วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ระวังตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง

ดูทั้งหมด

  •  

ถึงแม้จะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ไม่ได้เคร่งครัด ปฏิบัติมากมายนักแต่ผมก็เป็นคนที่เชื่อในกฎแห่งกรรม และเชื่อโดยเสมอมาว่าการทำดีโดยไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทนใดนั้น ผลแห่งการทำดีจะกลับคืนมาสู่ตัวเราเสมอ ในหลายรูปแบบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดได้กับทุกคนจริงๆ

ดังนั้นถึงแม้ว่าขณะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองดูเหมือนจะไม่ค่อยปกตินัก ไม่ว่าจะเกิดจากใครกลุ่มใดเป็นผู้กระทำก็แล้วแต่ ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดสิ่งดีผลแห่งการทำดีย่อมปรากฏให้เห็น แต่ถ้าใครกระทำไปโดยมีจิตแอบแฝง ซึ่งจะส่งผลกระทบในทางไม่ดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็บอกได้เลยว่าจงเตรียมตัวรับผลกรรมอันนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีตัวอย่างเกิดขึ้นมาแล้วกับนักการเมืองโกงเมืองกินเมืองทั้งหลาย ซึ่งบางรายก็อยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดี บางรายก็ติดคุกไปแล้วบางรายก็หนีคุกระหกระเหินหัวซุกหัวซุนไปอยู่ในต่างแดนซึ่งหากคำทำนายจากครูบาทางเหนือองค์หนึ่งที่หากเอ่ยชื่อขึ้นมาก็จะเป็นที่รู้จักกันดี ที่ท่านเคยบอกผมตั้งแต่บุคคลผู้นั้นขึ้นบริหารประเทศใหม่ๆ ว่าเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่และจะไม่ตายดีเป็นจริงขึ้นมา ก็คงจะยืนยันเรื่องของกฎแห่งกรรมอย่างแน่นอน


โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามหลักวัฏสงสาร ไม่มีใครสามารถจะหลีกพ้นได้ เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดทุกข์ทั้งกายและใจ โดยส่วนของกายก็อาจจะมีความเสียหายของอวัยวะเกิดขึ้น มากน้อยแล้วแต่ความรุนแรงของโรค ส่วนใจก็ถูกกระทบกระเทือนในเรื่องของความรู้สึก ความรับรู้ มากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย ตามหลักการแพทย์จึงถือว่าการป้องกันไม่ให้เกิดโรคย่อมดีกว่าการเป็นโรคแล้วต้องตามมาด้วยการรักษา โรคหลายชนิดเป็นโรคที่สามารถจะป้องกันได้ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งมีอยู่มากมาย แต่ด้วยความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงทำให้เกิดการวิจัยพัฒนาและคิดค้นสิ่งที่เรียกว่าวัคซีนที่ใช้ในการป้องกัน และหากบางรายได้รับเชื้อจำนวนมากและมีอาการเกิดขึ้นวัคซีนต่างๆ นั้นก็จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงได้หรือแม้แต่ป้องกันการเสียชีวิต

จากการที่เกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และทำให้เกิดโรคที่เรียกกันจนติดปากว่าโควิด-19 นั้น ทำให้เกิดปัญหาไปทั่วทั้งโลก โดยมีผู้ป่วยแล้วประมาณ 600 ล้านราย และเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 6.5 ล้านราย และยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ ทำให้กระบวนการทางธุรกิจทั้งหลายได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นเดียวกัน แต่รัฐบาลก็ได้พยายามดำเนินการในทุกด้านเพื่อพยุงเศรษฐกิจไว้ให้ได้ ทั้งๆ ที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลนับแสนล้านบาทมาเพื่อการดูแลรักษาประชาชนที่ติดโรคนี้

รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนจำนวนไม่น้อยด้วยการจัดให้มีค่าพยุงชีพต่างๆ มากมายในหลายโครงการ จนทำให้ประเทศไทยของเราอยู่รอดได้ และขณะนี้เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น การส่งสินค้าออกก็สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก แต่ที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งคือรายได้ที่เกิดจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเมื่อโรคโควิด-19 ลดความรุนแรงลง และรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศ ก็ทำให้นักเดินทางต่างชาติซึ่งมีความชื่นชมในประเทศไทยได้กลับเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนนับล้านรายแล้ว ทำให้ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกระเตื้องขึ้นตามลำดับและจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันนี้จึงจะขอเล่าเรื่องของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสและวิวัฒนาการของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสให้ฟังโดยสังเขป ผมเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยรู้จักโรคที่เรียกว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษพอสมควรโดยเฉพาะเมื่อมีการเกิดโรคฝีดาษลิงขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความตกอกตกใจไปบ้าง แต่ก็คงจะพอทราบแล้วว่าถึงแม้โรคนี้จะเป็นโรคระบาดที่ความจริงเป็นโรคประจำถิ่นแต่ก็ไม่ได้เป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดได้ง่ายนัก โดยการระบาดจากคนสู่คนนั้น จะเกิดขึ้นจากการสัมผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีการติดเชื้ออยู่ก่อน

โรคฝีดาษเป็นโรคที่เกิดขึ้นและเป็นที่รู้จักกันมานานมากกว่า 1,000 ปี และจากการศึกษาทางพันธุกรรมของเชื้อนี้ เชื่อกันว่าไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคนี้อาจจะเกิดขึ้นมานับเป็นหมื่นปีแล้วก็ได้ ประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกถึงโรคนี้ตั้งแต่ยุคอาณาจักรโรมันรุ่งเรือง เนื่องจากมีมหาราชผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของอาณาจักรกรีกโบราณที่มีชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ได้ป่วยเป็นโรคฝีดาษ ซึ่งในที่สุดก็นำมาซึ่งการเสียชีวิตในวัยเพียง 32 ปีเท่านั้น โดยพบว่าโรคนี้ที่เชื่อกันว่าเริ่มเกิดจากชายฝั่งทวีปแอฟริกา ผ่านมาสู่ทวีปยุโรป เข้าสู่ประเทศแถบตะวันออกกลาง สามารถจะแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้มีการระบาดมาสู่ดินแดนทางแถบเอเชียด้วยเช่นประเทศจีน

จากหลักฐานที่มีอยู่พบว่ามนุษย์รู้จักการใช้วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษหรือฝีดาษ มายาวนานกว่า 1,000 ปีแล้ว โดยหมอจีนในลัทธิเต๋าได้เอาสะเก็ดจากผิวหนังคนป่วยมาป่นให้ละเอียดแล้วพ่นเข้าทางจมูกของผู้ที่ไม่ได้เป็นโรค และพบว่าช่วยลดอาการรุนแรงของโรคนี้ได้ องค์ความรู้นี้ถูกแพร่กระจายไปทางแถบตะวันตก แต่เปลี่ยนจากการให้สูดดมเข้าทางจมูกปรับมาเป็นการใช้จิ้มเข้ากับผิวหนังโดยทำให้ผิวหนังเป็นแผลเล็กๆ เรียกว่าการทำวาริโอเลชั่น(variolation) ซึ่งราชวิทยาลัยการแพทย์ของอังกฤษก็ได้รับทราบเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ให้ความสนใจในระยะแรก จนกระทั่งต่อมาจึงมีนายแพทย์ชาวอังกฤษที่ชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ได้ทำการคิดค้นพัฒนา จนได้วัคซีนที่ใช้ป้องกันไข้ทรพิษ และวัคซีนนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้แพร่หลายทั่วทั้งโลก จนปัจจุบันโรคฝีดาษในคนได้ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นแล้ว โดยมีการยกเลิกการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษในปี 2523

ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าโรคโควิด-19 ในประเทศไทยจะถูกเปลี่ยนสถานะจากโรคระบาดใหญ่ เป็นโรคระบาดที่ต้องเข้าเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้ และเชื่อว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่นได้ในอีกไม่นานนักซึ่งหมายความว่าโรคนี้จะไม่เป็นโรคที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรงและสามารถป้องกันการเป็นโรคได้หรือป้องกันอาการรุนแรงได้โดยการฉีดวัคซีน และได้ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะให้ผู้คนทั้งหลายกลับมาดำเนินชีวิตตามแนวทางปกติ รวมทั้งรัฐบาลจะประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ได้ใช้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีเป็นอย่างยิ่งต่อการควบคุมการระบาดของโรคนี้ในประเทศของเรา

ในส่วนของประชาชนนั้นจึงต้องมีการเตรียมตัว ไม่ให้ป่วยเป็นโรคนี้ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงอีกต่อไป แต่การไม่เป็นโรคย่อมดีกว่า และก็เป็นที่ยืนยันแล้วว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยวัคซีนชนิดเชื้อตาย วัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์หรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ แต่หากได้มีการฉีดเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่องคืออย่างน้อยได้รับวัคซีน 3 เข็ม โดยวัคซีนเข็มที่ 3 นั้นควรจะเป็นวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ จะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในปริมาณที่พอเพียงต่อการป้องกันการเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้ ยกเว้นในกลุ่มเสี่ยงซึ่งทราบกันดีอยู่แล้ว ส่วนการฉีดเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 4 หรือเข็มที่ 5 นั้นก็สามารถจะพิจารณาได้ โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่มีโอกาสสัมผัสกับโรคนี้ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ โดยควรเว้นระยะห่างระหว่างเข็มอย่างน้อย 3 เดือน

ก็เชื่อว่าถึงแม้ขณะนี้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วจะมีจำนวนเพียงแค่ประมาณ 45% แต่จำนวนตัวเลขนี้ก็ยังมีการเพิ่มขึ้นถึงแม้จะไม่เร็วนักก็ตาม ก็หวังว่าตัวเลขเป้าหมายที่ 60% จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอีกไม่นานนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่ 3 และตามด้วยเข็มที่ 4 ในระยะต่อไป

ขอยืนยันว่าการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา การฉีดวัคซีนให้ครบตามแล้วทางที่กำหนดจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน รวมทั้งการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท หากเห็นว่าจะต้องไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง หรือสัมผัสกับผู้ที่มีความเสี่ยง การสวมหน้ากากอนามัยให้มิดชิดยังเป็นสิ่งที่ควรต้องถือปฏิบัติต่อไป แต่ถ้ามีการติดเชื้อเกิดขึ้น ก็เข้ารับการรักษาตามสิทธิพื้นฐาน ในระบบบริการสุขภาพของแต่ละคน ยกเว้นการป่วยนั้นมีอาการรุนแรงเข้าขั้นวิกฤตก็สามารถเข้ารับการรักษาในทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศได้

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:53 น. สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย
21:45 น. ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน
21:29 น. เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา
20:59 น. วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
20:40 น. เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า
ดูทั้งหมด
เปิดประวัติ นานา ไรบีนา พี่ใหญ่แห่งแก๊งนางฟ้า ตัวแม่ตัวมัมของเมืองไทย
เปิดประวัติ เวย์ ไทยเทเนี่ยม แร็ปเปอร์ดังคู่ชีวิตดาราสาว นานา ไรบีนา
ทรงเป็นแบบอย่าง! สมเด็จพระราชินี เก็บขยะเกาะราชาใหญ่ หลังแข่งคิงส์คัพรีกัตต้า (คลิป)
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 3-9 ธ.ค.68
แรงแค้นจีน ราชินีเจ-ป็อปโดนเบรกการแสดงในเซี่ยงไฮ้ เดินหน้าโชว์ต่อแม้ไร้เงาผู้ชม
ดูทั้งหมด
ลึกลับในสนามข่าว : 6 ธันวาคม 2568
มีนายกฯ ไว้ผัดข้าวผัด?
เส้นทางสู่การได้มาซึ่งคะแนนเสียง
ตายพันราย?
บุคคลแนวหน้า : 6 ธันวาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย

ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน

ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เร่งติดต่อบิดาป่วยหนักผ่าตัดขา หลังสัมพันธ์พ่อลูกแตกร้าวนาน7ปี

ผบช.ภ.1เตรียมตรวจบ้านนัทปงซ้ำ หาแหล่งที่มาไซยาไนด์ เชื่อคนในบ้านต้องรู้

แฟนคลับแซวความฟิน ลิซ่า ลลิษา อวดภาพคู่กับ กงยูโอปป้า ฝันเป็นจริงหลังที่แอบชอบมานาน

เปิดชีวิต ชาล็อต ออสติน โตมากับความรุนแรงตั้งแต่เด็ก เคยคิดสั้น 2 ครั้ง

  • Breaking News
  • สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย
  • ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน
  • เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา
  • วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
  • เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved