ท่านที่ติดตามรายการวิทยุของผมทาง FM.96.5 MH.z เช้าวันอาทิตย์ ผมเชิญแขกที่น่าสนใจมาในรายการหลายๆ ด้าน ล่าสุดชื่อ คุณสุดา มหาสมบัติ แห่งยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (YSF) จ.อ่างทอง
เป็นตัวอย่างที่ต้องสู้กับปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 แก้วิกฤติเศรษฐกิจ โดยใช้โอกาสไปสู่ความสำเร็จ
คุณสุดาหาความรู้ในการปลูกเมล่อน ใช้ศาสตร์พระราชา ใช้หลัก 2 เรื่อง คือ อดทนหาความรู้อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จน่าชื่นชมใน 1 ปี ปลูกเมล่อนได้ถึง 4 ครั้ง ในพื้นที่ 5 ไร่ ทั้งขายส่งและขายออนไลน์ มีรายได้กว่า 1 ล้านต่อปีมีจริยธรรมต่อลูกค้า ขายไม่แพงและตรงเวลา
รักษาคุณภาพและยินดีแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นเสมอ ได้ทราบว่าหลังจากออกรายการวิทยุมีผู้สนใจไปพบคุณสุดาเพื่อปรึกษาการปลูกเมล่อนจำนวนมาก
ผมเชื่อว่าถ้าคนไทยใช้ศาสตร์พระราชาคือพอประมาณ ก่อนจะทำ หาความรู้ วิเคราะห์เป็นและมีภูมิคุ้มกัน จะผ่านวิกฤติไปได้ แต่ต้องอดทน มีคุณธรรม ไม่รีบร้อนหวังรวยเร็วจะไม่สำเร็จแน่นอน
ปัจจุบันคนไทยควรพึ่งตัวเอง รอรัฐบาลแจกเงินอย่างเดียวได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น
เมื่อวันเสาร์ที่ 26 หลังจากผมได้เตรียมการเรื่องชุมชนตลาดพลูมา 5 เดือนได้จัดงานให้ชุมชนทั้ง 5 แห่ง มาพบกันพลเอกโกญจนาท จุณณะภาต รองประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานสมเกียรติมาก
ได้รับเกียรติจากทีมนักธุรกิจรอบตลาดพลูมาร่วมงาน อบรมอย่างเต็มที่ โดยเน้นการบริหารมูลค่าจากความหลากหลายมีทีมงานวิชาการของนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ มาร่วมด้วย เช่น ผศ.พงษ์ศักดิ์กรรณล้วน, คุณกฤช สินอุดม, นายสัตวแพทย์กิจ สุนทร และคุณกฤษฎากร อั๋นวาปี ช่วยกันออกความเห็นเป็นประโยชน์มาก ในยุคโควิดผมต้องการจะให้คนเกิดกรุงเทพฯ ช่วยพัฒนาชุมชนยากจนให้เข้มแข็งขึ้น
การระดมความเห็นต่างๆ ใช้ทฤษฎี Value Diversity ความหลากหลาย เช่น
1.ทีมชุมชนทั้ง 5 แห่ง
2.ทีมธุรกิจรอบๆ ตลาดพลู
3.ทีมเทพศิรินทร์
4.ทีมข้าราชการ กทม. ช่วยกันคิดและทำอย่างต่อเนื่อง
สรุปคือค้นหาสิ่งที่มีคุณค่าของตลาดพลู ผศ.พงษ์ศักดิ์ กรรณล้วน กล่าวว่าทุนคือสิ่งที่สะสมมาในอดีต และนำมาพัฒนาบริหารก็สร้างมูลค่าได้และต้องกลับมาที่ชุมชน
1.ทุนทางประวัติศาสตร์ เช่น พระเจ้าตาก
2.ทุนทางศาสนา วัดต่างๆ
3.ทุนทางวัฒนธรรม เช่น วิถีชีวิตทางน้ำ การท่องเที่ยวทางน้ำและวัฒนธรรมอาหาร
4.อาหารอันลือชื่อหลากชนิด
ตลาดพลูยังใช้ทุนเหล่านี้ยังไม่เต็มที่และไม่ได้กระจายไปถึงชุมชนที่ยากจน ควรปรับปรุง หาที่จอดรถหรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ทุกๆ คนจะช่วยกันพัฒนาต่อไปโดยมุ่งการสร้างBrand ภาพลักษณ์ของตลาดพลูให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและให้ชุมชนได้ประโยชน์ เช่น ดูแลเรื่อง ขยะ สิ่งแวดล้อม ไฟไหม้ แสงไฟให้สว่างตอนกลางคืน ด้วย ผมอยากให้เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้มีรายได้ มีสุขภาพจิตและกายที่มั่นคง งานจะต้องต่อเนื่อง ชุมชนจะได้ประโยชน์ ในการใช้ศาสตร์พระราชามีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เข้าถึงจิตวิญญาณของชุมชนและให้ทุกชุมชนเป็นเจ้าของกิจกรรมเหล่านี้คล้ายที่ดอยตุง
ต้องขอขอบคุณท่านประธานฯ พลเอกโกญจนาทจุณณะภาต ที่กรุณามาเป็นประธานเปิดและอยู่รับฟังความคิดเห็นเกือบกว่า 1 ชั่วโมง และยังมีคุณกนกวรรณ เอี่ยมลิ้ม ผู้อำนวยการเขตธนบุรี มาร่วมฟังด้วย ขอขอบคุณคุณสุพจน์ โภชนพาณิชย์ ประธาน กต.ตร.สน.ตลาดพลู และคุณธรรมเจริญสุ บุญมาสำเร็จโชคดี รองประธานชุมชนตลาดพลู ที่กรุณาเป็นผู้ประสานงานอย่างดีเลิศ และประธานที่ปรึกษา พันตำรวจเอกพิสิฐชัย ถิ่นขนอนผกก.สน.ตลาดพลู
โครงการนี้ผมและทีมงานใช้ศาสตร์พระราชา เข้าใจ เข้าถึงพัฒนา ต้องฝึกคนทั้ง 5 ชุมชนมาดูแลชุมชนตัวเอง
คุณชัยณรงค์ ชยานุคุณลิขิต นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการรักโรงเรียน คิดว่าในชุมชนสมุทรปราการใกล้โรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการ อาจช่วยให้โรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการกับชุมชนทำงานร่วมกัน
งานที่ 3 หลังจาก 9 วันของ 3 กลุ่มกว่า 60 คน ลงพื้นที่ดอยตุงโมเดล ของ กฟผ. รุ่นที่ 17 พบกันทั้ง 3 กลุ่มที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา
ท่านอดีตผู้ว่ากรศิษฎ์ ภัคโชตานนท์ ท่านสม่ำเสมอมากอยู่กับ 3 กลุ่มที่ดอยตุง จังหวัดเชียงราย แล้วยังมาร่วมงานวันสรุปที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า ให้คำปรึกษาจนจบ ผมต้องขอขอบคุณในความจริงใจของท่านผู้ว่า ท่านรัก กฟผ. มากถึงจะเกษียณแล้วก็ยังมีความมุ่งมั่นจะให้ กฟผ. อยู่รอดในระยะยาว
วันสุดท้ายทุกกลุ่มได้นำศาสตร์พระราชาไปทำต่อ และได้มี CEO มาร่วมแสดงความคิด เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ คุณปิยะซอโสตถิกุล เป็นวิศวะ แต่ทำงานเอกชนองค์กรใหญ่มาแบ่งปันความรู้ อย่างมีคุณค่า
คุณปิยะบอกว่าอนาคต กฟผ. จะต้องเปิดเสรี กฟผ.ต้องพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง อยู่แบบเดิมไม่ได้
แต่ กฟผ.เป็นรัฐวิสาหกิจ มีบอร์ดที่รัฐแต่งตั้ง ยังมีกฎระเบียบมาก คุณปิยะยกตัวอย่างธุรกิจของครอบครัวของเขาคือรองเท้านันยาง อยู่ได้เพราะมีแบรนด์ทำอย่างไร กฟผ.จะสร้างแบรนด์ของตัวเอง
คุณปิยะเริ่มเข้าใจปัญหาและช่วยกันหาทางออก ผมจึงขอให้คุณปิยะเป็นที่ปรึกษาเพราะเป็นคนรุ่นใหม่มีประสบการณ์ธุรกิจ ถ้าได้เห็น กฟผ.ทำงานต่อเนื่องอาจช่วยแก้ปัญหา คุณปิยะเข้าใจเรื่อง political risk คือมีความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งกำลังกระทบ กฟผ. จะเตรียมตัวรับมืออย่างไร
ได้เชิญ รศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ ท่านยกตัวอย่างศาสตร์พระราชาดูแลโรคซาร์สที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำให้การแพทย์ไทยมีประสบการณ์แก้โควิด-19 ในปัจจุบัน
เชิญคุณพิชญ์ภูรี จันทรกมล เล่าว่าทุกรุ่นมีการทำงาน โดยใช้ Chiraway เช่น 2R’s Reality (มองความจริง), Relevance (ตรงประเด็น)
3V’s - Value Added สร้างมูลค่าเพิ่ม
- Value Creation สร้างคุณค่าใหม่
- Value Diversity สร้างคุณค่าจากความหลากหลาย
ทำให้ลูกศิษย์รุ่นนี้ได้แนวคิด Chira Way ได้อิทธิพลมาจากศาสตร์พระราชา
ทำให้คณะ กฟผ.เห็นว่า ศาสตร์พระราชาไม่ใช่แค่ดูแลชุมชนใน กฟผ. สามารถใช้ในการแพทย์และด้านอื่นๆ ด้วย
ผมเน้นว่ายุคต่อไปผู้นำใน กฟผ.ต้องเป็น TransformationLeadership คือเปลี่ยนอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นยกเครื่อง ไม่ใช่แค่Transactional Leadership คือปรับจากที่มีอยู่
เมื่อมีอุปสรรคแล้วต้องไม่ท้อ ชนะเล็กๆ แต่เป็นชนะที่มองเห็นต่อเนื่อง ทีมทั้ง 3 กลุ่มควรจะทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและข้ามอุปสรรคให้ได้
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
บรรยากาศโครงการสร้างชุมชนตลาดพลูเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมในยุคหลังโควิด-19 ไปสู่ความยั่งยืน ขอขอบคุณ พลเอกโกญจนาท จุณณะภาต รองประธานสภากรุงเทพมหานคร ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีเปิดฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563
บรรยากาศพิธีปิดหลักสูตร ศาสตร์พระราชากับการพัฒนาผู้นำยุค 4.0 มีผู้รับการอบรมทั้งสิ้น 65 ท่าน จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งได้จัดเป็น 3 กลุ่ม และลงพื้นที่ศึกษาดูงาน “ดอยตุงโมเดล” จังหวัดเชียงราย และมีพิธีปิดจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งถ่ายภาพหมู่ร่วมกันทั้ง 3 กลุ่ม ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม-29 กันยายน 2563
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี