ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร ซอยย่อยทั้งหมดรวมระยะทาง 55 กิโลเมตร และจัดทำแผนที่โซนแบบละเอียด ขีดเส้นโซนย่อยพร้อมมอบหมายภารกิจหัวหน้าโซนย่อย โดยมอบหมายให้ นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดี ปภ.เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรกลสาธารณภัยของกรม ปภ. กรมโยธาธิการและผังเมือง และกำลังพล อส. ที่ขณะนี้ประจำในพื้นที่จำนวน 4,012 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“ให้เจ้าหน้าที่และกำลังพลปฏิบัติงานในลักษณะผลัดเวรสลับกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เน้นการปฏิบัติงานในช่วงเวลากลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถเข้าปฏิบัติงานอย่างสะดวกกว่ากลางวัน ต้องทำตลอดเวลา หยุดไม่ได้ เวลาที่เราตั้งเป้าหมายไว้กระชั้นเข้ามาทุกวินาที โดยแต่ละชุดปฏิบัติการย่อยต้องมีการบันทึกภาพก่อนการปฏิบัติภารกิจ และหลังปฏิบัติภารกิจเพื่อจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมทั้งรายงานมายังศูนย์ ปภ. (ส่วนหน้า) เพื่อประมวลผลร่วมกับทางฝ่ายทหารถึงผลลัพธ์และความสำเร็จของการปฏิบัติ พร้อมกำชับในเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน”ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี