วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
"บวรศักดิ์"แถลงตั้ง 5 อนุกรรมการ ถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย-แก้ครบวงจร ตั้งแต่พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา ทำระบบให้ใช้ได้ทุกพื้นที่ รายงานผลทุก 2 สัปดาห์ เผยนำกรรมการลงดูหน้างานจริง 6 ธ.ค. หวังคนหาดใหญ่นอนหลับ-สบายใจ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ว่า การประชุมครั้งนี้เนื่องจากเกิดเหตุขึ้นแล้วในอดีต จึงอยากสร้างระบบให้ประชาชนหาดใหญ่นอนหลับ ในปีหน้าต้องไม่เกิดเหตุแบบนี้อีก และหากการถอดบทเรียนครั้งนี้ใช้ได้ก็สามารถนำไปใช้ที่อื่นได้ทั้งหมด และเพื่อให้รู้ว่าหากเกิดเหตุขึ้นแบบนี้อีกใครจะต้องทำอะไรอย่างไร โดยหลังเสร็จการถอดบทเรียนครั้งนี้จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต โดยได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 5 คณะ ดังนี้
1.คณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมในการรับภัยจะดูเรื่องพยากรณ์อากาศ วิเคราะห์ว่าจะเกิดอุทกภัยขนาดไหน และจะมีระบบเตือนภัยอย่างไร โดยจะให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธาน
2.คณะอนุกรรมการป้องกันและลดผลกระทบดูแลเรื่องการอพยพ โรงพยาบาลระบบสาธารณสุข และสาธารณูปโภคทั้งหลาย รวมถึงการสื่อสารที่ต้องไม่ให้ล่ม ไม่ใช่ว่ามีแต่ระบบไฟฟ้า แต่ต้องมีระบบไว้แบ็คอัพ โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน
3.คณะอนุกรรมการในภาวะฉุกเฉิน ดูแลเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การขอความร่วมมือจากกองทัพและส่วนราชการทั้งหลาย ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีทรัพยากร จึงจะขอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน
4.คณะอนุกรรมการจัดการหลังเกิดภัย ดูแลการเยียวยา การจัดการขยะ ทำความสะอาด และดูแลสุขภาพจิต โดยจะให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน
และ 5.ชุดประสานงาน โดยตนจะเป็นผู้ดูแลเอง จะดูเรื่องของเอไอและแพลตฟอร์มที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลปัญหาอื่นๆของคณะอนุกรรมการทั้งหมด เพราะหากทุกคนต่างคิดค้นแอปพลิเคชันขึ้นมาประชาชนจะสับสนไม่รู้จะใช้อันไหน แต่หากมีแพลตฟอร์มกลางจะใช้ได้ที่เดียว
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ ตนจะเชิญกรรมการถอดบทเรียนฯ ลงไปดูพื้นที่จริงว่าหากปีหน้าน้ำมาเราจะป้องกันอย่างไร และหวังว่างานของคณะกรรมการฯ ชุดนี้จะเสร็จภายใน 3 เดือน และเสนอต่อ ครม.เพื่อกำหนดการเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต ให้คนหาดใหญ่สบายใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ที่ผ่านมามีแผนรับมือภัยพิบัติอยู่แล้ว นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องถอดบทเรียนว่าทำไมถึงไม่มีการซ้อม และทำไมศูนย์อพยพถึงไม่แน่ชัด พอส่งสัญญาณให้ประชาชนอพยพไปยังที่ปลอดภัย ประชาชนก็ถามว่าที่ไหนคือที่ปลอดภัย โดยจุดที่เป็นจุดบกพร่องเราก็ต้องถอดบทเรียน หรืออย่างเช่นประชาชนบางคนไม่อพยพ เพราะกลัวทรัพย์สินในบ้านหาย ดังนั้นต้องทำให้เขามั่นใจว่าทรัพย์สินจะไม่หาย ต้องดูทั้งสิ่งที่สำเร็จและเป็นปัญหา
เมื่อถามว่า อะไรคือโจทย์ใหญ่ที่สุดจากการถอดบทเรียนครั้งนี้ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 5 คณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้น คือโจทย์ใหญ่ เพราะไม่มีสูตรสำเร็จ ซึ่งปัญหามีหลายเรื่องและคนในพื้นที่ และข้าราชการทำอย่างเต็มที่ โดยวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ จะขอพบกับผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และขอประชุมกับเจ้าหน้าที่ สตง.ภาคใต้ ว่าช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ความบกพร่องของท่าน อย่าเป็นงานของเรา ทั้งนี้ หากไม่ได้เป็นเรื่องของการทุจริตแต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาหน้างานที่ดีขึ้นหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ก็อยู่ในข้อเสนอเหล่านี้ เมื่อถามว่า จะต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะอย่างคลอง ร.1 ก็ใช้มานานแล้ว โดย นายเสรี ศุภราทิตย์ กรรมการถอดบทเรียนฯ กล่าวว่า ในอนุกรรมการทุกชุดที่ตั้งขึ้นมาต้องไปตรวจสอบดูว่าในแต่ละแผนไม่คิดกิจกรรมอะไรที่สำเร็จหรือเป็นช่องว่าง เช่นปัญหาเรื่องคลอง ร.1 ก็อยู่ในอนุกรรมการ ชุดที่สอง ที่ต้องไปดูว่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรับได้หรือไม่ ก็จะมีคำตอบอยู่ในนั้น
จากนั้น นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการอาจจะพิจารณาจัดทำเป็นคู่มือสำหรับประชาชน เพื่อให้คำแนะนำว่าหากเกิดสถานการณ์ระดับเบื้องต้น ระดับกลาง หรือระดับอพยพ ประชาชนต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือจะต้องอพยพไปที่ไหน เช่น จะต้องเตรียมเสื้อชูชีพหรือของยังชีพที่อยู่ได้ 3 วัน รวมถึงต้องมีโซล่าเซลล์เพื่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ในบ้านด้วย
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จะต้องบูรณาการแก้ไขกฎหมาย เช่น รู้ว่าเหตุน่าจะเกิด แต่ประกาศไม่ได้ แบบนี้ก็ควรจะต้องแก้กฎหมาย หรือควรจะมีกฎหมายที่หากเกิดเหตุความจำเป็นในลักษณะแบบนี้ ก็ควรจะมีกฎหมายที่ยกเว้นระเบียบได้ เช่นในเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะให้คณะอนุกรรมการแต่ละชุดรายงานการทำงานทุก 2 สัปดาห์
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะลงพื้นที่ในจังหวัดอื่นด้วยหรือไม่ เพราะยังมีพื้นที่อื่นที่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังมา 5 - 6 เดือนแล้ว นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ประสบภัยทั่วประเทศมีหลายแห่ง ลักษณะภัยอาจจะคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน เพราะน้ำท่วมในบางพื้นที่ชาวบ้านก็รู้ และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แต่จะกระทบต่อการทำมาหากิน เช่น ทุ่งนา ไร่ หรือสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องดูแล แต่ในกรณีหาดใหญ่ถือเป็นภัยที่ผิดปกติ จึงต้องถอดบทเรียนไว้ใช้ในอนาคต เพราะหากเกิดภัยขึ้นอีก ก็สามารถหยิบคู่มือมาทำตามได้
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการถอดบทเรียนฯ กล่าวยกตัวอย่างว่า กรณีของประเทศญี่ปุ่นเกิดอุบัติภัยในลักษณะนี้ ต้องมีการประเมินผลถอดบทเรียน และนำไปปรับปรุงทำให้บ้านเมืองมีความเจริญและเดินไปได้ อย่าไปมองเพียงว่ารัฐบาลหาเสียงหรือแก้ตัว เพราะหากใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำเรื่องนี้ ซึ่งญี่ปุ่นจะออกเป็นปกขาวทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสึนามิ โรงไฟฟ้าปรมาณู หรืออุทกภัยก็ต้องทำหมด ซึ่งงานนี้ตนยินดีจะช่วยและทุกคนก็พร้อมจะช่วย ขณะที่ประชาชนก็ต้องเตรียมตัวด้วย เช่น ประชาชนในอำเภอหาดใหญ่ต้องมีเสื้อชูชีพติดบ้าน
นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ขอให้เลิกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องของจำนวนผู้เสียชีวิต แต่ควรมาคิดว่าเราจะแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้หรือไม่ เช่น การเตือนภัยล่วงหน้าก่อน 5 ชั่วโมง สามารถทำได้หรือไม่ เป็นเพราะข้อมูลไม่เพียงพอหรือว่าฮาร์ดแวร์ไม่มีหรือไม่ หรือขาดการประสานงาน เราควรจะไปดูในเรื่องของเนื้องาน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี