วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กต.บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้คณะทูตานุทูต60 ประเทศ 1 องค์กร และ 3 องค์การระหว่างประเทศ รวม 78 คนฟัง
วันที่ 30 ธันวาคม 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว ถึงพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลการบรรยายสรุป แก่คณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการประชุมสามฝ่ายที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ประเทศจีน โดยในวันนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปแก่คณะทูตเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับวันนี้มีผู้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุป ประกอบไปด้วยคณะทูตจาก 60 ประเทศ 1 องค์กร และ 3 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 78 ท่าน
โดยมีประเด็นสำคัญของการบรรยายสรุปแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประเด็นแรก ผลของการเยือนจีน เมื่อวันที่ 28-29 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพบหารือทวิภาคีกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และยังได้เข้าร่วมการประชุม 3 ฝ่ายระหว่าง ไทย กัมพูชา และจีน เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามคำเชิญของฝ่ายจีน ซึ่งทั้ง3ฝ่ายได้ออกข่าวสารนิเทศร่วมกันภายหลังการประชุม
ประเด็นที่ 2 ในการหารือทวิภาคีกับฝ่ายจีน นายสีหศักดิ์ได้ขอบคุณจีน ในบทบาทและความเข้าใจ ในการสนับสนุนสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ในแนวทางแบบเอเชีย หรือ ASEAN Way ซึ่งฝ่ายจีนยินดีต่อการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ผ่านการหารือทวิภาคี โดยย้ำความเคารพหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในและประสงค์เป็นเพียงช่องทางหรือแพลตฟอร์มในการสนับสนุนการดำเนินการเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่าง 2 ประเทศ
ในการหารือไตรภาคีทั้ง 3 ฝ่าย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุกดของเหตุการณ์ ภายหลังข้อตกลงหยุดหยิ่ง แนวทางการส่งเสริมการหยุดยิงที่แท้จริงและสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างทั้ง2 ประเทศ ซึ่งเรื่องสำคัญคือการฟื้นฟูเรื่องการไว้เนื้อเชื่อใจของทั้งความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติรวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
ฝ่ายไทยยังได้ย้ำความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับกัมพูชาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน step by step ภายหลังการหยุดยิง โดยไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพเสมอมา และต้องการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระหว่างรัฐบาลกับประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ เช่น การลดการเผชิญหน้า การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก การปราบปรามสแกรมเมอร์เมอร์ เป็นต้น เพื่อนำความปลอดภัยกลับมาสู่ประชาชนทั้งสองฝั่งให้ใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ฝ่ายจีนยินดีกับไทยและกัมพูชาที่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงผ่านการหารือทวิภาคี และได้แสดงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการเดินหน้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม และร่วมมือทวิภาคีอื่นๆ รวมทั้งให้ ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแก่คณะผู้สังเกตการณ์ AOT เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กองทัพจีนจะยังคงติดต่อกับกองทัพกัมพูชาและกองทัพไทย เพื่อให้การสนับสนุนในการเสริมสร้างความยั่งยืนของการหยุดยิงเมื่อจำเป็น ย้ำเมื่อำเป็น และได้รับการร้องขอจากไทยและกัมพูชา
ประเด็นที่ 2 ที่นายศรศักดิ์ได้บรรยายสรุปให้แก่คณะทูต คือ การดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมของการประชุม GBC สมัยพิเศษ การประชุมสามฝ่ายระหว่าง ไทย กัมพูชา และจีน ครั้งนี้เป็นการหารือต่อยอด จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ในปี 2568 ระหว่างวันที่24-27 ธ.ค.2568 ที่ จ. จันทบุรี ซึ่งมีคณะผู้สังเกตการณ์ AOT เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ในการประชุม GBC ครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแถลงการณ์ร่วม หรือ Joint Statement เกี่ยวกับการหยุดยิง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดนี้แล้ว การหยุดยิงได้เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 12.00 น.เที่ยง ของวันที่ 27 ธ.ค.2568 โดยมีการติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์เป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งได้ครบกำหนดไปเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันนี้(30 ธ.ค.68)
“ที่ผ่านมาไทยได้ปฏิบัติตาม Joint Statement อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฏว่าฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจพบโดรน กัมพูชา บินล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ซึ่งเข้าข่ายการละเมิดถ้อยแถลงร่วม ข้อ 6 ที่กำหนดไว้ ว่าจะต้องละเว้นการดำเนินการยั่วยุใดใด รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารที่ล่วงล้ำน่านฟ้า ดินแดน หรือที่เป็นที่ตั้งของอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายไทยจึงกำลังพิจารณา เรื่องการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ซึ่งทราบว่าได้มีการสื่อสารระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่ายโดยตรงแล้ว เป็นไปตามข้อ 14 ของถ้อยแถลงการณ์ร่วม และทางกัมพูชา โดยกระทรวงกลาโหม ก็ได้ออกประกาศห้ามบินโดรนในประเทศ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา แล้ว สำหรับเรื่องการพิจารณาวันและเวลาของการปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 คน ขณะนี้อยู่กับฝ่ายความมั่นคงที่จะพิจารณา ก็คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้”
นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นสุดท้าย คือการจัดการเกี่ยวกับฟิชชิ่ง Phishing โดยการดำเนินการต่อไป ไทยและกัมพูชา จะต้องเคารพและปฏิบัติตาม Joint Statement
อย่างเคร่งครัดต่อไป โดยมีโรดแมปที่จะดำเนินการ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย
สำหรับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ ครั้งก่อนการลงนามถ้อยแถลงร่วมเพียงไม่นาน และหลังการลงนามไปแล้ว 2 วัน กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยฝ่ายไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา ก็จะรวบรวมหลักฐานต่างๆโดยละเอียด เพื่อพิสูจน์ พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามกรอบปฏิบัติตาม ถ้อยแถลงร่วม และได้มีหนังสือประท้วงถึงกัมพูชา รวมถึงการดำเนินการตามกลไกของอนุสัญญาออตตาวาอย่างถึงที่สุด
จากการประเมินเบื้องต้น เราคาดว่ายังมีทุนระเบิด ที่ฝ่ายกัมพูชาติดตั้งไว้ใหม่ในพื้นที่ชายแดนอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่ฝ่ายไทยเข้าควบคุมก่อนมีการลงนามถ้อยแถลงร่วม และเมื่อใดที่เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบระเบิด ไทยก็จำเป็นที่จะต้องยื่นเรื่องซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสากล และเป็นการแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการของไทยที่มีผลในเชิงกฎหมายและมีผลทางการทูตอย่างชัดเจน เป็นหลักฐานสำคัญในระบบกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการรักษาความชอบธรรม และปกป้องสิทธิและอธิปไตยของไทยในนระยะยาว แต่สิ่งที่สำคัญขณะ คือ การที่พี่น้องประชาชนจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยโดยเฉพาะในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองในการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่ เพื่อความมั่นใจของพี่น้องประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้สรุปให้คณะทูตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับฟังในวันนี้
นายนิกรเดช กล่าวถึงการลงทะเบียนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่งในช่วงนี้ประเทศไทยได้เริ่มมีความคึกคักในบรรยากาศของการเลือกตั้ง โดยคนไทยในประเทศ สามารถเริ่มลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า หรือเลือกตั้งนอกเขตได้แล้ว สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกก็พร้อมจัดการเลือกตั้งให้คนไทยในต่างแดน ซึ่งปัจจุบันคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ กว่า 1.5 ล้านคน กระทรวงการต่างประเทศได้เปิดให้ชุมชนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2568 และจะปิดการลงทะเบียนในวันที่ 5 ม.ค.2569 จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยในต่างประเทศมาร่วมลงทะเบียนเลือกตั้ง โดยหากไม่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรภายในเวลาที่กำหนด ก็จะไม่สามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ ในกรณีนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อรณรงค์การลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ในพื้นที่ที่มีคนไทยพำนักอาศัยเป็นจำนวนมาก เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิสราเอล โดยจัดคณะเดินทางไปให้ข้อมูลและซักซ้อมขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ให้รับทราบโดยทั่วกัน สำหรับคนไทยในต่างแดนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ขอเชิญชวนให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไทย ของ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หรือ ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 5 มกราคม 2569 เวลา 23.59 น. (เวลาประเทศไทย)
นายนิกรเดช กล่าวถึง ของขวัญปีใหม่ ของกระทรวงการต่างประเทศ ให้กับประชาชน เนื่อง ในโอกาสเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ขอส่งความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนทุกคน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระทรวงฯได้เตรียมมอบของของขวัญปีใหม่ในรูปแบบ ของการอำนวยความสะดวก ในการทำหนังสือเดินทาง บัตรประชาชน และนิติกรต่างๆ ในช่วงปีใหม่ ดังนี้
1. การให้บริการหนังสือเดินทางด่วน ภายในวันเดียว คือ ทำเช้ารับบ่ายโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม ระหว่างวันที่ 5-16 ม.ค.2569| ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ จำนวน 100 เล่ม ต่อวัน ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวทั่วประเทศ โดยขอให้รับเล่มที่กรมการกงสุล
2. การให้บริการ กงสุลสัญจร ของขวัญตลอดปี เพื่อให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ ในพื้นที่จังหวัดที่ไม่มีสาขา สำนักงานหนังสือเดินทางตั้งอยู่ ทั่วประเทศรวม 12 ครั้ง ตลอดปี 2569 เฉลี่ยเดือนละหนึ่งครั้ง
3. การให้บริการนิติกรเอกสารด่วน คือทำเช้ารับบ่าย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมบริการด่วน ระหว่างวันที่ 5 ถึง 16 มกราคม 2569 ยกเว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ จำกัดคนละหนึ่งเอกสารของตนและบุคคลในครอบครัวเท่านั้น ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานสัญชาติและนิติกร ปทุมวัน ฝ่าย สัญชาติและนิติกร และที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ภูเก็ต เชียงใหม่ สงขลา อุบลราชธานี และพัทยา
4. บริการรถทะเบียนเคลื่อนที่ของ กทม. ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ โดยกรมการกงสุลร่วมกับกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 5 ถึง 16 มกราคม 2569 เพื่อให้บริการทำบัตรประชาชนใหม่ และคัดสำเนาเอกสารทะเบียนราษฎร์ ภาษา ไทยและภาษาอังกฤษ สามประเภท ได้แก่ ทะเบียนบ้าน สูติบัตร และมรณบัตร
สุดท้ายนี้ ในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2569 กระทรวงการต่างประเทศ ขอส่งความปรารถนาดี ไปยังประชาชนชาวไทยและพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ขออวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดทั้งปี กระทรวงการต่างประเทศ ขอมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจด้านการทูต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยตลอดจนความปลอดภัยของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ขอให้ปีใหม่ปีนี้ เป็นปีแห่งความเจริญก้าวหน้าและความสงบสุขของคนในชาติและประชาชนทุกท่าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี