แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ความอิจฉานี่ก็เป็นคล้ายๆ โรคติดต่อ ติดต่อไปถึงผู้ใหญ่ก็ได้ คราวนั้นก็ติดต่อ เมื่อติดต่อแล้วพราหมณ์ก็ทราบว่าสำเร็จกิจการ เพราะว่าเมื่อมีการประชุมของเจ้านครทั้งหลาย พวกที่ควรจะมาประชุม ก็ไม่มาประชุมบ้าง ถ้ามาประชุมก็มาทะเลาะเบาะแว้งกัน พระเจ้าอชาตศัตรูทราบเช่นนั้น ก็เข้ามาตีเมืองได้โดยง่ายดาย เรื่องนี้โบราณแล้ว แต่ขอบอกว่าเท่ากับเป็นเรื่องที่เป็นการแสดงถึงลูกไม้เก่า ซึ่งทุกวันนี้ก็ใช้เหมือนกัน เราอยู่ในสมัยที่ลำบากที่อันตราย ใครมาใช้ลูกไม้นี้ เราต้องทราบการยุยงที่มี เราป้องกันได้โดยง่าย ไม่ใช่สิ่งที่ยาก ข้าพเจ้าเคยพูดมาเมื่อสองสามปีมาแล้วถึงความเป็นคนว่า คนนี้ต่างกับสัตว์อย่างไร ได้บอกว่า คนเราได้เปรียบสัตว์ เพราะเรามีสมองเราคิดพิจารณาได้ สิ่งใด
ที่เราจะกระทำ ต้องคิดเสียก่อนอย่างนี้ไม่มีการยุยงที่จะแตะต้องเราได้...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 สิงหาคม 2504)
...nn พรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคอะไหล่ พรรคสำรอง หรือสาขาย่อยของพรรคเพื่อไทย นี่คือคำพูดของ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม เมื่อนฤมลบอกแบบนี้ คอการเมืองก็เลยตั้งคำถามว่า แล้วตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่นฤมลถือครองอยู่นั้นเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงหรือเป็นหัวหน้าพรรคตัวแทนกันแน่ เพราะเมื่อพูดถึงพรรคกล้าธรรมครั้งใดใบหน้าของธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ลอยเด่นขึ้นมาทันควัน
...nn ส่วนไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม บอกว่าพรรคมี สส. ในสังกัดรวม 35 คน เมื่อไผ่บอกแบบนี้ก็มีเสียงโต้จาก เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนว่าถ้ามั่นใจว่ามี สส. 35 คนอยู่ในพรรคกล้าธรรมจริง ก็ขอให้บอกชื่อเสียงเรียงนามออกมาให้ชัด แต่นฤมลอ้างว่าเรื่องแบบนี้ต้องให้เกียรติคนที่จะเข้าไปร่วมกับพรรคกล้าธรรม
...nn ฟังข้ออ้างนฤมลแล้วบอกได้ว่างง งง งง เพราะไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยกับเรื่องเกียรติ เพราะการที่ ไผ่ บอกว่าพรรคมี สส. 35 คน ก็ต้องบอกได้ว่าใครบ้าง หรือจะให้คนที่จะเข้าไปอยู่กับพรรคกล้าธรรมประกาศชื่อตัวเอง
...nn เรื่อง สส. ย้ายพรรค หรือ สส. งูเห่า เป็นเรื่องที่คอการเมืองไทยรู้ดีว่า อะไรคือมูลเหตุที่ทำให้ต้องย้ายพรรค หากไม่ใช่เรื่องค่าตอบแทน และตำแหน่งการเมือง แล้วจะมีอะไรมากไปกว่านั้น ส่วนข้ออ้างว่าอุดมการณ์การเมืองตรงกันต้องการทำประโยชน์ให้ประชาชน ก็เป็นข้ออ้างแบบเลื่อนลอย เพราะหากอุดมการณ์การเมืองตรงกันจริง ทำไมไม่ไปอยู่พรรคเดียวกันตั้งแต่แรก ครั้นจะอ้างว่าก็เพราะพรรคกล้าธรรมเพิ่งตั้ง ก็ฟังไม่ขึ้น สรุปแล้วก็คือย้ายพรรคในขณะยังเป็น สส. ก็เพราะมีสิ่งตอบแทนที่ดีกว่าอยู่พรรคเดิม ส่วนค่าตอบแทนจะมากมายมหาศาลเท่าไร ก็ขึ้นกับว่า สส. ที่ย้ายไปนั้นจะทำประโยชน์ทางการเมืองให้กับพรรคใหม่ได้มากแค่ไหน มันเป็นเรื่องเห็นชัดๆ ว่า สส. ที่ย้ายพรรคนั้นไม่เห็นจะมีหน้าไหนย้ายไปแล้วไม่ได้รับสิ่งตอบแทนแบบจุใจสักราย
...nn ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้รั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะพูดคำหวานเป็นพิเศษเมื่อถูกนักข่าวถามเรื่องพรรคกล้าธรรมดึงคนเก่าของพรรคเพื่อไทย คือ เก่ง-การุณ โหสกุล และ อนุดิษฐ์นาครทรรพ ไปอยู่ในพรรคกล้าธรรม แต่อันที่จริงทั้งการุณและอนุดิษฐ์ก็ไม่ใช่คนของเพื่อไทยที่แท้จริง เพราะได้ย้ายไปซบกับหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ แห่งพรรคไทยสร้างไทยแล้ว ส่วนข้ออ้างที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพี่เป็นน้องกันนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นคำโกหกของภูมิธรรม เพราะไม่มีวันที่พรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยหรือแม้กระทั่งกล้าธรรมจะนับพี่นับน้องกันได้ หากแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ลงตัว ลองดูก็ได้ หากเพื่อไทยกวาดเก้าอี้มหาดไทย กลาโหม คมนาคม อุตสาหกรรม และเกษตรฯ ไปครอบครองได้ทั้งหมด รับรองว่าภูมิใจไทย กล้าธรรมต้องเปิดศึกกับเพื่อไทยโดยทันที
...nn เรื่องที่พรรคกล้าธรรมแสดงอิทธิฤทธิ์ดึง สส. จากพรรคฝ่ายค้านไปได้ ก็หมายความว่ามันคือการช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้พรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำไปโดยปริยาย ส่วนเมื่อกล้าธรรมมี สส. ในกำมือมากขึ้น ก็หมายความว่าอำนาจต่อรองเรียกร้องเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะต้องมากขึ้นตามไปด้วย มันจะเป็นไปได้อย่างไร หากกล้าธรรมมี สส. เพิ่มขึ้น แล้วกล้าธรรมยังคงได้ครองเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ต่างไปจากเดิม เรื่องแบบนี้คือการลงทุนทางการเมืองที่ชัดเจนที่สุด หากหว่านทุนไปแล้ว แต่ไม่ได้ผลตอบแทนที่งดงามกลับคืนมา จะมีใครยอมลงทุนหรือ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มเติมโดยแท้ ขอย้ำว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนหรอกที่ลงทุนแล้วต้องการขึ้นสวรรค์เมื่อตายแล้ว เพราะนักการเมืองเขาไม่รอขึ้นสวรรค์หลังตาย แต่เขาต้องการได้ตำแหน่งรัฐมนตรีก่อนจะตาย
...nn ไทยพีบีเอส สถานีโทรทัศน์ที่มีเงินฟรีๆ จากภาษีบาปหลั่งไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงกระเพาะของคนในหน่วยงานนี้อย่างมหัศจรรย์เป็นจำนวนมหาศาลกว่า 2 พันล้านบาททุกปี แต่มีคำถามว่าตั้งแต่ตั้งไทยพีบีเอสมาจนถึงบัดนี้ ประเทศไทยได้ประโยชน์แท้จริงประการใดจากหน่วยงานนี้บ้างแต่ที่เห็นๆ คือผู้บริหารไทยพีบีเอสอิ่มหมีพีมันกันทั่วหน้า ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจที่พบว่าผู้คนกลุ่มหนึ่งยังคงเวียนว่ายเวียนวนอยู่ในไทยพีบีเอส แบบชนิดที่ว่าไม่ยอมไปผุดไปเกิด แม้จะพ้นตำแหน่งหนึ่งไปแล้ว ก็ยังกระเสือกกระสนทุรนทุรายตะกายกลับไปอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ ที่ให้ค่าตอบแทนงดงามให้จงได้ นั่นหมายความว่าไทยพีบีเอสต้องเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน
...nn มีข้อสังเกตจากสาธารณชนว่าไทยพีบีเอสมีเรื่องที่้เข้าข่ายทุจริตฉ้อฉลสารพัดสารพัน ซึ่งคนในองค์กรทราบดี แต่ไม่กล้าพูด เพราะพูดไปแล้วจะทำให้แหล่งอาหารของตนถูกทำลาย หรือไม่ก็ไม่ต้องการพูด เพราะมันกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอและหยิกเล็บเจ็บเนื้อ มีข้อน่าสังเกตคำพูดของสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ที่บอกว่า พวกเรา (หมายถึงคณะกรรมการสรรหาฯ) เชื่อว่า ปัญหาประเทศไทยกับปัญหาไทยพีบีเอสมีส่วนคล้ายกันมีความท้าทายสูงมาก เพราะฉะนั้น ต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ การจะเลือกคนที่เหมาะสมได้ ก็ต้องเป็นธรรม โปร่งใส มีความรับผิดชอบ
...nn วิเคราะห์คำพูดของสมเกียรติได้ว่า ประเทศไทยมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นสูงมาก ซึ่งหมายความว่าไทยพีบีเอสมีปัญหาเช่นเดียวกัน และประเทศไทยยังมีนายกรัฐมนตรีที่ไร้ความสามารถ ซึ่งทำให้เข้าใจว่าผู้บริหารไทยพีบีเอสก็ไร้ความสามารถเช่นกัน ส่วนเรื่องที่อ้างว่าต้องเป็นธรรม โปร่งใส และมีความรับผิดชอบนั้น ก็ต้องถามว่า การเลือกสรร สรรหาบุคคลเข้ารับตำแหน่งต่างๆ ในไทยพีบีเอสมีความเป็นธรรม โปร่งใส ตรงไหนบ้าง “สมเกียรติ”เข้าไปตรวจสอบบ้างไหมว่าหลายคนเข้าไปกินตำแหน่งสูงๆ ในไทยพีบีเอสได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และไม่น่าจะโปร่งใสด้วยประการทั้งปวง...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี