แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้นเป็นภาระสำคัญใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายามศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสมกับหน้าที่ ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง...ในโอกาสอันพิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายได้เป็นกำลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ตั้งความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคงและความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และประชาชนยั่งยืนสืบไป...(ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2515) ...
nn พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ ที่ 3 พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร ซึ่งจะจัดพระราชพิธี ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม 2566 ในการนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดพระราชพิธีฉัตรมงคล วันที่ 4 พฤษภาคม 2566...
nn ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเลือก สส. ก็ยิ่งมีผลโพลล์จากสำนักสำรวจความเห็นบางแห่ง และจากสื่อฯ บางจำพวกระบุว่าพรรคการเมืองบางพรรค เช่น ก้าวไกลได้คะแนนนำสูงลิบ เมื่อโพลล์รายงานผลดังกล่าวออกมา ก็ทำให้มีเสียงถามกลับไปว่า ใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มไหนในการทำโพลล์ หากใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็ก ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยเพราะเด็กจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจพรรคก้าวไกลค่อนข้างมาก แต่ก็มีคำถามว่า ทำไมโพลล์ไม่เฉพาะเจาะจงใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นข้าราชการที่เกษียณแล้ว หรือทำไมไม่เจาะจงถามความเห็นจากกลุ่มผู้สูงอายุ แล้วจะได้รับรู้ว่าคนทั้งสองกลุ่มจะให้คะแนนกับก้าวไกลสถานใด การที่โพลล์ระบุว่าก้าวไกลได้คะแนนสูง แต่ไม่ระบุให้ชัดว่าเป็นการทำสำรวจจากกลุ่มเด็ก ก็เท่ากับจงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ทางที่ดีนั้น คนทำโพลล์ต้องระบุให้ชัดด้วยว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามนั้น เป็นคนกลุ่มใดบ้าง อย่าทำโพลล์แบบตีขลุม เพราะมันเป็นการโกหกด้วยตัวเลข ซึ่งมันก็โกหกได้แค่คนที่ไม่มีความรู้ทางสถิติเท่านั้น...
nn มีคำถามมากมายพอสมควรว่าทำไม กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) จับมือกับ iLaw เพื่อติดตามความไม่สุจริตในการเลือกตั้ง แล้วบางคนก็บอกว่า iLaw เป็นองค์กรที่ได้เงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ เรื่องนี้ขอบอกตรงๆ ว่า ควรจะวิพากษ์วิจารณ์ด้วยใจที่เป็นธรรมด้วย อย่าเพิ่งไปตัดสินว่า iLaw เป็นหน่วยงานที่รับเงินจากสหรัฐฯ แล้วเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวภายในประเทศไทย หากจะวิจารณ์เขาเช่นนั้น ก็ต้องมีหลักฐานชัดๆ ว่าสหรัฐฯ ให้เงินกับ iLaw อย่างไร ให้เท่าไร ให้เมื่อไร ...
nn อันที่จริง iLaw เขาก็บอกชัดเจนใน website ของเขาว่าเขาได้รับเงินสนับสนุนจากใครบ้าง แล้วเขามีใครเป็นกรรมการ แต่ที่ชัดเจนคือเขาบอกโต้งๆ ว่า จอน อึ๊งภากรณ์ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นที่ปรึกษา ส่วนเรื่องที่ iLaw ยืนยันให้ยกเลิกมาตรา 112 ก็เป็นสิ่งที่ต้องถกเถียงกันด้วยปัญญา เรื่องแบบนี้ต้องใช้ปัญญาเถียงกัน อย่าใช้อคติ ใครให้เหตุผลที่ดีกว่า ก็ชนะกันด้วยหลักของเหตุและผล ส่วนคำถามว่าทำไม iLaw ต้องการให้ยกเลิกมาตรา 112 ก็ต้องให้เขาอธิบายให้ชัด แล้วหากจะโต้แย้ง ก็โต้กันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ต้องทะเลาะกันเขามีสิทธิ์เสนอให้ยกเลิก แต่หากเราไม่เห็นด้วย เราก็มีสิทธิ์เสนอให้คงมาตราดังกล่าวไว้ ทุกคนมีสิทธิ์เสนอ และทุกคนมีสิทธิ์โต้แย้ง เราไม่ต้องชกกันด้วยเรื่องแบบนี้ เพราะเราเป็นคนมีเหตุมีผล ไม่ใช่พวกใช้กำลังแก้ปัญหา...
nn มีคนถามว่าพรรคก้าวไกล กับกลุ่มหรือคณะก้าวหน้า มีความโยงใยกันอย่างไร และถามอีกว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความสัมพันธ์สถานใดกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกยุบพรรคไปแล้ว ตอบแบบสั้นๆ รวบรัดคือ เขาเป็นคนรู้จักกัน ทั้งคู่มาจากครอบครัวคนทำธุรกิจ โดยทั้งคู่มีสถานภาพคล้ายๆ กัน คือลูกเจ้าสั่ว ส่วนพ่อแม่จะสอนเขาให้มีทัศนคติทางการเมืองอย่างไรนั้น ก็ต้องดูจากพฤติกรรมการเมือง และทัศนคติการเมืองที่เขาแสดงออก...
nn ธนาธรมีส่วนเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท และที่สำคัญคือธนาธรมีส่วนร่วมจัดตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ส่วน ฟ้าเดียวกัน เน้นการพิมพ์หนังสือสนับสนุนเจ้าหรือล้มเจ้าก็ไปหาอ่านเอาเองก็แล้วกัน ด้าน พิธา ก็เป็นลูกอาเสี่ยไม่ต่างจากธนาธร โดยพิธามีส่วนเป็นเจ้าของออยล์ฟอร์ไรท์ บริษัทผลิตน้ำมันรำข้าวของตระกูลลิ้มเจริญรัตน์แม้ปัจจุบันพิธาจะบอกว่าลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารบริษัทแล้ว แต่น้องชายของพิธาก็ยังเป็นผู้บริหารอยู่ แล้วบริษัทนี้ก็ยังถูกมองว่ามีส่วนเป็นของครอบครัวลิ้มเจริญรัตน์ แม้ระยะหลังจะมีนายทุนสิงคโปร์เข้ามาถึงหุ้นเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะธุรกิจครอบครัวที่ว่านั้นดูท่าทางจะไม่รุ่ง บริษัทไม่ได้ส่งงบการเงินมาสามปีแล้ว โดยส่งงบฯ ล่าสุดเมื่อปี 2562...
nn ส่วนคำถามว่า ทำไมลูกเจ้าสัวทั้งสองคนจึงชอบออกมาพูดเรื่องความไม่เสมอภาคความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ ก็ตอบได้ง่ายๆ และชัด ๆ ว่า เพราะเขาทั้งสองอยู่ในสถานภาพของผู้มีสถานะเหนือกว่าลูกคนงานในบริษัทของครอบครัวตัวเองมาโดยตลอด ซึ่งก็น่าประหลาดใจที่ลูกเจ้าสัวออกมาเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมให้สังคม ทั้งๆ ที่ตัวเองมีความเหนือกว่าในทุกสถานะ และตลอดเวลา การเรียกร้องเช่นนี้ เป็นการกระทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ หรือเป็นการเสแสร้ง เล่นละครตบตาประชาชี เพื่อหวังได้ตำแหน่งการเมือง เรื่องนี้คนรู้ทันลูกเจ้าสัว ตอบได้ดี...
nn ตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน ส่วน ป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล่าสุดดูเสมือนว่าน่าจะรู้ชะตากรรมดีว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า หลังป้อมพูดว่า เป็นฝ่ายค้านก็ได้ หากตู่ได้เป็นนายกฯ แต่อย่าไปเอานิยมนิยามอะไรมากนักกับคำพูดของประวิตร เพราะขนาดเขามากับตู่ตั้งแต่ต้น ป้อมยังบอกว่าเขาไม่ได้ทำรัฐประหาร แต่คนทำคือตู่ แต่ทว่าป้อมก็มีอำนาจมาโดยตลอดในสมัยที่ตู่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พูดก็พูดเถอะ คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าทั้งพรรคของป้อมและพรรคที่ตู่สังกัดไม่น่าจะได้คะแนน สส. รวมกันเกิน 100 ที่นั่ง แหม! พูดแบบนี้มันดูถูกคนรักตู่มากเกินไป ระวังจะเกิด land slide กับตู่ก็แล้วกัน แล้วจะรู้ว่าตู่มีปาฏิหาริย์ ได้ยินคนจำนวนไม่น้อยบอกว่า ต้องเลือกตู่ให้เป็นนายกฯต่อไป เพื่อสกัดพวกจงใจล้มเจ้าไม่ให้เข้าสภา...
nn มีคนจำนวนไม่น้อยบอกว่า หากจะต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมเป็นรัฐบาลชุดใหม่ ก็ยินยอมเพราะดีกว่าปล่อยให้พรรคที่ตั้งใจล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และพรรคที่ต้องการฟอกขาวให้ทักษิณ เข้าไปมีอำนาจรัฐ เพราะเทียบกันแล้ว ประเทศไทยเสียหายเพราะรัฐบาลเดิมน้อยกว่า...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี