ไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สร้างขยะมูลฝอยและขยะที่เป็นสิ่งทำลายมลภาวะกับขยะมีพิษทำลายไม่ได้มากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกแม้เราจะมีประชากรรวม 67 ล้านคน แต่ไทยก็เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้า-ออกถึงปีละ 40 ล้านคน และยังมีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานกับประกอบธุรกิจอีกปีละกว่า 6 ล้านคน เมื่อรวมยอดผู้สร้างขยะจะมีมากร่วมๆ 120 ล้านคน
กระทรวงที่ทำหน้าที่ดูแลกำจัดขยะโดยตรงนั้นมีอยู่ 2 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีว่าการ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการ ส่วนกระทรวงที่มีหน้าที่รองลงไป คือ กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
ปัญหาการทำลายขยะนั้น นายประลอง ดำรงไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้เผยเมื่อไม่นานมานี้ว่าในแต่ละปีไทยมีขยะรวมกันถึง 28 ล้านตัน โดยจังหวัดที่มีขยะมากที่สุด คือ กทม.ประมาณร้อยละ 20 หรือ 1 ใน 5 ของประเทศ เท่ากับ 5.6 ล้านตัน รองลงไป ก็คือจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสิ่งที่ชวนให้ต้องตื่นตัวคือไทยอยู่ในกลุ่มผู้นำเข้าขยะพลาสติกและโฟมมากที่สุดของโลก
ซึ่งเมื่อดูจากข้อมูลสถานการณ์ขยะมูลฝอยและของเสียโดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ปริมาณขยะในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดเวลาจากปัจจัยจากการมีประชากรเพิ่มขึ้นชุมชนเมืองขยายตัวรวมถึงการท่องเที่ยว และการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการจัดการขยะมูลฝอยถือว่ามีแนวโน้มที่ดีถึงอย่างนั้น มีขยะพลาสติกแค่ 1 ใน 4 หรือ 5 แสนตันจาก 2 ล้านตัน ที่ถูกรีไซเคิลที่น่าตกใจคือมีขยะที่ถูกกำจัดอย่างไม่ถูกต้องถึงร้อยละ 30 และมีการลักลอบทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณประโยชน์ทำให้ขยะจากบกได้ไหลลงไปในทะเลส่วนใหญ่เป็นพลาสติก หรือโฟมส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตดังที่เกิดเหตุเป็นข่าวเศร้าว่ามีสัตว์น้ำตายเพราะกินขยะเข้าไป
นายประลองเผยว่า แม้การจัดการขยะอย่างถูกต้องจะเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอเพราะยังไม่มีกฎระเบียบการคัดแยกของเสียอันตรายออกจากขยะ ขณะนี้มีกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบและได้จัดทำโรดแมปการจัดการขยะพลาสติกปี 2562-2570 โดยลดและเลิกใช้พลาสติก 7 ชนิด ภายในปี 2565 เป็นหน้าที่ของกรมควบคุมมวลพิษต้องออกมาตราการ ออกแนวทาง ผลักดันนโยบายเป็นกฎหมาย ส่วนกรมจะมีหน้าที่รณรงค์ต่อยอดทำให้สำเร็จเรื่องนี้สำคัญมากถ้าทำสำเร็จเราก็จะสำเร็จไปด้วยทั้งประเทศ แต่ที่ไม่สำเร็จเพราะว่าเราติด 3 ห่วง คือมาตรการ,ผู้ประกอบการและประชาชนวันนี้ ผู้ประกอบการเกือบทุกแห่งตอบรับเรื่องนี้อย่างดี โดยเฉพาะสยามแม็คโครที่รณรงค์เรื่องลดขยะเป็นทางการ
ตัวอย่างหนึ่งของความร่วมมือในการกำจัดขยะ 3 ประสาน ก็คือ การที่กระทรวงมหาดไทยคือ จังหวัดลำพูน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯคือกรมควบคุมมลพิษและภาคเอกชน คือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จับมือร่วมพลังทุกภาคส่วนหยุดวิกฤติสิ่งแวดล้อม จัดคิกออฟกิจกรรม Say Hi to Bio, Say No to Foam on tour ครั้งแรก ผ่านกิจกรรมอบรมความรู้ภายในสาขาพร้อมเดินรณรงค์ที่ตลาดจตุจักรลำพูน ให้ผู้ประกอบการ 500 ร้านค้า ไม่สั่ง ไม่ซื้อ ไม่ใช้กล่องโฟมบรรจุอาหารอีกทั้งยังนำบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกมาจัดโปรโมชั่นแรงขานรับวาระแห่งชาติขีดเส้นตายเลิกใช้โฟมในปี 2565
ซึ่งนางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เผยว่าหนึ่งในเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของแม็คโคร คือ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยที่ผ่านมาได้ประกาศเจตนารมณ์ในการหยุดจำหน่ายภาชนะโฟมบรรจุอาหารภายใต้โครงการ Say Hi to Bio, Say No to Foamแม็คโครรักษ์โลก ชวนคุณใช้ผลิตภัณฑ์รักสิ่งแวดล้อมใน 12 สาขา แหล่งท่องเที่ยวนำเสนอทางเลือกการใช้บรรจุภัณฑ์ให้ร้านอาหารรายย่อยและส่งเสริมการใช้ด้วยโปรโมชั่นพิเศษตลอดทั้งปี โดยเลือกลำพูนเป็นจังหวัดแรก เนื่องจากมีความเข้มแข็งและเป็นต้นแบบของเมืองสะอาดระดับประเทศ ซึ่งแม็คโคร สาขาลำพูน เป็นสาขาที่ 13 ที่เลิกจำหน่ายโฟมบรรจุอาหาร
แม็คโครกำหนดการจัดกิจกรรมต่อเนื่องทั่วประเทศรวมถึงรณรงค์ในตลาดสด มหาวิทยาลัย ตลาดนัดขนาดใหญ่ ควบคู่ไปด้วยจนถึงสิ้นปี 2562 ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างการตระหนักรู้และสร้างทางเลือกในการหาซื้อบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อหยุดวิกฤติสิ่งแวดล้อม
ส่วนนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผวจ.ลำพูน ฐานะตัวแทนกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลบริหารท้องถิ่นเผยว่า จังหวัดลำพูนไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด ถนนคนเดินตลาดโต้รุ่งรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวไม่มีการใช้โฟมแล้วซึ่งการที่ประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่ว่าเป็นจังหวัดเล็กเพราะมีจังหวัดที่เล็กกว่าเราอีกหลายแห่งมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จังหวัดเล็กหรือใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนถ้าประชาชนร่วมมือเมื่อไหร่คือจบ นั่นคือความยั่งยืนขณะนี้ก็มีการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับเด็กนักเรียนเพื่อความยั่งยืนในอนาคตซึ่งหากทำไปทั่วประเทศปัญหาขยะล้นเมืองก็จะหมดไปอย่างแน่นอนในที่สุด
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี