วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
ไทยกับสงคราม COVID-19

ดูทั้งหมด

  •  

 


โรคระบาดครั้งนี้ เป็นวิกฤติของไทยและของโลก เป็นภัยที่น่าสะพรึงกลัว มีผลกระทบหนักหนาสาหัสกว่าน้ำท่วมหรือสงครามโลก เพราะข้าศึกศัตรูคือไวรัสที่มองไม่เห็นตัว แม้จะไม่มีปีกบินและไม่มีขาที่จะเดินมาทำร้ายเรา มิหนำซ้ำ ใช้ตัวพวกเราเองเป็นพาหะไปทำลายพวกเรากันเอง

แม้เราจะคุ้นเคยกับเชื้อโรคที่เรียกไวรัสอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นเชื้อสายของไวรัสที่แตกเหล่าผ่ากอใหม่ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงเป็นสิ่งที่น่าเห็นใจเหล่าบรรดาแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเป็นหน่วยรบแนวหน้า ต้องเหน็ดเหนื่อย เนื่องจากเป็นศัตรูชนิดใหม่จึงต้องรบไปคิดไป แก้ตัวไปวางแผนไป

ยิ่งได้แม่ทัพที่เป็นแต่เรื่องก่อสร้างและงานการเมือง ซึ่งห่างไกลความเข้าใจศัตรูที่มองไม่เห็น จึงได้แต่โอ้อวดทางการเมืองว่าคิดเป็นทำเป็น

ยิ่งได้ผู้บัญชาการทัพ ที่แม้จะเคยเป็นผู้บัญชาการทหาร ซึ่งมีความรู้ยุทธวิธีการต่อสู้ แต่ก็คุ้นเคยกับข้าศึกที่เป็นคนซึ่งสามารถมองเห็นตัวได้ ผู้บัญชาการสูงสุดนี้จึงมึนงงไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจสั่งการรบ พูดผิด พูดถูก แถลงการณ์ด้วยการอ่านอย่างที่ตัวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ จึงอ่านเร็วและแสดงความรำคาญที่จะต้องตอบคำถามผู้สื่อข่าว ซึ่งก็น่าเห็นใจที่เกิดศึกสงครามที่ทั้งแม่ทัพ ผู้บัญชาการต่างไม่คุ้นเคยไม่มีความรู้เพียงพอ

ภัยพิบัติจากโรคร้ายครั้งนี้ ผู้ตัดสินใจนำพาประเทศจะต้องตัดสินใจบนพื้นฐาน 3 ด้าน คือ สุขภาพ (ชีวิต) เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้คน

หากจะเน้นความสำคัญที่สุขภาพ (ชีวิต) โดยปิดประเทศ หยุดกิจกรรมทุกชนิดก็ย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคม

รัฐบาลจึงเกิดความลังเลใจที่จะใช้มาตรการเด็ดขาดด้วยความมั่นใจ เพราะยังไม่รอบรู้ในข้าศึกดีพอ โดยเฉพาะเมื่อเกรงว่าจะกระทบเศรษฐกิจและสังคม แม้ประเทศของเราจะมีผู้นำที่เคยเป็นทหาร แต่ก็ดูจะอ่อนแอวิ่งตามหลังเหตุการณ์คอยตั้งรับมากกว่าโจมตี รุกไปข้างหน้า

แต่กระนั้น เมื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ในช่วงต้น ก็ดูจะเป็นการตั้งรับที่ดีพอสมควร เมื่อเทียบผลงานกับประเทศ
อื่นๆ ซึ่งประชาชนได้มอบเครดิตให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมากกว่าผู้นำทางการเมือง

3 ทางเลือกของมาตรการสู้รบ

มี 3 ทางเลือกของการกำหนดมาตรการ

1. ปล่อยให้โรคร้าย COVID-19 ระบาดเป็นวงกว้าง และเมื่อมีผู้ติดเชื้อ 50 - 60% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ประชาชนก็จะมีภูมิคุ้มกันกลุ่มเกิดขึ้น ซึ่งก็คงจะมีคนติดเชื้อมากกว่า 35 ล้านคน จะต้องมีคนเข้าโรงพยาบาลหลายแสนคน และเสียชีวิตหลายหมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ

แนวทางนี้ ประเทศอังกฤษและประเทศเนเธอร์แลนด์เคยดำริจะใช้ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสุดโต่งเป็น
อย่างมาก

2. บังคับให้ทุกคนกักกันตนเองอยู่กับบ้าน ห้ามติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นๆ เป็นเวลา 14 วัน ถ้าสามารถทำพร้อมกันทั้งโลกได้ การกักกัน 14 วันก็จะช่วยให้เราพ้นจากโรคระบาดได้ เพราะจะไม่มีการติดต่อเพิ่ม คนที่มีการติดเชื้อแล้วก็จะมีอาการภายใน 14 วัน แล้วจัดการดูแลรักษาแยกออกไปก็จะหมดปัญหา

แต่ในความเป็นจริง คงจะเป็นไปได้น้อยมากที่จะให้ทุกคนทั้งโลกพร้อมใจกัน นับเป็นกรณีสุดโต่งไปอีกด้านหนึ่ง

3. ทางสายกลางที่นิยมเลือกใช้ก็คือ

(1) ผู้นำประเทศตัดสินใจปิดประเทศ (กักกันประเทศของตน) ไม่ให้คนในประเทศสัมพันธ์กับคนต่างประเทศ
แล้วพยายามกักกันพื้นที่ในประเทศ คือ จังหวัด เมือง หมู่บ้านและครอบครัว ไม่ให้เดินทางติดต่อกัน ดังเช่นกรณีการ
ปิดเมืองอู่ฮั่นของจีน แต่อนาคตก็ต้องประสบปัญหาว่า หากเปิดเมืองเปิดประเทศ อาจจะมีความสัมพันธ์กับคนต่างแดนที่ติดเชื้อ COVID -19

(2) ผู้บริหารประเทศตัดสินใจไม่ปิดประเทศไม่ปิดการติดต่อระหว่างเมือง แต่ยุติกิจกรรมที่ประชาชนจะทำร่วมกันทุกประเภท เช่น ปิดสถานศึกษา ศูนย์การค้า โรงมหรสพ สถานบันเทิง การพนันต่างๆ และบังคับให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านกักกันตนเอง

(3) ผู้บริหารประเทศเลือกใช้วิธีที่อ่อนสุดคือแนะนำให้ประชาชนกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ วัดไข้ กักกันบ้างไม่กักกันบ้าง ใส่หน้ากากอนามัย ระมัดระวังการสัมผัสและการติดเชื้อ

ประเทศไทยในช่วง 2 เดือนแรก เลือกใช้นโยบายอ่อนสุด คือ นโยบาย 3 (3) แต่เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น
จาก 100 คน เป็น 300 คน และ 400 คน ในเวลาเพียง 4-5 วัน

ผู้บริหารประเทศก็ขยับความเข้มงวด เข้มข้นมากขึ้น จากมาตรการ 3 (3) เป็น 3 (2) และอาจจะต้องเป็น 3 (1) คือต้องปิดประเทศ ปิดเมืองหรือปิดจังหวัดในอนาคต หากเหตุการณ์ลุกลามต่อไป

ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายและมาตรการตั้งรับและช้ากว่าเหตุการณ์หนึ่งก้าวเสมอ

จึงเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการ 3 (1) เพิ่มความสำคัญของการดูแลสุขภาพ (ชีวิต) มากกว่าเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของสังคม

อนาคตที่อาจหนีไม่พ้น

อยากจะให้กำลังใจรัฐบาลในการทำงาน โดยเฉพาะชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่คิดรอบคอบทำงานหนักเสี่ยงภัย และมีผลงานเป็นที่น่าพอใจพอสมควร

แต่ด้วยพฤติกรรม นิสัยของคนไทยที่อยู่ในวัฒนธรรมที่ขาดวินัยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เกรงว่าผู้ติดเชื้อจะลุกลาม การระบาดของโรคร้ายจะสูงมากขึ้น จนต้องใช้มาตรการ 3 (1)

 

 

และในเวลานั้น เราอาจต้องการบุคลากรทางการแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่จะช่วยชีวิตคนมากขึ้น รวมทั้งโรงพยาบาล เตียงนอน จะมีความต้องการมากขึ้นอย่างมาก

จึงอยากเสนอแนะผู้นำประเทศ ดังนี้

(1) รัฐบาลสามารถโยกย้ายงบประมาณที่เพิ่งจะได้จัดสรรให้แก่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ มาใช้ทำสงครามกับ COVID-19 อย่างน้อย 10% ของงบประมาณรวม
ทั้งสิ้น 3.3 ล้านบาท ซึ่งจะมีงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 3 แสนล้านบาท ในการต่อสู้กับ COVID-19

การเลื่อนเวลาที่จะซื้อรถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำ หรือนำงบอื่นๆ ที่เป็นงบปกติของทุกกระทรวง ซึ่งยามนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ จะสามารถทำให้รัฐบาลมีทรัพยากรในการสู้รบกับเชื้อโรคร้ายและเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสุขภาพได้เพียงพอ

(2) น่าจะได้นำกองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพ เข้าร่วมรบกับข้าศึก COVID-19 ที่มาทำลายความมั่นคงของประเทศ ทั้งด้านสุขภาพและสังคมในครั้งนี้

กองทัพเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีจำนวนที่ดินมากที่สุด มีอาคารสถานที่พร้อมเพรียง มีบุคลากรที่มีวินัยจำนวนมากกว่าหน่วยงานใดๆ ยิ่งกว่านั้น กองทัพมีบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์เสนารักษ์และโรงพยาบาลหลายแห่ง มีทหารช่างซึ่งสามารถสร้างโรงพยาบาลสนามได้อย่างรวดเร็ว มีรถยนต์ เรือยนต์ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์รถบรรทุก รถพยาบาล

ยิ่งกว่านั้น กองทัพมีเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังมีทีวีและวิทยุร่วมกันถึง 200 สถานี

หากรัฐบาลจะใช้บารมีของอดีตผบ.ทบ. 3 คน ซึ่งก็คือตัวนายกฯ รองนายกฯ รมว.มหาดไทย สั่งการให้กองทัพเข้าร่วมสงครามรบกับ COVID-19 ด้วยทรัพยากรและคนของกองทัพที่มาจากประชาชนย่อมจะชนะศึกได้ง่ายมากขึ้น

(3) เมื่อประชาชนตกอยู่กับความเสี่ยงภัยจากโรคร้าย ซึ่งดูจะมืดมนไม่รู้ว่าจะมีทางออกหรือไม่ จะสำเร็จเมื่อใด ใครบ้างจะต้องรับกรรม

ประชาชนจะนึกถึงพระ และขณะนี้ก็มีคนนึกถึงพระที่จะขอให้สวดมนต์ เพื่อให้กำลังใจ เหล่านี้สะท้อนได้ว่าผู้คนถึงทางตันที่หาทางออกได้ยากลำบากแล้ว

การสวดมนต์ทั้งประเทศ จึงเป็นกิจกรรมที่ดี แต่ไม่ควรสวดมนต์แต่เพียงอย่างเดียว

พระต้องทำหน้าที่ให้ความรู้ ให้ปัญญากับผู้คน ให้รู้จักธรรมชาติของโรคร้ายที่อุบัติใหม่ ว่าเป็นเพราะมนุษย์อวดวิเศษว่าสามารถอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติได้จึงทำลายสิ่งแวดล้อม มนุษย์หลงระเริงกับการบริโภคจนทำให้ความสมดุลของธรรมชาติสูญเสียไป จนทำให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง

พระต้องเตือนให้คนไทยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อธรรมชาติ อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ซึ่งก็คือการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ และรับผลตามธรรมชาติโดยใช้ COVID-19 เป็นกรณีศึกษา

ขณะเดียวกัน พระควรปฏิบัติตนเป็นจิตแพทย์หรือนักจิตบำบัด เพราะในสภาวะที่คนกังวล เกิดความกลัวเป็นจำนวนมาก พระน่าจะรับฟังผู้คนที่มาระบายปัญหาและชี้แนะทางแก้ไขได้

อีกทั้ง วัดยังมีอาคารสถานที่ที่สามารถจะเอื้อเฟื้อต่อผู้ป่วยที่จะมีมากขึ้นในอนาคต

สรุป พระกับทหาร น่าจะเข้าร่วมสงคราม COVID-19 ได้แล้วในเวลานี้

 

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
10:11 น. ข่าวดี! หยุด 2 วัน'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง รวม 61 ด่าน
09:57 น. แฉซ้ำ‘หลวงพ่อมหาน้อย’เปิดสำนักสาขา 2 ตั้งพระคู่ใจบวชแค่ 2 พรรษาได้เป็นพระครูดูแล
09:55 น. สุดหดหู่! แม่แท้ๆชวนลูกชายป่วยโรคปอด'เปิดบัญชีม้า'มุดท่อระบายน้ำกลับไทย
09:52 น. ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! 'ชานน สัมพันธารักษ์'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน
09:38 น. ถ้าผมไม่เxือก แล้วใครจะเxือก! วาทะ 'ทักษิณ' จุดเดือด 'นักข่าวอาวุโส' ลั่นดูถูกคนไทยเกินรับไหว
ดูทั้งหมด
พอที'เพื่อไทย'!! อดีตเด็ก พท.หอบผ้าซบพรรคลุงป้อมพรึ่บ อีสานมาเพียบ! (คลิป)
'หมอวรงค์'บอกหนาวเลย! หลังฟังการไต่สวนคดี'ทักษิณ'ชั้น 14 รพ.ตร. ครั้งที่ 3
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 หญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม
'ปราชญ์ สามสี'ผ่าเกมตระกูล'ชินวัตร-ฮุน' ทำไมคนหนึ่งเงียบ อีกคนดิ้น ที่แท้!!
‘สม รังสี’เปิดไทม์ไลน์แฉ‘แรงจูงใจ’เบื้องหลัง‘ฮุน เซน’เล่นเกมกฎหมายถอดสัญชาติกัมพูชา
ดูทั้งหมด
‘อนุทิน VS แพทองธาร’เรื่อง‘กาสิโน’
ประชาธิปไตยมักถูกท้าทายอยู่เสมอ
ไร้เพื่อน?
บุคคลแนวหน้า : 10 กรกฎาคม 2568
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ไร้ฝีมือแท้ทรู คือ ตัวถ่วงประเทศไทย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ข่าวดี! หยุด 2 วัน'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง รวม 61 ด่าน

สุขสันต์วันเกิด 'หมูเด้ง' ครบรอบ 1 ขวบ เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ชมฟรี

ถล่มยับ! เปแอสเชทะลุชิงสโมสรโลก

ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน'ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2568

'นิธิพัฒน์'ซัดเจ็บ! 'นักการเมืองสันดานเสีย' หวังประโยชน์ส่วนตน ทำชาติป่วน

'แพรรี่'เทศน์พระเอี่ยวสีกา สึกออกมาก็แค่ตาแก่คนหนึ่ง สีกาก็ร้ายไปเป็นเปรตแน่นอน

  • Breaking News
  • ข่าวดี! หยุด 2 วัน\'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา\' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง  รวม 61 ด่าน ข่าวดี! หยุด 2 วัน'อาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา' ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง รวม 61 ด่าน
  • แฉซ้ำ‘หลวงพ่อมหาน้อย’เปิดสำนักสาขา 2 ตั้งพระคู่ใจบวชแค่ 2 พรรษาได้เป็นพระครูดูแล แฉซ้ำ‘หลวงพ่อมหาน้อย’เปิดสำนักสาขา 2 ตั้งพระคู่ใจบวชแค่ 2 พรรษาได้เป็นพระครูดูแล
  • สุดหดหู่! แม่แท้ๆชวนลูกชายป่วยโรคปอด\'เปิดบัญชีม้า\'มุดท่อระบายน้ำกลับไทย สุดหดหู่! แม่แท้ๆชวนลูกชายป่วยโรคปอด'เปิดบัญชีม้า'มุดท่อระบายน้ำกลับไทย
  • ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! \'ชานน สัมพันธารักษ์\'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! 'ชานน สัมพันธารักษ์'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน
  • ถ้าผมไม่เxือก แล้วใครจะเxือก! วาทะ \'ทักษิณ\' จุดเดือด \'นักข่าวอาวุโส\' ลั่นดูถูกคนไทยเกินรับไหว ถ้าผมไม่เxือก แล้วใครจะเxือก! วาทะ 'ทักษิณ' จุดเดือด 'นักข่าวอาวุโส' ลั่นดูถูกคนไทยเกินรับไหว
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved