ต้นปีพ.ศ.763 หลังจากโจโฉตาย “โจผี” รับตำแหน่งวุ่ยอ๋องแทนโจโฉทันที แล้วในปลายปีเดียวกันนั่นเอง “โจผีก็ได้ล้มราชวงศ์ฮั่น” โดยถอด “พระเจ้าเหี้ยนเต้”ออกจากตำแหน่งแล้วตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้แทน

“พระเจ้าโจผี” มีชื่อเป็นทางการว่า “พระเจ้าวุ่ยบุ้นเต้” แล้วโจผีตั้งให้โจโฉบิดาสุดที่รักเป็นฮ่องเต้ย้อนหลังมีพระนามว่า “พระเจ้าวุ่ยบู๊เต้” จากนั้นตั้ง “นางเอี่ยนซี” หรือ “เอี่ยนฮูหยิน” เป็นพระมเหสี

ส่วน “พระเจ้าเหี้ยนเต้” ที่ถูกปลด โจผีไม่ได้ประหารชีวิต แต่ส่งไปอยู่แดนไกล เพราะพระมเหสีของพระเจ้าเหี้ยนเต้และสนมอีกสามคนคือน้องในไส้ของโจผี

หลังจากโจผีเป็นฮ่องเต้ นอกจากกวาดล้างเสี้ยนหนามทางการเมืองแล้ว ก็เริ่มสะสมเมียและสะสมนางสนมเช่นเดียวกับฮ่องเต้ทุกองค์ แม้แต่สนมของโจโฉที่มีเป็นร้อยและสนมพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่มีหลายร้อย โจผีก็ให้นำตัวผู้ที่มีอายุไม่เกิน 24 มาคัดเลือก ได้นางไปหลายสิบคนมาบำเรอตนเอง

ในบรรดานางสนมทั้งเก่าใหม่ของโจผีมี “นางกุยฮุย” บุตรสาว “กุยเฮง” ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้ที่โจผีหลงใหลที่สุด ส่วน “เอี่ยนฮูหยิน” โจผีเคยรักจับจิตจับใจได้รับการแต่งตั้งเป็นมเหสีไม่นาน ก็ถูก “นางกุยฮุย” และบิดาใส่ความว่า “ปั้นรูปโจผีจารึกวัน เดือน ปีเกิด แล้วอาบคุณไสยไปซุกไว้ใต้ที่นอน” ในที่สุดก็ถูกโจผีสั่งประหารชีวิต

“เอี่ยนฮูหยิน” ถือเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารที่สุดในสามก๊ก เพราะความงามที่เหนือความงามกว่าหญิงทั้งปวง ทำให้ผู้ชายต่างปองหมาย เมื่อตกเป็นเชลยศึก ก็ต้องตกเป็นเมียโจผีทันที แต่เพราะไร้ญาติขาดมิตร หมดที่พึ่งไร้ทางไป อยู่ในวิมานคีรีบูนก็ถูกโจโฉล่วงละเมิดและถูกโจสิดลวนลาม “สามโจ” ได้ตักตวงความสุขจากความทุกข์ของหญิงคนหนึ่ง จบท้ายนางก็ถูกประหารจากการใส่ร้ายของ “นางกุยฮุย”

โจผีครองราชย์ขณะที่มีอายุ 32 ปี อยู่ในตำแหน่งได้ 7 ปี มีอายุ 39 ปี ก็ป่วยตาย บุตรชายชื่อ “โจยอย” ที่เกิดกับ “เอี่ยนฮูหยิน” ได้ขึ้นครองราชย์ในปีพ.ศ.770 ด้วยอายุ 15 ปี

หลังจาก “โจยอย” ครองราชย์แล้ว ได้ค้นพบ “บทกวีของโจสิดที่แต่งบทพิศวาสระหว่างตนเองกับเอี่ยนฮูหยิน” โดยไม่ชักช้า “โจยอย” จึงเผากวีดังกล่าวเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของมารดา

“หลอก้วนตง” เขียนสามก๊ก เน้น “การศึกและการบริหาร” ไม่ได้เน้นเรื่องชิงรักหักสวาท ผู้อ่านจึงไม่รู้จัก “ด้านมืด” ของตระกูลโจ

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม