ทัพไทยยึดเนิน350/นำ2ร่างวีรบุรุษกลับบ้าน F-16ถล่มเขมรกลางดึก บอมบ์สะพานโอร์จิก-กาสิโน

ทัพไทยยึดเนิน350/นำ2ร่างวีรบุรุษกลับบ้าน F-16ถล่มเขมรกลางดึก บอมบ์สะพานโอร์จิก-กาสิโน

วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ทัพไทยยึดเนิน350/นำ2ร่างวีรบุรุษกลับบ้าน
F-16ถล่มเขมรกลางดึก
บอมบ์สะพานโอร์จิก-กาสิโน
สแกมเมอร์หนีตายจ้าละหวั่น
กัมพูชาไม่รับศพทหารกลับ

F-16 ทัพฟ้าแผลงฤทธิ์กลางดึก ทิ้งบอมบ์ ถล่มสะพานโอร์จิก–รังกาสิโนยับเยินหลายแห่ง แก๊งสแกมเมอร์หนีตายจ้าละหวั่น ด้านทัพบก ตะลุยฝ่าดงระเบิดยึดคืนพื้นที่ “เนิน 350” ได้เบ็ดเสร็จ นำ 2 ร่างวีรบุรุษนักรบไทยกลับบ้าน ในขณะที่ฝ่ายเขมรปล่อยศพทหารเน่าคาชายแดนไม่ยอมรับกลับ

วันที่ 20 ธันวาคม 2568 เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า กองกำลังสุรนารีสามารถเข้าควบคุมและยึดคืนเนิน 350 พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้สำเร็จแล้ว หลังจากเปิดปฏิบัติการร่วมกับหน่วยรบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้จะยึดพื้นที่ได้แต่สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ จึงได้สั่งการด่วนให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและรัดกุมที่สุด เนื่องจากตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา (สนธิสัญญาห้ามใช้ระเบิดสังหารบุคคล) โดยการวางทุ่นระเบิดสังหารไว้เต็มพื้นที่ เพื่อดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทยที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ทำให้ทุกย่างก้าวในขณะนี้ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง


“เรายึดที่หมายได้แล้ว แต่ภารกิจยังไม่จบ คือการรักษาพื้นที่ให้มั่นคงและพาพี่น้องทหารของเราที่เสียสละกลับบ้านให้ดีที่สุด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว

แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวยกย่อง 2 ทหารกล้าที่สละชีพในสมรภูมินี้ว่า ทหารทั้ง 2 นายคือแบบอย่างความกล้าหาญของทหารอาชีพ ที่ยืนหยัดปกป้องแผ่นดินไทยด้วยเลือดเนื้อและชีวิตจนนาทีสุดท้าย ยืนยันว่า เนิน 350 คือสัญลักษณ์ของเกียรติและศักดิ์ศรี และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าลูกหลานไทยพร้อมจะยืนหยัดเฝ้าชายแดนไม่ยอมเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

นำร่าง2วีรบุรุษเนิน350กลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเข้ายึดคืนพื้นที่เนิน 350 ได้แล้วเจ้าหน้าที่ทหารได้เร่งลำเลียงร่างของ 2 ทหารกล้า “จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา” ผู้เสียสละชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ยึดคืนอธิปไตยลงจากพื้นที่สู้รบสู่พื้นราบเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิธีการและเตรียมส่งศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนายังบ้านเกิดอย่างสมเกียรติชายชาติทหาร

ด้าน พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการปะทะในพื้นที่ปราสาทตาควาย และบริเวณเนิน 350 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมาส่งผลให้กำลังพลเสียชีวิต 2 นาย และก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถนำร่างออกจากพื้นที่ได้ว่า ล่าสุดวันนี้หน่วยทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ได้ตรวจพบร่างทหารทั้ง 2 นายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าฝ่ายกัมพูชาอาจมีการวางวัตถุระเบิดไว้ในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการนำร่างทหารทั้ง 2 นายกลับภูมิลำเนา เพื่อประกอบพิธีตามขั้นตอนอย่างสมเกียรติ

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วิธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานล่าสุดจากกองทัพภาคที่ 2 เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ชายแดน บริเวณปราสาทตาควายและพื้นที่เนิน 350 โดยกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่าได้พบร่างกำลังพลทหารที่เสียชีวิต 2 นาย จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา ในพื้นที่ปฏิบัติการแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลื่อนย้ายร่างวีรบุรุษทั้ง 2 นายกลับมายังพื้นนที่ส่วนหลัง สำหรับสถานการณ์การควบคุมพื้นที่ เบื้องต้นมีรายงานว่าฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ในเบื้องต้นได้แล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการสถาปนาความมั่นคง ณ ที่หมายอย่างต่อเนื่อง

ประณามกัมพูชาโจมตีพลเรือน

นอกจากนี้ พล.ต.วินธัย ยังเปิดเผยด้วยว่า กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ที่ใช้กำลังทางทหารและอาวุธโจมตีเข้ามาในพื้นที่ในพื้นที่ชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่พลเรือนและมิใช่พื้นที่ทางทหาร การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดหลักการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและบรรทัดฐานตามหลักสากลอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

การใช้กำลังในลักษณะดังกล่าว ได้สร้างความสูญเสียและความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างกว้างขวาง ทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ต้องดำรงชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัวและความไม่มั่นคง อันเป็นผลจากการใช้กำลังที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมและความปลอดภัยของพลเรือน

สถานการณ์ความไม่สงบและการใช้กำลังทางทหารบริเวณแนวชายแดน ซึ่งยังคงมีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยเป็นวงกว้าง มีประชาชนได้รับผลกระทบรวมประมาณ 400,000 ราย จากสถานการณ์ดังกล่าว พบว่ามีประชาชนเสียชีวิตรวม 23 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิตจากกรณีอาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ตกในพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนโดยตรง จำนวน 1 ราย และผู้เสียชีวิตจากผลกระทบทางอ้อมของเหตุการณ์ จำนวน 22 ราย นอกจากนี้ ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีดังกล่าวอีก 6 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดล้วนเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบแต่อย่างใด

นอกจากความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชนแล้ว การกระทำดังกล่าวยังสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน โดยมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 30 หลัง พื้นที่ทำการเกษตรซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถประกอบอาชีพหรือดำรงชีวิตได้ตามปกติ

กระทบโรงพยาบาล20แห่ง

นอกจากนี้ พบว่ามีโรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 20 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 201 แห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลพนมดงรักที่ได้รับผลกระทบจากอาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โดยตรง ขณะเดียวกัน ความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้สถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่ชายแดนต้องหยุดการเรียนการสอน เด็กและเยาวชนไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ตามปกติ ขาดโอกาสทางการศึกษา และต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นคงในการดำรงชีพของประชาชนในระยะยาว


โฆษกกองทัพบกระบุว่าการมุ่งเป้าโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นการใช้กำลังในลักษณะไม่เลือกเป้าหมายซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อชีวิตประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ประชาชนคนไทยไม่ควรต้องตกเป็นเป้าหมายหรือได้รับผลกระทบจากการกระทำทางทหารในลักษณะดังกล่าวกองทัพบกขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในทันทีพร้อมทั้งปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด
 

ทบ.ยันทำตามแผน

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทยเป็นไปตามแผนและอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด และมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน การดำเนินการของฝ่ายไทยมุ่งปฏิบัติต่อพื้นที่เป้าหมายทางทหารเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่สภาพภายนอกอาจจะดูมีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้งานด้านพลเรือน แต่เมื่อตรวจสอบละเอียด พบว่าได้ถูกใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารเต็มรูปแบบ โดยใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหารในการควบคุมสั่งการปฏิบัติการเพื่อกิจกรรมทางทหาร และใช้เป็นสถานที่ซ่องสุมกำลัง สั่งสมอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงใช้เป็นสถานที่เตรียมการใช้งานโดรนดัดแปลงติดอาวุธใช้ปฏิบัติการต่อฝ่ายไทย ด้วยลักษณะดังกล่าวจึงทำให้สถานที่เหล่านั้นถูกระบุเป็นเป้าหมายทางทหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกทั้งพื้นที่ในลักษณะดังกล่าวมักถูกใช้ควบคู่กัน ทั้งการใช้เพื่อปฏิบัติการทางทหาร และเป็นแหล่งที่ตั้งของขบวนการฉ้อโกงสังคมโลกอย่างสแกมเมอร์ ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ ส่งผลให้กลุ่มสแกมเมอร์เหล่านั้นได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้แหล่งปฏิบัติการของขบวนการสแกมเมอร์ถูกจำกัดและถูกรบกวนอย่างมาก

โฆษกกองทัพบกกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ตรวจพบความพยายามของขบวนการดังกล่าวในการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนที่ตั้งไปยังพื้นที่อื่น ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันต่อขีดความสามารถในการดำเนินการของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมกันนี้ จากการติดตามข้อมูลและกระแสข่าวสารในโลกออนไลน์ รวมถึงการนำเสนอของสื่อระดับโลกพบว่าแนวโน้มการหลอกลวงออนไลน์ในระดับโลกมีทิศทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด
กองทัพบกยืนยันว่า การปฏิบัติการทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ การคุ้มครองประชาชน และการลดภัยคุกคามข้ามชาติ โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำว่าการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติเป็นประเด็นระดับโลกที่ประเทศไทย ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และพร้อมให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง
 

F-16โจมตีสะพาน”โอร์จิก-กาสิโน”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 20 ธ.ค. 68 กองทัพอากาศไทยได้รับคำสั่งด่วนให้ปฏิบัติภารกิจทำลายเป้าหมายทางทหาร ซึ่งเป็นสะพานยุทธศาสตร์สำคัญ 2 แห่งในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามที่ประเมินว่ากระทบต่ออธิปไตยของประเทศไทยโดยตรง

เป้าหมายหลักในการโจมตีครั้งนี้คือสะพานอูจีก (หรือสะพานโอจิก) บนถนนสายยุทธศาสตร์หมายเลข 68 อำเภอจงกาล จังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแนวชายแดนด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ เพียง 62 กิโลเมตร โดยเครื่องบินขับไล่ F-16 ได้เข้าทำลายเป้าหมายอย่างแม่นยำเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงหลัก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพความเสียหายล่าสุดผ่านเพจ Army Military Force พบว่าโครงสร้างเหล็กของสะพานโอจิกบิดเบี้ยวเสียหายรุนแรง เศษปูนแตกละเอียดจนไม่สามารถใช้สัญจรได้ทุกชนิด

สำหรับสะพานโอจิก ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางทหารกัมพูชา เชื่อมระหว่างจังหวัดเสียมราฐและจังหวัดอุดรมีชัย แม้จะเปิดใช้งานสัญจรทั่วไปมานานกว่า 10 ปีแต่ในสถานการณ์ความขัดแย้งปัจจุบัน กัมพูชาได้ใช้สะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางลำเลียงหลักในการส่งอาวุธหนักและกำลังพลพลมุ่งหน้าสู่ชายแดนไทย ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 70 กิโลเมตร

ตัดเส้นทางขนส่งเขมร

การตัดสะพานโอจิกในครั้งนี้ส่งผลให้การส่งกำลังบำรุงของฝ่ายตรงข้ามหยุดชะงักทันที เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถบรรทุกทหารหรือรถหุ้มเกราะผ่านจุดดังกล่าวได้ เป็นการลดทอนขีดความสามารถในการกดดันพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุดรมีชัยของไทย และช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่แนวหน้าได้มากขึ้น

ด้านแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ปฏิบัติการนี้เป็นการตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม หลังจากหน่วยข่าวกรองตรวจพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ โดยกองทัพกัมพูชาได้เปลี่ยนสะพานที่เคยใช้สัญจรทั่วไปมานานกว่า 10 ปีให้กลายเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธหนักและกำลังพลมุ่งหน้าสู่แนวหน้าชายแดนไทย การทำลายสะพานจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหยุดยั้งรถบรรทุกทหารและรถหุ้มเกราะไม่ให้เข้าประชิดพื้นที่ไทยได้
 

ทิ้งไข่ทำลายกาสิโนหมอดาม

เวลา 10.50 น.วันเดียวกัน เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยการทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายทางทหารทั้งฐานที่มั่น ส่งผลให้พวกสแกมเมอร์ที่ซุกอยู่ในกาสิโนหนีกระเจิง
 

เขมรไม่รับกลับศพทหาร

ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก จากสถานการณ์ เรือโทหญิง นภัสกร ทิพย์โส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเดิม ระบุว่า การปฏิบัติการหมวดเรือพิทักษ์อ่าวไทย ทางกองทัพเรือได้ตรวจพบเรือฝ่ายกัมพูชาที่มีลักษณะเดินเรือทิศทางเข้าหาในรูปแบบของการติดตาม ประชิดหมู่เรือ กองทัพเรือได้ใช้อาวุธต่อเป้าหมายนั้นและได้มีการเปลี่ยนทิศทางเดินเรือกลับเข้าสู่ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุม ยืนยันว่าประชาชนมีความปลอดภัยและสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ

ส่วนกรณี ที่ทหารกัมพูชาใช้สไนเปอร์ยิง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือไทย ผู้บัญชาการทหารเรือ นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งมีความคลาดเคลื่อน แต่เป็นผู้นําหน่วยในพื้นที่ บ้าน3หลังจังหวัดตราด และพลาดเป้า
สําหรับศพของทหารกัมพูชาแนวหน้านั้น ทางกองทัพเรือ ได้เปิดโอกาสให้ทางฝ่ายกัมพูชาเข้ามารับศพ จึงมีการประสานไปยังโรงพยาบาลตราดเก็บรักษาศพแต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งรายงานกลับมาแต่อย่างใด

ส่วนการแทรกซึม ทางกัมพูชาได้มีการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดพลเรือนและแฝงตัวอยู่ในประชาชน ซึ่งข่าวในลักษณะนี้ บ่งชี้แนวโน้มจะมีการบิดเบือนว่ากองทัพไทยจะทําร้ายประชาชนกองทัพไทยขอย้ําเราปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด และเราถือเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสําคัญ

“สีหศักดิ์”ไปมาเลเซีย21ธค.

ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรี รมว.ต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ที่ประเทศมาเลเซีย 22 ธ.ค. ในวันพรุ่งนี้(21ธ.ค.)นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะนําคณะผู้แทนไทยที่ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานความมั่นคงเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมทั้งนี้ที่ผ่านมา อาจจะได้ยินการแสดงออกท่าทีความเห็นของประเทศต่างๆ มากขึ้น เช่น รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ผู้แทนพิเศษฝ่ายจีน เดินทางไปประเทศกัมพูชา

ยืนยันว่าการประชุมใน 22 ธ.ค.นี้จะไม่มีอะไรที่จะมากดดันฝ่ายไทย ทําให้ต้องเสียเปรียบ ท่าทีที่เราแสดงมาโดยตลอด ไทยปรารถนาสันติภาพ ไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามหรือรุกเข้าพื้นที่อธิปไตยของอีกประเทศ เรามีความชัดเจนมาโดยตลอดและเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยยืนยันมาโดยตลอด และต้องการสันติภาพ ยั่งยืนและแท้จริงกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ต้องแสดงความจริงใจในเรื่องนี้ 1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อนในฐานะที่เป็นประเทศโจมตีอีกประเทศ  2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง 3.กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทย เก็บกู้ทุนระเบิด เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยรับไม่ได้และต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน และทั้งหมดนี้จะต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ที่จะทํางานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อไป

นางมาระตี นะลิตา ย้ำว่า เวทีอาเซียนเป็นเวทีที่สําคัญและเป็นเวทีที่จะเป็นคุณกับไทยและเป็นโอกาส ให้เราสามารถแสดงท่าทีชี้แจงข้อมูลหลักฐานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ที่ทางการไทยได้รวบรวมตั้งแต่เกิดเหตุรอบที่2 ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าท่าทีของไทยยืนอยู่บนหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

นายพลเขมรบาดเจ็บ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการสู้รบบริเวณชายแดนจังหวัดตราดพื้นที่บ้านหนองรี (บ้านสามหลัง) ทำให้กำลังพลฝ่ายกัมพูชาได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงนายพลชกเคง ผู้บัญชาการยุทธบริเวณ ที่เป็นผู้อำนวยการยุทธ์อยู่พื้นที่ดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บจากโดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ที่ตั้งกองบัญชาการยุทธบริเวณ ในพื้นที่บ้านหนองรี ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บ
ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งเข้ารับการรักษา โดยปัจจุบันเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงพนมเปญ
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top