“ความยั่งยืน (Sustainability)” เป็นคำที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญมากในระยะหลังๆ ดังที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ออกเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) จำนวน 17 ข้อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกนำไปปฏิบัติให้บรรลุผลรวมถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้ออกแนวปฏิบัติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Business andHuman Rights) เพื่อให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการโดยไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งก็จะเชื่อมโยงกับประเด็นสิ่งแวดล้อม (เช่น สิทธิชุมชน) ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนด้วย
ในการประชุม Asia Inclusive & Responsible Business Forum (Asia-IRB) ซึ่งจัดโดยอ็อกแฟม อินเตอร์เนชั่นแนล (Oxfam International)ที่กรุงเทพฯ เมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ. 2566 มีผู้นำภาคธุรกิจ กลุ่มประชาสังคมในทวีปเอเชีย และหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นๆ เข้าร่วมประชุมกว่า80 ราย มีการหารือเกี่ยวกับวิธีการที่ธุรกิจต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากการจ่ายค่าจ้างที่เหมาะสม การส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง การมีส่วนร่วม และการปรับตัวเพื่อสร้างการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนซึ่งส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน้อยที่สุด
จักรชัย โฉมทองดี องค์การอ็อกแฟม ประจำภูมิภาคเอเชีย เผยว่า บริษัทในเอเชียเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงแรงผลักดันด้านสิ่งแวดล้อมและความเป็นธรรมทางสังคมในระดับโลก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ บริษัทต่างๆ ควรก้าวข้ามรูปแบบ CSR ลักษณะเดิมๆ แบบโครงการสั้นๆ แล้วจบไป หากแต่ควรผนวกรวมมิติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เป็นส่วนประกอบสำคัญของโมเดลทางธุรกิจ โดยงานประชุมนี้เน้นให้เห็นถึงวิธีการที่บริษัทเอกชนหลากหลายขนาดและรูปแบบ สามารถนำกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความสำคัญกับมนุษย์และโลกมาใช้มากขึ้นโดยไม่กระทบกับผลประกอบการ
ปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคด้านความยั่งยืน “ไทยยูเนี่ยน” บริษัทแปรรูปและส่งออกอาหารทะเลระดับโลก กล่าวว่า บริษัทได้รับประโยชน์จากความรู้ของภาคประชาสังคมในการสนับสนุนการตรวจสอบและการสร้างขีดความสามารถที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และยังได้ทำสัญญากับเรือประมงเพื่อส่งเสริมการใช้แรงงานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย ซึ่งการทำงานร่วมกันเป็นพื้นฐานในการสร้างโมเดลธุรกิจที่มีส่วนร่วมและยั่งยืนจำเป็นต้องร่วมมือกับทุกคน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคมและลูกค้า
กุนธี กัน รองประธาน “AMRU Rice” ผู้ผลิตและส่งออกข้าวอินทรีย์รายใหญ่ของกัมพูชา กล่าวว่า บริษัทกำลังพยายามสร้างระบบนิเวศที่ทุกคนในห่วงโซ่อุปทานได้รับประโยชน์ มีการส่งเสริมผลประโยชน์ทางการค้าที่เป็นธรรมมากขึ้นสำหรับเกษตรกรผ่านการเป็นเจ้าของหุ้นโดยตรง โดยให้ราคาที่เป็นธรรม และค่าพรีเมียมสำหรับพืชผลผ่านข้อตกลงการจัดหา ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคประชาสังคมเพื่อสนับสนุนความหลากหลายในการเพาะปลูกซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี ส่งเสริมเทคนิครับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพของภูมิอากาศให้กับเกษตรกรด้วย อาทิ การใช้โรงเรือนและการปลูกพืชแซม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
นอกจากธุรกิจขนาดใหญ่ ยังมีตัวอย่างกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) อาทิ ภิรมย์ ดีพรรณ ซีอีโอของ “MUCH Mobile Healthcare” (กัมพูชา) กล่าวว่า การลงทุนในสตาร์ทอัพด้านการดูแลสุขภาพมีผลกระทบทางสังคมอย่างมาก ความสำเร็จของธุรกิจนำไปสู่ผลลัพธ์ด้านสุขภาพและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกับชุมชนที่ด้อยโอกาส ซึ่งนำไปสู่การกระจายทรัพยากรด้านการดูแลสุขภาพที่เท่าเทียมกันมากขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ โดย MUCH Mobile Healthcare ประสบความสำเร็จในปรับปรุงการดูแลผู้สูงอายุและมอบการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงผ่านคลินิกเคลื่อนที่ อีกทั้งให้ความสำคัญกับส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานหญิงด้วย
ยังมีตัวอย่างที่มาไกลแบบข้ามทวีป โดย จอย บามิเดล ซีอีโอของ Jaebee Furniture (ไนจีเรีย) กล่าวว่า การลงทุนด้านการศึกษาและการจ้างงานผู้หญิงมีความสำคัญมากในการสร้างผลกระทบทางสังคม บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นเวทีสำหรับผู้หญิงที่ด้อยโอกาสในชุมชน และนำหญิงสาวที่ออกจากโรงเรียนมาเข้าสู่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของบริษัท การดูแลผู้คนในชุมชนทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและเพิ่มผลกำไรได้ แนวทางคือการช่วยเหลือผู้คน เพราะรู้ว่าเมื่อเราช่วยเหลือผู้อื่นทุกคนก็จะได้รับประโยชน์
อ็อกแฟมตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากธุรกิจต่างๆ ในการลดความยากจนทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทจำนวนมากก็มีส่วนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันมากขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ในช่วงที่เกิดโรคระบาด งานวิจัยของอ็อกแฟม เรื่อง “Not in This Together” ได้ชี้ให้เห็นว่า ระบบธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมแม้จะนำไปสู่ผลกำไรของบริษัท แต่แรงงานในห่วงโซ่อุปทานอาหารกลับต้องดิ้นรนเพื่อรักษางานของตนไว้
การประชุมนี้ได้ข้อสรุปว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะมุ่งมั่นทำงานต่อไปเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่มีความเท่าเทียม สำรวจโอกาสต่างๆ และดำเนินการเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอื่นๆ ในการให้ความสำคัญกับจุดมุ่งหมายด้านความเป็นธรรม และความยั่งยืนเท่าๆ กับผลกำไรเพื่อสร้าง “เศรษฐกิจฐานมนุษย์” ที่เป็นระบบเศรษฐกิจที่หนุนเกื้อต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี