เกิดแก่เจ็บตาย ถือเป็นเรื่องธรรมดาของทุกชีวิตซึ่งไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ โดยตลอดเส้นทางชีวิตนี้ เชื่อกันว่าทุกคนจะเดินไปตามกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมร้าย ที่ได้ทำไว้ทั้งในชาติก่อนและชาติปัจจุบัน โดยการเจ็บหรือป่วยนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิตได้ทั้งนั้น อาจจะเกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรกที่เกิดขึ้นมา หรืออาจจะเกิดในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
ได้เคยกล่าวไว้หลายครั้งแล้วว่า สาเหตุของการเจ็บหรือป่วยนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายประการด้วยกันไม่ว่าจะจากเชื้อโรคต่างๆ หรือจากโรคที่เกิดจากความผิดปกติในร่างกายของมนุษย์เอง จากการทำงานที่ผิดปกติไปของอวัยวะต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต และที่รู้จักกันดีก็คือเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะ กลายเป็นมะเร็งของอวัยวะต่างๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม หรือเกิดจากอุบัติเหตุซึ่งเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา จากความประมาทในการดำรงชีวิต แต่ที่กำลังพูดถึงกันมากในระยะนี้คือจากสภาพของอากาศ ได้แก่ เรื่องของฝุ่นขนาดเล็กที่เรียกกันว่า PM2.5 และอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นข่าวครึกโครมเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมาคือเรื่องของโรคลมแดดหรือ Heat Stroke ซึ่งทำให้บุคคลผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงทั้งทางด้านสังคมและการเมืองตลอดจนกีฬารถแข่ง ต้องจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน นำความเศร้าโศกเสียใจอย่างมากมาสู่ทุกคน ทั้งญาติสนิทมิตรสหายและบุคคลที่รู้จัก เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้ทำคุณงามความดีไว้มากทีเดียว
ในส่วนของฝุ่น PM2.5 นั้น สถานการณ์ที่ผ่านมา3-4 เดือนยังไม่ได้คลี่คลายลงแต่อย่างใด โดยเฉพาะกับที่เกิดขึ้นในจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่จังหวัดเชียงราย เป็นต้น จนทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีเลยเนื่องจากมีปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และถึงแม้ว่า สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น แต่ในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมานี้ก็ยังมีค่า AQI เกินกว่าระดับ 200 หรือสีแดง ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ทำให้มีผู้ที่เจ็บป่วย ด้วยโรคของระบบทางเดินหายใจมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากนัยสำคัญ และเชื่อว่า หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปท่องเที่ยวยังจังหวัดดังกล่าวด้วย โดยสาเหตุหลักของฝุ่นที่มีปริมาณสูงขนาดนี้ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นฝุ่นพิษนั้น เกิดจากการเผาป่าเป็นสำคัญ
การเผาป่าในประเทศไทยในช่วงเริ่มฤดูร้อนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และดูเหมือนว่าจะหนักหนาสาหัสมากในปีนี้ จึงทำให้เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าเหตุใด หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีหน้าที่ต้องดูแล ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีข้อเรียกร้องในการของบประมาณในการบริหารเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนมีความอิสระในการบริหารจัดการในพื้นที่นั้นๆ จึงไม่สามารถจะเข้าถึงและชี้แจงทำความเข้าใจให้กับประชาชนในท้องที่ให้ทราบถึงผลเสียและภยันตรายด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆได้ เพราะเรื่องของไฟป่านั้น เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่าเกิดจากการเสียดสีของใบไม้แห้งในช่วงฤดูร้อน จนกระทั่งทำให้เกิดความร้อนสะสมของใบไม้จนเกิดติดไฟขึ้นและลุกลามกลายเป็นไฟป่า และจากภาพถ่ายทางอากาศ ก็เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนแล้วว่า ลักษณะของการลุกไหม้ของไฟป่านั้นเกิดขึ้นเป็นแถวเป็นแนว เป็นลักษณะที่ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติซึ่งยากมากที่ไฟจะติดขึ้นมาเอง รวมทั้งเหตุการณ์ของไฟป่าที่เพิ่งเกิดขึ้นบริเวณเขาแหลม จังหวัดนครนายกที่ทำให้ภูเขาเกือบทั้งลูกมีลักษณะเหมือนทะเลเพลิง มีพื้นที่ป่าถูกเผาจำนวนนับพันไร่นั้น ก็เชื่อว่าเกิดจากฝีมือของมนุษย์อย่างแน่นอน และก็ทำให้เกิดควันหรือฝุ่นซึ่งเป็นส่วนประกอบของ PM2.5 เป็นจำนวนไม่น้อย
การหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ที่อาสาเข้ามาบริหารจัดการบ้านเมืองหรือประเทศไทยของเรา ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนั้น ก็หวังว่า จะได้พรรคการเมืองและนักการเมือง ที่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมอย่างแท้จริง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องยาก และตราบใดที่ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่ง ยังนิยมชมชอบนักการเมืองที่เข้ามาบริหารว่าถึงแม้จะมีพฤติกรรมของการคอร์รัปชั่นอยู่บ้าง แต่ถ้าทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น อันเป็นทัศนคติที่ถือว่าเป็นอันตราย ประเทศชาติก็ยังจะตกอยู่ในวงจรอุบาทว์นี้ไปอีกนานอย่าได้เชื่อว่าประชาธิปไตยเต็มรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นประชาธิปไตยฉบับสมบูรณ์ ทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ดีมีสุขมีสิทธิเสรีภาพในทุกสิ่งทุกอย่างเท่าเทียมกันอย่างที่สุด เพราะหากตราบใดยังมีผู้ที่ไม่เคารพต่อกฎหมาย และเมื่อต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ก็ยังไม่ยอมรับผลการพิจารณาขององค์กรที่รับผิดชอบดูแล มีการกล่าวหาโดยใช้คำว่าไม่ยุติธรรมอยู่ตลอดเวลา ก็เพียงแต่อยากจะฝากว่าในส่วนหนึ่งของการหาเสียงที่ได้กล่าวไว้ว่า หากมีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศจะทำให้การจัดการเรื่องฝุ่นPM2.5 เป็นวาระแห่งชาติ มีการวางแผนแก้ไขจัดการอย่างแท้จริง จนไม่เป็นปัญหาของประเทศไทยเราอีกต่อไปในอนาคต เรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็เพียงพอแล้ว
ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว สภาพอากาศขณะนี้ในทุกวันจึงร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก โดยในบางพื้นที่นั้นอุณหภูมิสูงสุดขึ้นไปถึง 42 องศาเซลเซียสซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก และร่างกายปกติของมนุษย์ไม่อาจจะรับได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นให้มากยิ่งขึ้น การเสียชีวิตของบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นนั้น ถือว่าเป็นบทเรียนที่จะต้องให้คนจำนวนมากได้เรียนรู้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้คน ซึ่งในการปฏิบัติอาชีพนั้น
ยังจะต้องทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ อยู่กลางแดดเป็นระยะเวลานานๆ รวมทั้งการทำกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ เป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการของโรคลมแดด ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเรานั้นไม่ควรจะเกิน 37.0 องศาเซลเซียส ตัวอย่างที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันพอสมควรคืออาการชักที่เกิดในเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะหากอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่มีไข้สูงเกิดขึ้น ทั้งนี้เมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น จะเกิดผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้การสั่งการไปยังระบบและอวัยวะต่างๆของร่างกายผิดปกติไป โดยเฉพาะหากอุณหภูมิดังกล่าวสูงเกินกว่า 40 องศาเซลเซียส ระบบไหลเวียนของเลือดและการทำงานของไต จะได้ผลกระทบอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน หน้ามืดเป็นลม ชักและเสียชีวิตได้ หากการรักษาที่เกิดขึ้นไม่ทันท่วงที
การป้องกันโรคลมแดดเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากนัก นั่นคือการหลีกเลี่ยงการอยู่ กลางแดดเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะในขณะที่อุณหภูมิสูงเกินกว่า 40 องศาขึ้นไป
และหากจำเป็น การใช้อุปกรณ์และเครื่องแต่งกายช่วยเหลือบางอย่างย่อมเกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ร่มป้องกันความร้อนจากแสงแดด การใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่หนาเกินไป การหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าสีดำซึ่งจะดูดซับความร้อนอย่างมาก หรือการอยู่ใต้ร่มไม้ โดยเฉพาะหากมีลมระบายอยู่ด้วยย่อมเป็นเรื่องที่ดี และสิ่งที่ควรทำควบคู่ไปด้วยคือการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมเป็นระยะๆ ป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำจากการที่มีการเผาผลาญด้วยความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายซึ่งจะทำให้สารเกลือแร่ต่างๆในร่างกายสูญเสียสภาพสมดุลได้
และหากเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น เริ่มวิงเวียน อ่อนล้าโดยเร็ว ต้องรีบกลับเข้ามาอยู่ในที่ร่มทันที จิบน้ำเป็นระยะอย่าดื่มอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนมากโดยทันที รวมทั้งการใช้ผ้าชุบน้ำ เช็ดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะส่วนซอกของร่างกายทุกตำแหน่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่จะมีการเก็บความร้อนไว้มากกว่าส่วนอื่น เพื่อให้เกิดการระบายความร้อนออกจากร่างกายโดยเร็ว นอนพักให้ศีรษะราบ อยู่ในที่ที่มีลมระบายได้ดีและหากอาการไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
เรื่องของการเป็นลมแดดนั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่ากองทัพไทยได้มีระเบียบที่ชัดเจนในเรื่องของการฝึกทหาร ว่าให้หลีกเลี่ยงหรือไม่ทำการฝึกกลางแจ้งในขณะที่อุณหภูมิอากาศสูงเกินกว่า 40 องศาขึ้นไป และยังถือว่าเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่ง หากในเหล่าทัพใดมีทหารที่ป่วยเป็นโรคลมแดดเกิดขึ้น ถือว่าเป็นความบกพร่อง ของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานนั้นๆ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า โรคลมแดดทำให้เกิดการสูญเสียกำลังพลได้
ในกลุ่มประเทศแถบอาหรับที่เรียกว่า Gulf Cooperation Council หรือ GCC ที่ประกอบไปด้วย6 ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย อาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน กาตาร์ และโอมาน มีระเบียบชัดเจนเรื่องการห้ามคนงานทำงาน โดยเฉพาะก่อสร้างหรือที่งานที่อยู่ในที่โล่งแจ้งกลางแดดในช่วงภาคบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศร้อนจัดและในฤดูร้อนมักจะเกินกว่า 40 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจะนำมาใช้เป็นอย่างยิ่งในประเทศไทยของเราเองซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อน
จะเห็นได้ว่า ทั้งเรื่องของฝุ่น PM2.5 และเรื่องของความร้อนจากอุณหภูมิ ของอากาศนั้น เกิดผลกระทบต่อร่างกายจนถึงชีวิตได้แน่นอน การออกกฎระเบียบหรือแนวปฏิบัติที่อาจจะต้องมีบทลงโทษไว้ด้วยนั้น เป็นสิ่งที่สามารถจะป้องกันภยันตรายที่เกิดขึ้นจากสภาวะดังกล่าวได้ จึงมีความหวังว่ารัฐบาล ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อไปนั้น จะให้ความสำคัญของเรื่องประเภทนี้มากยิ่งขึ้นต่อไป ขอยืนยันว่าสุขภาพของประชาชนทุกคนนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งนัก และมีค่ายิ่งกว่าเงินทองจำนวนมหาศาลที่ทุกคนอยากจะได้มา
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี