วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“อนุทิน”เผยชื่อ“สีหศักดิ์”แคนดิเดตนายกฯเหมาะสมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องสร้างความเชื่อมั่นเวทีโลกรับ“เลือกตั้ง”ครั้งนี้ต้องปรับสถานะพรรค ย้ำต้องคิดเผื่อถ้าในอนาคตมีเหตุอะไร ต้องมีคนทำหน้าที่แทน ระบุไม่มีใครบังคับ‘เอกนิติ-ศุภจี’ได้ ‘หนู’ประกาศกร้าว ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาชน เพราะยังไม่หยุดลุยแก้ม.112‘เพื่อไทย’เปิดตัวผู้สมัครสส.ทั้ง 500คน‘จุลพันธ์’โวพาประเทศไปข้างหน้า ‘สุริยะ’มั่นใจกวาด 200สส. ‘ยศชนัน’ลั่นทุจริตไม่จบไม่เลิก’กล้าธรรม’เปิดผู้สมัครทั้วปท.ปลุกกล้าชนทุกสนาม‘นฤมล’ลั่นเสนอชื่อ’ธรรมนัส’แคนดิเดตนายกฯคนเดียว เพราะกล้าพูด กล้าชน กล้ารับผิดชอบ เพื่อประชาชน ไม่ดีแต่พูด ไม่ขายฝัน
เมื่อเวลา 09.55 น.วันที่ 25 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)กล่าวถึงเหตุผลที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยลำดับที่2ว่าพรรคภูมิใจไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและเชื่อมั่นว่าจะได้สส.ที่เพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่าที่ผ่านมาการมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวหากเกิดสถานการณ์อะไรต่างๆจะทำให้การทำงานเกิดความขาดช่วงได้ เลยต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้
ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีชื่อของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราพยายามที่จะทาบทามบุคคลที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน แต่แต่ละท่านอาจมีข้อจำกัดบางประการที่เราต้องเคารพซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ท่านทั้งสองก็ตกลงที่จะร่วมเป็นทีมงานหากตนได้มีโอกาสบริหารประเทศต่อไป ฉะนั้นเราจะไปบังคับไม่ได้เพราะเขาอาจจะมีความสบายใจในการทำงานในระดับนี้
เมื่อถามว่าการที่นายสีหศักดิ์เป็นทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีด้วยน่าจะมีเครดิตในการไปพูดคุยกับต่างประเทศมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าคิดว่าพี่น้องประชาชนคงเห็นความทุ่มเทในการทำงานของนายสีหศักดิ์ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องใช้เรื่องการต่างประเทศ ในการทำให้ประเทศไทยมีสถานะเป็นที่ยอมรับ และสามารถดำรงตนได้อย่างมีศักดิ์ศรีในระดับนานาชาติ
ย้ำต้องคิดเผื่อถ้าอนาคตมีเหตุอะไร
นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่านายสีหศักดิ์ได้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ในส่วนของตนที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีความพึงพอใจและขอบคุณในการทำงานของท่าน ขณะเดียวกันในเรื่องการต่างประเทศนายสีหศักดิ์ก็สามารถครอบคลุมได้ทั้งในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศและด้วยความเกรงใจตนมากๆท่านจึงตอบรับที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯให้กับพรรคภูมิใจไทยซึ่งท่านก็มีความเหมาะสม ถ้าในอนาคตมีเหตุอะไรก็ตามที่ตนไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ พรรคภูมิใจไทยก็มองแล้วว่าหากเป็นนายสีหศักดิ์มาทำหน้าที่แทนจะไม่มีอะไรหยุดชะงักและไม่มีอุปสรรคในการสานต่องาน โดยย้ำว่าเป็นกรณีที่หากเราได้มีโอกาสมาบริหารประเทศ เราจึงต้องคิดเผื่อ จะไปคิดสวยอย่างเดียวไม่ได้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องสูงสุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
เมื่อถามว่านายสีหศักดิ์ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยในวันไหน เพราะมีบางรายการอ้างว่าบังคับมาสวมเสื้อกั๊กภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า จะไปบังคับใครได้ อายุและวุฒิภาวะขนาดนี้กันแล้วก็เห็นมีคนโทรมาบอกว่ามีรายการของนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือ หมาแก่ ตนก็ว่าแกวิเคราะห์ไปเรื่อย สมัยเด็กหากตนทำแบบนี้ก็ถูกคุณพ่อดุตาย เลยบอกว่าอย่าโชว์อะไรที่เขาเรียกว่าไม่ฉลาด และนายสีหศักดิ์ ได้สมัครสมาชิกพรรคแล้ว
ยันทั้ง3ท่านเราไม่ได้บังคับอะไร
เมื่อถามย้ำว่านายสีหศักดิ์รับปากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีวันไหน นายอนุทิน กล่าวว่าตนคุยกับท่านมาเรื่อยๆในบรรดาทั้ง 3 ท่านคือ นายเอกนิติ นางศุภจี และนายสีหศักดิ์ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในระดับประเทศอย่างยาวนาน เพราะหลังจากท่านพ้นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ยังเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ท่านอาจจะสัมผัสในเรื่องของงานการเมืองมากหน่อยและท่านก็ใช้ประสบการณ์ในอดีตที่เคยเป็นทูตในหลายประเทศ หากจะให้พูดทั้ง3 ท่านก็มีความเหมาะสม ฝากบ้านเมืองกับบุคคลเหล่านี้ได้หมด คิดว่าไม่ใช่ประเด็นการเมืองและการบังคับขู่เข็ญใดๆ จะเป็นไปได้อย่างไรคนระดับนี้ แม้กระทั้งไปบังคับให้ใส่เสื้อกั๊ก ในงานแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.นายสีหศักดิ์ ท่านก็ใส่เสื้อนอกมา แต่เมื่อนายสีหศักดิ์เห็นทุกคนใส่เสื้อกั๊กท่านก็ถอดเสื้อนอกออกและใส่เสื้อกั๊กและมาถ่ายรูปหมู่มาใส่เสื้อด้วยกัน เราไม่ได้บังคับอะไร ตอนที่ท่านแสดงวิสัยทัศน์พวกเรายังบอกว่าท่านใส่สูทก็ได้ เพราะท่านแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องต่างประเทศ ท่านสบายใจก็เอาแบบนั้น ทุกคนก็แฮบปี้ และท่านเอกนิติ นางศุภจี จะไปบังคับอะไรได้ ทุกคนก็ทำด้วยความเต็มใจ
ยอมรับเป็นคนมีประสบการณ์
เมื่อถามว่านายสีหศักดิ์ ตอบรับช่วงไหนเพราะวันที่ 23 ธ.ค. ยังบอกว่านายกรัฐมนตรียังไม่เคยจีบเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจีบถ้าตนยังไม่พูดอย่างเป็นทางการ มันก็คนรู้จักกัน ถ้าจะจีบก็ต้องตั้งแต่ชวนร่วมรัฐบาลแล้ว ก็มีการพูดกันไว้”พี่พร้อมไหมมาช่วยกันหน่อย ถ้าเกิดอีกสองท่านไม่สะดวกก็พี่ ถามว่าแบบนี้คือการจีบไหม”ซึ่งนายสีหศักดิ์ก็พูดกับสาธารณะตลอดเวลาว่าท่านชอบงานด้านต่างประเทศ ให้ท่านทำตรงนั้นท่านก็ทำได้ ตอนนี้คนที่ชอบหรือไม่ชอบการเมือง คนที่มีตำแหน่งหรือสถานะทางการเมือง ต่อให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา เลขาฯที่มีการแต่งตั้ง ถ้าจะไปกรอกอาชีพตอนตรวจคนเข้าเมืองก็จะบอกว่าเป็นนักการเมืองเพราะไม่มีอาชีพรัฐมนตรี นายสีหศักดิ์ก็มีความคุ้นเคยมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากท่านขึ้นเวทีเมื่อวันที่ 24ธ.ค.ต่อสมาชิกพรรคภูมิใจไทยถือว่าพูดต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ ตนก็ว่าท่านมีความคุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนมีความมั่นใจ
เมื่อถามย้ำว่านายสีหศักดิ์ตอบรับมาเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า บางทีคนระดับนี้ใช้ญาณคุยกันเมื่อถามว่าสาเหตุที่นำเสนอนายสีหศักดิ์เพราะบทบาทเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาและต้องเจรจากับหลายประเทศในช่วงนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างเกี่ยวกันหมดยอมรับเป็นคนมีประสบการณ์และตนก็ไม่สามารถชี้แจงคนเดียวได้
ครั้งหน้าคนในพรรคเป็นแคนดิเดตนายก
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า คนในพรรคจะมีโอกาสเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนมีโอกาสหมด เที่ยวนี้เป็นการปรับสถานะของพรรคอีกรอบหนึ่ง มันก็ยังมีข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งหลังจากผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ไป ถ้าเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และเราเห็นสถานะของพรรคหลังการเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ. 69 ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ต้องฟังเสียงประชาชนเพราะเขาคือผู้ตัดสิน อย่ามาถามตน ตนตัดสินอะไรไม่ได้ เป็นอย่างไรก็ทำตามเสียงของประชาชน
นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวยังได้พยายามสอบถามถึงนโยบายที่ประกาศว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีเทา นายอนุทินจึงหันมาตอบว่า พรรคไหนก็ไม่มีเทาทั้งนั้น ก่อนจะยิ้มและเดินขึ้นไปทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที
‘หนู’กร้าวไม่ร่วมจัดตั้งรบ.กับปชน.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวผ่านการดีเบตของไทยรัฐทีวีเมื่อวันที่23ธ.ค.ที่ผ่านมาจะไม่ขานชื่อนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้วถือเป็นการปิดโอกาสที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ว่า”เป็นสิทธิของเขา ผมเคารพสิทธิ และความเห็นของทุกคน” และพรรคภูมิใจไทย มีความชัดเจนมาตลอด ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112
“ผมติดตามชมรายการไทยรัฐดีเบต ทราบว่าหัวหน้าพรรคประชาชนเป็นคนเดียวบนเวทีที่ยังยืนยันว่า ต้องแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทย ไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วม ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา 112ยกเว้นพรรคประชาชน”นายอนุทิน ย้ำ
คุยกันไม่ได้-ยังไม่หยุดคิดลุยแก้ม.112
เมื่อถามว่า ต่อไปนี้จะไม่คุยกับพรรคประชาชนอีกแล้วใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบว่าถ้าเป็นเรื่องการทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน พรรคภูมิใจไทยพูดคุยและทำงานร่วมกันได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ สร้างความแตกแยกให้ประชาชนเช่นแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 คงคุยกันไม่ได้ เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน เว้นแต่พรรคประชาชนจะพูดชัดเจนว่าไม่มีนโยบายแก้ไข ม. 112 แล้ว ก็น่าจะ ทำงาน ด้วยกันได้”
เมื่อถามว่านายณัฐพงษ์พูดว่า”ไม่ควรมีใครต้องติดคุก เพราะคำพูด”นายอนุทินตอบว่าตนเห็นต่างและคิดว่าไม่ควรสร้างหลักคิดและความเชื่อแบบนี้ให้กับประชาชน นักการเมืองทุกคน ต้องแนะนำ ต้องสร้างค่านิยมให้คนในสังคมเคารพกฎหมาย และไม่ทำผิดกฎหมาย
ย้ำทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษ
“ควรจะต้องพูดว่าไม่ควรมีใครต้องติดคุก เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมาย ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด จะมีสิทธิเสรีภาพมากแค่ไหน ก็ต้องไม่ละเมิดกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดที่เป็นการอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เสียหายยิ่งต้องได้รับโทษ โดยไม่มีข้อยกเว้น”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
‘เพื่อไทย’เปิดตัวผู้สมัครสส.ทั้ง500คน
ที่พรรคเพื่อไทย(พท.)จัดกิจกรรม“เพื่อไทยทำได้ ทำให้ไทยยิ่งใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย”เปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งสส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อรวม 500 คน โดยมี 3 แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยร่วมแสดงวิสัยทัศน์ มีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ทั้งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงอง เลขาธิการพรรค
‘จุลพันธ์’ชูพท.พาประเทศไปข้างหน้า
นายจุลพันธ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่าตนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่นำเสนอนโยบายเชิงโครงสร้างเพื่อพัฒนาประเทศ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนและผลักดันให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า เราจะต่อสู้กับพลังที่ฉุดประเทศให้ถดถอย เช่นความขัดแย้งทางการเมือง ความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลและปัญหานิติรัฐ นิติธรรม เพื่อก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ พรรคเพื่อไทยขอเสนอตัวเป็นพลังร่วมกับประชาชนในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า ผ่านสามเสาหลักในการออกแบบนโยบาย คือเสาเศรษฐกิจ เสาด้านความมั่นคง และเสาของนิติรัฐนิติธรรมการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญมากจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทยเราไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อเปิดตัวผู้สมัครแต่มาเพื่อประกาศความพร้อมว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วประเทศไทยพร้อมแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะต้องเริ่มตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปโอกาสและความหวังของประชาชนเริ่มที่นี่พรรคเพื่อไทยทำได้ประเทศไทยก็ทำได้
“พรรคเพื่อไทยมีความหลากหลายแต่มีจิตวิญญาณเดียวกัน เชื่อว่ามีแต่พวกเราเท่านั้นที่จะนำพาประเทศหลุดพ้นจากความยากจน หลายคนพยายามวาดปีศาจให้คนกลัว แต่เราไม่ละเลยปัญหาโครงสร้างและการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จงอย่ากลัวการพัฒนา มีแต่พวกเราที่จะพาไปข้างหน้า พวกเราคือพรรคเพื่อไทย มีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ทำได้”นายจุลพันธ์ ย้ำ
‘สุริยะ’ย้ำพร้อมลต.โวได้สส.200 คน
ด้านนายสุริยะกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เราต้องรัดกุมด้านกฎหมายเลือกตั้ง เรารู้ดีว่าเราถูกจ้องจับผิดพรรคเราโดยเฉพาะเพราะคิดว่าพรรคเราจะมาที่หนึ่ง จึงต้องการทำให้เราเสียจังหวะ แต่พรรคเพื่อไทยไม่กลัว เพราะเราทำงานบนกติกา มีทีมกฎหมายดูแลให้ถูกต้องโปร่งใส ขอให้ทุกท่านมุ่งมั่นทำงานต่อไป การทำงานหนักไม่เคยทำร้ายใครทางการเมือง ถ้าเราอยู่ในกติกาวัดผลตัวเองตลอด รู้ว่าอะไรได้ผลอะไรต้องปรับปรุงแล้วเดินหน้าต่อ ที่สำคัญห้ามประมาท ต้องทำงานเต็มที่ อย่าย่อท้อ ทำงานอย่างหนักเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และขอความร่วมมือประชาชนหากพบพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง ให้ส่งเรื่องมาที่พรรคเพื่อไทย เราพร้อมตรวจสอบเพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตและเป็นธรรม จากนี้พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าปราศรัยทุกภูมิภาคอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเราพร้อม และในฐานะผู้อำนายการเลือกตั้งยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ สส.ไม่ต่ำกว่า 200 คน
‘ยศชนัน’ลั่นยาเสพติด-ทุจริตไม่จบไม่เลิก
ด้านนายยศชนันกล่าวว่าวันนี้เป็นภาพที่ทำให้ตนนึกถึงเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ตอนที่ได้รับโอกาสลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ในนามพรรคเพื่อไทย จากวันนั้นถึงวันนี้อุดมการณ์ของพวกเราไม่เคยเปลี่ยน พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน 45 วันหลังจากนี้พรรคอื่นๆอาจจะมองว่าเป็นการเลือกตั้ง แต่สำหรับเราคือวันแห่งความหวังของประชาชน วันนี้ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมายทั้งเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาโลกร้อน รวมถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างเฉียบพลัน สิ่งที่เราต้องทำมี 4 เรื่อง คือแก้ปัญหาที่สาเหตุ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพื่อคนจนและคนรากหญ้า ส่งเสริมเครื่องยนต์เศรษฐกิจเดิม ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น ใช้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจมาขยายโอกาสใหม่ๆ ในทุกมิติ และหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นและสร้างคน ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่น อธิปไตยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลักนิติธรรม ยาเสพติด ไม่จบไม่เลิก ทุจริตคอร์รัปชั่นไม่จบไม่เลิก สแกมเมอร์ไม่จบไม่เลิก
‘กธ.’คึกคักเปิดผู้สมัครสส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์
เวลา14.00 น.ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พรรคกล้าธรรม จัดกิจกรรมเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม พร้อมด้วยผู้สมัคร สส. ของพรรคจากทั่วประเทศ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวช่วงหนึ่งว่า พรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคใหม่ แต่เป็นพรรคที่ดำเนินงานมาแล้วกว่า 5 ปี เดิมใช้ชื่อ“พรรคเศรษฐกิจไทย”ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำพรรคและตนได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น“พรรคกล้าธรรม”เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปีที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าพรรคยึดมั่นในความจงรักภักดีและการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
“พรรคกล้าธรรมเริ่มต้นด้วยสส.เพียง 2 คน แต่ไม่เคยหยุดนิ่งในการขยายสมาชิก และสร้างความเข้มแข็งของพรรค จนปัจจุบันกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีความพร้อมสูงสุด มีสมาชิกมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เป็นพรรคแรกที่สามารถส่งผู้สมัคร สส.ครบทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งมีเพียงไม่กี่พรรคที่สามารถส่งผู้สมัครได้ครบทั่วประเทศ พรรคกล้าธรรมมีนโยบายที่ชัดเจน ทำงานต่อเนื่อง และมีผลงานที่พิสูจน์ได้จริง ไม่ทำนโยบายขายฝัน ไม่หลอกประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินหรือโครงการที่ไม่สามารถทำได้จริง”หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ย้ำ
‘ธรรมนัส’ประกาศวิถีคนบ้า’กล้าธรรม’
หลังเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ร้อยเอก ธรรมนัส ร่ายกลอนว่าแม้หนทางข้างหน้าจะว่างเปล่า แดดจะเผาจนผิวผ่องจนหมองไหม้ รู้ทั้งรู้ว่าที่ตรงโน้น มีหุบเหว มีเปลวไฟ ถ้าใจไม่กล้า จะก้าวไปได้อย่างไรพี่น้อง
โดยได้กล่าวกับผู้สมัครว่า“พี่น้องครอบครัวสมาชิกคนกล้าธรรม เชื่อว่าพี่น้องที่อยู่ตรงนี้ ไม่ต่ำกว่า 500 ชีวิต ทั้งบัญชีรายชื่อและแบ่งเขตผมเชื่อว่ามีพี่น้องคนไทย อีกมากมาย กำลังเฝ้าดูว่าวันนี้วิถีของคนกล้า เขาจะประกาศอะไร เขาจะทำอะไร ผมมักจะพูดเสมอว่า ผมเป็นคนบ้า แต่บ้าของผมในที่นี้ บ้าที่จะทำงาน บ้าที่จะทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน”
ชูนโยบายทำกินได้จริงไม่ขายฝัน
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวถึงนโยบาย สิ่งแรกที่เราประกาศชัดเจน คือ การเปลี่ยนชีวิตคนฐานราก นั่นคือ กลุ่มพี่น้องเกษตรกร เราจะทำคือที่ดินทำกิน หากมีโอกาสได้กลับมาดูแล ส.ป.ก. จะเปลี่ยน ส.ป.ก. ที่เหลือให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร เราจะเปลี่ยนโฉนดเพื่อการเกษตร เป็นโฉนดครุฑแดง ให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศและย้ำว่า 8 กุมภาพันธ์ จากนั้น 6วัน วันวาเลนไทน์มาฉลองกัน หลังจากนั้นสภาฯเปิดเมื่อไหร่เราไปเจอกัน พรรคกล้าธรรมวันนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พร้อมเป็นผู้นำในการเข้าสู่เวทีการเลือกตั้ง พร้อมนำคาราวานเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้เยอะที่สุดในแผ่นดิน สิ่งสำคัญจะไม่ทำให้ผิดหวัง เราจะไม่ยอมปล่อยให้พวกท่านอยู่ข้างหลังโดยลำพัง ผู้ชายชื่อธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นแบบนี้อาจจะโผงผาง พูดจาไม่เพราะเวลาลงพื้นที่ ทั้งสาวแก่แม่ม่าย ลูกหลานเยาวชน เข้ามาห้อมล้อม ขอกอด ขอเซลฟี่ ขอผูกเสี่ยส ก่อนทิ้งท้ายว่า เราทำมากกว่าพูด เพื่อคนไทย
นอกจากนี้ ในงานนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางเข้ามอบช่อดอกไม้มาให้กำลังใจแก่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคกล้าธรรมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี