แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...nn
จนถึงนาทีนี้ จำนวนเงินที่วัดไร่ขิง ต้องสูญเสียไปจากการถูกอดีตเจ้าอาวาส “พระธรรมวชิรานุวัตร” หรือ “เจ้าคุณแย้ม” ยักยอกไปนั้นยังไม่ชัดเจนว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่กันแน่ จากยอดเบื้องต้นที่มีการคาดการณ์กันว่าประมาณ 300 ล้านบาท โดยเอาไปเล่นพนันออนไลน์ แต่ก็เริ่มทยอยสูงขึ้นเรื่อยๆ และมูลเหตุที่ทำให้ “เจ้าคุณแย้ม”ใจแตก ก็อาจจะไม่ได้มาจากการเล่นพนันเท่านั้น เพราะมีการเชื่อมโยงไปถึงเรื่องชู้สาวและการฟอกเงิน...nn
น่าตกใจเพราะมีรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีพบว่า มีเงินไหลผ่านจาก “แย้ม” เข้าสู่บัญชีของ “น.ส.อรัญญาวรรณ”หญิงสาวคนสนิท รวมกว่า 600 ล้านบาท และหากรวมบัญชีของคนใกล้ชิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการโอนเพิ่มอีก ยอดรวมพุ่งสูงถึง 847 ล้านบาท...nn
แน่นอนว่า คดีที่เกิดขึ้นนี้สะเทือนวงการสงฆ์อย่างรุนแรงเพราะจำเลยเป็นถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ระดับชั้นเจ้าคณะภาค ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนเกิดความเสื่อมศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาไม่มากก็น้อย และก็แน่นอนว่า คดีที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก และก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน..ถามว่า เราจะป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้ในวงการสงฆ์ได้อย่างไร โดยเฉพาะการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของวัด?...nn
“ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตอบว่า ได้สั่งการให้ พศ.ประสานตรวจสอบทรัพย์สินของวัดว่ามีมากน้อยแค่ไหน จำหน่ายจ่ายโอนไปชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ส่วนการสาวไปถึงบุคคลที่ให้อดีตพระธรรมวชิรานุวัตรยืมเงินนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจ...nn
จากนี้จะพูดคุยกับ พศ. เกี่ยวกับกฎกติกาต่างๆ ของวัดที่มีระเบียบ กฎกระทรวง เรื่องการใช้จ่าย บัญชีวัดที่มีอยู่แล้ว หลังจากนี้คงต้องจริงจังชัดเจนกันมากขึ้น รวมถึงต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มบ้าง โดยเร็วๆ นี้ จะเข้าไปพบมหาเถรสมาคม เพื่อพูดคุยขอคำแนะนำในประเด็นดังกล่าวด้วยว่ามีช่องว่างอะไร จะทำอย่างไรให้รัดกุมได้บ้าง...nn
“ตอนผมรับตำแหน่งได้ให้นโยบายไป 8 ข้อ 1 ในนั้นคือ มาตรการป้องกันไม่ให้มีการทำลายพระพุทธศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม คำนี้มาจากรัฐธรรมนูญ ซึ่งการทำลายพระพุทธศาสนาอาจเกิดจากคนนอกหรือคนในก็ได้ พศ.มีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ อย่าทำแค่เรื่องพิธีกรรมอย่างเดียวก็ขอให้สอดส่องเรื่องต่างๆ ที่เกิดภายในวัดให้เข้มงวดขึ้น”...nn
คดีชั้น 14 เริ่มงวดเข้ามาทุกขณะใจ หลังจากที่แพทยสภา ลงดาบ 3 หมอ ซึ่งมีส่วนในการ “อุ้มแม้ว”ไปแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องรอว่า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข จะมีความเห็นเช่นใด โดย “สมศักดิ์” มีเวลา 15 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือจากแพทยสภา...nn
สำหรับหมอทั้ง 3 รายนั้น รายแรก เป็นแพทย์หญิงจากรพ.ราชทัณฑ์ ถูกลงโทษ โดยการว่ากล่าวตักเตือน กรณีมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ ส่วนอีก 2 รายเป็นนายแพทย์จากรพ.ตำรวจ ถูกลงโทษโดยการพักใช้ใบอนุญาตเป็นระยะเวลา 3 เดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง และรายที่ 3 เป็นนายแพทย์รพ.ตำรวจ ถูกลงโทษโดยการพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 6 เดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง...nn
สำหรับกระบวนการต่อจากนี้ หลังจากได้รับหนังสือจากแพทยสภา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภาได้ตั้งคณะทำงานจำนวน 10 คน มาร่วมกันพิจารณามติของแพทยสภาเพื่อทำความเห็นส่งกลับไปยังคณะกรรมการแพทยสภา ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.เป็นต้นไป ว่าจะเห็นชอบตามมติดังกล่าวหรือไม่...nn
ทั้งนี้ หากเห็นชอบ บอร์ดแพทยสภาก็จะประกาศผลการลงโทษข้างต้น แต่หากมีการวีโต้ ก็ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของบอร์ดว่า การวีโต้นั้นมีเหตุผลควรสืบสวน สอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือถ้าเห็นว่าการวีโต้ไม่มีเหตุผลก็มีมติยืนยันตามมติเดิมได้ ขณะที่ผู้ถูกลงโทษ หากไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้….น่าตื่นเต้นกับการตัดสินใจของ “สมศักดิ์” ซึ่งวันนี้อาจจะนอนไม่หลับ กระอักกระอ่วนใจว่าจะตัดสินใจอย่างไรดีถึงจะทำให้ “นายใหญ่” ไม่แค้นเคือง...nn
ทุกวันนี้ กองเชียร์กองแช่ง “ทักษิณ” ต่างออกมาอวดภูมิ แสดงความเห็นกันอย่างสนุกปากว่า “ทักษิณ”จะกลับไปติดคุกหรือไม่? บางคนถึงขั้นไม่อายฟ้าไม่อายดินออกมาให้ความเห็นว่า ติดคุกไปเรียบร้อยแล้ว...nn
“คมสัน โพธิ์คง” อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นเอาไว้เป็นข้อๆ อย่างน่าสนใจและน่าคิดตาม...nn “เรามาทำความเข้าใจว่าทักษิณต้องกลับไปจำคุก ถ้าศาลชี้ว่าการไปอยู่ของทักษิณไม่ได้ปฏิบัติตาม ป.วิฯอาญา มาตรา 246 จะอ้างว่าได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วไม่ได้ 1.การอภัยโทษที่ผ่านมา เป็นเพียงหลักเกณฑ์นักโทษคนใดเข้าเกณฑ์จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่การอภัยโทษเป็นรายบุคคล และเป็นการตราตามวาระพิเศษต่างๆ ไม่สามารถใช้ได้ตลอดกาล...nn
2.คนได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ ต้องได้รับโทษมาแล้วและได้รับการเลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดีขึ้นไป แต่ทักษิณกำลังจะถูกชี้ว่า ได้รับการจำคุกตามหมายจำคุกของศาลหรือไม่ ถ้าศาลชี้ว่าการที่เรือนจำส่งไปชั้น 14 ขัดกับ ป.วิฯอาญา มาตรา 246 เท่ากับยังไม่ได้รับโทษจำคุก....3.ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ฯ กำหนดให้นักโทษใหม่เป็นนักโทษชั้นกลาง ซึ่งพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ กำหนดไว้ว่าจะไม่ได้รับการอภัยโทษ...nn
4.เมื่อยังไม่ได้รับโทษจำคุกจึงยังไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลย การเลื่อนชั้นนักโทษไม่มีเหตุเจ็บป่วยให้เลื่อนชั้น...nn
5.เมื่อไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลยต้องไปรับโทษก่อนเพื่อได้รับสถานะนักโทษชั้นกลางก่อน ซึ่งไม่อาจได้รับพระราชทานอภัยโทษได้...nn
6.การอภัยโทษที่ราชทัณฑ์ทำให้ทักษิณไปจึงเป็นการอภัยโทษที่ไม่เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ 7.ส่วนที่ทักษิณได้รับการพักโทษภายหลังจากได้รับการอภัยโทษให้ลดโทษก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นเดียวกัน จึงเป็นการพักโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย เมื่อเป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องกลับไปรับโทษเสียก่อนตามเงื่อนไข 1 ปี และไปรอการรับพระราชทานอภัยโทษครั้งใหม่ ซึ่งต้องมีพระราชกฤษฎีกาฯ ออกมาใหม่ตามวาระพิเศษต่างๆ….!!...nn
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี