สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำเนื้อหาจากการบรรยายสรุปของ วิทย์ วิชัยดิษฐ หน่วยระบาดวิทยาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในเวทีเสวนา “การระบาดสารเสพติดและตลาดการค้า”จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ รร.แมนดาริน สามย่าน กรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากการระบาดของสารที่สังเคราะห์หรือผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นยาเสพติดโดยตรงแล้ว ยังมีปัญหายาที่ใช้เพื่อการแพทย์รั่วไหลออกไปสู่การใช้เพื่อเสพติดด้วย
วิทย์ เล่าถึง “ยาประเภทออกฤทธิ์ต่อประสาท (Phychoactive Pharmaceuticals)” ซึ่งมีการพัฒนาไปตามยุคสมัย เช่น ตั้งแต่ก่อนปี 2473 นิยมใช้ฝิ่น แอลกอฮอล์ มอร์ฟีน โคเคน จากนั้นตั้งแต่ปี 2473-2502จะเป็นยากล่อมประสาท (Barbiturates) หรือในปี 2503-2522 ก็เป็นยากล่อมประสาท (Benzodiazepines) หรือในยุค 1990 (2533-2542) ใช้ยากระตุ้นประสาทหรือยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants+Psychostimulants)และยุค 2000 (ปี 2543-2552) เริ่มมีการใช้อนุพันธ์ฝิ่น(Opiloids) เป็นต้น
“ประเทศที่มีรายได้สูง เช่น สหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มชาติยุโรป มีสัดส่วนการใช้ยาประเภทออกฤทธิ์ต่อประสาทมากในหมู่ประชากร” เมื่อเทียบกับประเทศที่มีรายได้ปานกลางและต่ำ ในจำนวนนี้ “ยาต่อต้านภาวะวิตกกังวล (Anxiolytics) มีการใช้มากที่สุด” ซึ่งอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เกิดปัญหา “การเบี่ยงเบนยา (Drug Diversion)” หรือการนำยาที่แพทย์สั่งจ่ายไปใช้ในวัตถุประสงค์ผิดกฎหมาย แบ่งเป็น 4 วิธีการ คือ
1.จากเพื่อนหรือญาติ ผู้ป่วยได้รับยาจากแพทย์แต่รับประทานไม่หมดจึงแบ่งส่วนที่เหลือให้คนรู้จักเช่น ยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งจ่ายกรณ์เข้ารับการผ่าตัด 2.จากระบบบริการทางการแพทย์ เช่น ผู้ป่วยกินยาแล้วยาเหลือจึงนำไปขายต่อ อาทิ ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนและมีอาการปวดเรื้อรัง แพทย์ก็จะสั่งยาแก้ปวดอนุพันธ์ฝิ่นให้ เมื่อบวกกับลักษณะบางอย่างทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดการเสพติดได้ง่าย ผู้ป่วยก็อาจไปพบแพทย์หลายที่ เพื่อหวังจะได้ยาจำนวนมาก และเมื่อได้มาบางส่วนก็นำไปขาย
“ในสหรัฐฯ มีปัญหาการจ่ายยามากเกินไปแพทย์ 3% เป็นคนจ่ายยาอนุพันธ์ฝิ่น 62% ของทั้งหมดซึ่งแปลว่ามีแพทย์จำนวนไม่กี่รายที่สั่งยาอนุพันธ์ฝิ่นมากเกินเหตุ มีเรื่องของการฉ้อโกงในระบบ แล้วก็มีคลินิกบางคลินิกที่เป็นจุดที่จ่ายยา Opiloids มากเกินขนาดแล้วก็มีผู้ใช้ที่ต้องการ Doctor-Shopping ตรงนี้ไปใช้งาน เขาจะเรียกตรงนี้ว่า Pill Mills” วิทย์ ระบุ
วิทย์กล่าวต่อไปว่า ในประเทศไทย วัยรุ่นนิยมนำยา Tramadol ที่ 1 แผงมี 20 เม็ด แผงละ 75 บาท ซึ่งทำให้เคลิ้ม ไปผสมกับน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มชูกำลัง โดยอาจมองว่าราคาถูกกว่าไปซื้อเหล้ามาดื่มหรือซื้อกัญชามาเสพ อย่างไรก็ตาม แม้ในไทยจะมีการซื้อ-ขายยาเสพติดผ่านอินเตอร์เนต แต่ก็ยังอยู่บนเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ทั่วไป (เช่น Twitter) ไม่ถึงขั้นใช้เว็บไซต์ใต้ดิน (Deep Web) ที่ต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อเข้าถึง ดังที่ปรากฏในต่างประเทศกับกรณี Silk Road ที่เคยโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน
Silk Road เป็นเว็บใต้ดินสำหรับซื้อ-ขายยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทโดยเฉพาะ เช่น กัญชา ยาอี เหล้าแห้ง ยากระตุ้นประสาท ยาอนุพันธ์ฝิ่น ฯลฯ
ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยโปรแกรมท่องอินเตอร์เนตทั่วไป(เช่น Google Chrome หรือ Firefox) แต่ต้องใช้โปรแกรม TOR และต้องรู้จักที่อยู่ (URL) ของเว็บไซต์จึงจะเข้าไปได้ โดย TOR เป็นโปรแกรมท่องอินเตอร์เนตที่ช่วยปกปิดเลขที่อยู่ (IP Address) ของผู้ใช้ ทั้งนี้ การซื้อ-ขาย จะใช้เงินดิจิทัลสกุลบิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นสื่อกลาง Silk Road ถูกปิดไปตั้งแต่ปี 2558 เพราะผู้ดูแลเว็บถูกทางการสหรัฐฯ จับกุม
นักวิชาการผู้นี้ กล่าวทิ้งท้ายถึงวิธีป้องกันการเบี่ยงเบนยา หรือการนำยาที่ใช้ทางการแพทย์ไปใช้เพื่อเสพติดนั้น ประกอบด้วย 1.ละเว้นการจ่ายยาอนุพันธ์ฝิ่นโดยไม่จำเป็น โดยมีแนวปฏิบัติ (Guideline) ให้การจ่ายยากลุ่มนี้ทำได้ยากขึ้น 2.เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ร้านยา-ห้องยา ซึ่งในสหรัฐฯ มีการปล้นหรือขโมยยาอนุพันธ์ฝิ่นในร้านขายยาเกิดขึ้นหลายครั้งในแต่ละปี
3.กวดขันมาตรการตรวจสต๊อกยา ป้องกันการฉ้อโกงในระบบ และ 4.วิจัยพฤติกรรมการเบี่ยงเบนยาในครัวเรือนหรือชุมชน หมายถึงผู้ป่วยที่ต้องใช้ยา แต่นำยาบางส่วนไปแบ่งหรือขายให้คนรอบตัว ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีบริบทที่แตกต่างกัน จึงควรมีการวิจัยพฤติกรรม เพื่อให้ได้มาตรการการป้องกันที่เหมาะสมที่สุด โดยในส่วนของประเทศไทยยังขาดข้อมูลความชุกของพฤติกรรมดังกล่าว
“ต้องมีการสำรวจตรงนี้ แล้วก็หามาตรการที่มาจากหลักฐานเชิงประจักษ์ให้ครบวงจรมากขึ้น”วิทย์ กล่าวในท้ายที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี