วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันนี้ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 10.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (พิเศษ 3/2568) ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
กฎหมาย
1. เรื่อง การออกเสียงประชามติ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
1. คำถามในการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ความเห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนี้
คำถาม “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568
ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้มีการออกเสียงประชามติตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ดำเนินการ ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 (ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด่วนที่สุด ที่ ลต 0012/23968 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2568) ต่อไป
2. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันออกเสียงประชามติที่ออกตามความในมาตรา 11 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 โดยกำหนดประเด็นคำถาม “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” ซึ่งเป็นกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุอันสมควรตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
สาระสำคัญของเรื่อง
1. โดยที่ประธานรัฐสภาได้ส่งญัตติด่วน จำนวน 5 ฉบับ มายังคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยใช้ประเด็นคำถามตามญัตติด่วนของรองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นผู้เสนอ ในประเด็นคำถามว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ) ไปหารือร่วมกับ กกต.เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณร่วมหารือด้วย
2. ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (16 ธันวาคม 2568)
2.1 เห็นชอบให้กำหนดวันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป คือ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เนื่องจากมีเหตุผลความจำเป็นว่าการให้มีการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันเดียวกันจะเป็นการประหยัด และใช้งบประมาณแผ่นดินโดยคุ้มค่า เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมากที่สุด รวมทั้งเป็นการช่วยลดภาระของ กกต.ที่ต้องดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่แตกต่างกันด้วย โดยให้ส่งคำถามในการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ความเห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปยัง กกต. ดังนี้
2.1.1 “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตามมติที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 [ตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ]
2.1.2 “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 [ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ]
2.2 ขอให้ สผ.ดำเนินการจัดทำข้อมูลตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและส่งให้ กกต.ก่อนวันประกาศให้มีการออกเสียงประชามติไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) และมาตรา 11 ประกอบมาตรา 15 และมาตรา 14 วรรคสอง และวรรคสามแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้สำนักงาน กกต.เผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบ (คำถามข้อ 2.1.1) เป็นการทั่วไป ทั้งนี้ ในส่วนคำถามของคณะรัฐมนตรี (ตามข้อ 2.1.2) ให้ กกต.ใช้ข้อมูลที่ สผ.จัดทำเป็นข้อมูลในเรื่องที่จะทำประชามติตามคำถามของคณะรัฐมนตรีด้วย
3. สลค.จึงได้มีหนังสือแจ้งให้ สผ.ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติเพื่อให้นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยขอให้ สผ.ส่งข้อมูลไปยังสำนักงาน กกต.ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ทั้งนี้ สผ.ได้ดำเนินการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติดังกล่าวไปยังสำนักงาน กกต.แล้ว เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568
4. สำนักงาน กกต.แจ้งว่า เพื่อให้การจัดให้มีการออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ดังนี้
4.1 การออกเสียงประชามติในประเด็นดังกล่าว เป็นไปตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) หรือมาตรา 9 วรรคสอง (4) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
4.2 ระบุประเด็นคำถามที่จะใช้ในการออกเสียงประชามติให้ชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาประเด็นคำถามที่จะใช้ในการออกเสียงประชามติ ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้มีการออกเสียงประชามติตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ขอให้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้เป็นไปตามประเด็นคำถามที่จะใช้ในการออกเสียงประชามติที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาด้วย (ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด่วนที่สุด ที่ ลต 0012/23968 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2568)
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี