บ้านสมเด็จโพลล์ ชี้ คนกรุงเทพฯ 67.8 % พร้อมไปเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เลือก พรรคประชาชน

บ้านสมเด็จโพลล์ ชี้ คนกรุงเทพฯ 67.8 % พร้อมไปเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เลือก พรรคประชาชน

วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 21.41 น.

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ก่อนการรับสมัคร) โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยมีการกระจายการเก็บข้อมูลในกลุ่มเขตชั้นใน กลุ่มเขตชั้นกลาง  กลุ่มเขตชั้นนอก จำนวนทั้งสิ้น 1,145 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 23 – 26 ธันวาคม 2568  ซึ่งกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่าประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ก่อนการรับสมัคร) เนื่องจากภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เวลา 08.00 – 17.00 น. เป็น วันเลือกตั้ง โดยระหว่างวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งกำหนด และระหว่างวันที่ 28 – 30 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. และ วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.00 น. วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิดในการเตรียมตัวในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และความนิยมของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พรรคการเมือง และการเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ก่อนการรับสมัคร) โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้


กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะออกไปเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ร้อยละ 67.8 และคิดว่าจะตัดสินใจในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคการเมืองเดียวกันร้อยละ 55.2 

ปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในการเลือกตั้งครั้งนี้มากที่สุด อันดับแรกคือ นโยบายของพรรคการเมือง ร้อยละ 27.5 อันดับสองคือ ตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ร้อยละ 26.3 อันดับสามคือ พรรคการเมือง ร้อยละ 19.9 อันดับสี่คือ ไม่แน่ใจ / ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 16.1 และอันดับห้าคือ การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 10.2

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ อยากได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบแบ่งเขต ที่มีคุณสมบัติ อันดับแรกคือ ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 30.2 อันดับสองคือ ผู้ที่มีความเสียสละเพื่อสังคม ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 24.9 อันดับสามคือ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่และทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 17.1 อันดับสี่คือ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติการศึกษาและการทำงานอย่างมากมาย ร้อยละ 13.4 และอันดับห้าคือ ผู้ที่เป็นลูกหลาน ตระกูลนักการเมือง ร้อยละ 6.3

และอยากได้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญชีรายชื่อ ที่มีคุณสมบัติ อันดับแรกคือ ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 40.6 อันดับสองคือ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติการศึกษาและการทำงานอย่างมากมาย ร้อยละ 19.9 อันดับสามคือ ผู้ที่มีความเสียสละเพื่อสังคม ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 13.1 อันดับสี่คือ ผู้ที่เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ร้อยละ 8.6 และอันดับห้าคือ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่และทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 7.2

ในส่วนของนโยบายที่อยากให้พรรคการเมืองให้ความสำคัญ อันดับแรกคือ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 24.7 อันดับสองคือ ด้านเศรษฐกิจและการส่งเสริมอาชีพ ร้อยละ 22.9 อันดับสามคือ ด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิต ร้อยละ 19.5 อันดับสี่คือ ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 10.3 และอันดับห้าคือ ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 8.2
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ตัดสินใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบแบ่งเขต จากพรรคการเมือง อันดับแรกคือ พรรคประชาชน ร้อยละ 35.2 อันดับสองคือ ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 24.1 อันดับสามคือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 14.9 อันดับสี่คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 7.6 อันดับห้าคือ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 5.1 อันดับหกคือ พรรคกล้าธรรม ร้อยละ 4.5 อันดับเจ็ดคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 2.8 อันดับแปดคือ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 1.9 อันดับเก้าคือ พรรคไทยก้าวใหม่ ร้อยละ 1.7 และอันดับสิบคือ พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 0.6

และตัดสินใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคการเมือง อันดับแรกคือ พรรคประชาชน ร้อยละ 35.2 อันดับสองคือ ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 24.3 อันดับสามคือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 14.9 อันดับสี่คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 7.5 อันดับห้าคือ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 5.1 อันดับหกคือ พรรคกล้าธรรม ร้อยละ 4.5 อันดับเจ็ดคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 2.8 อันดับแปดคือ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 1.9 อันดับเก้าคือ พรรคไทยก้าวใหม่ ร้อยละ 1.7 และอันดับสิบคือ พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 0.6

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าบุคคลใดเหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุด  อันดับแรกคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 31.9 อันดับสองคือ ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 25.9 อันดับสามคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 16.9 อันดับสี่คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ร้อยละ 6.4 อันดับห้าคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 5.7 อันดับหกคือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ร้อยละ 5.5 อันดับเจ็ดคือ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ร้อยละ 2.7 อันดับแปดคือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 2 อันดับเก้าคือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ร้อยละ 1.5 และอันดับสิบคือ พลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ ร้อยละ 1.5

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top