แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ ผ่านไปแล้วสำหรับ การแถลงนโยบายรัฐต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162แม้จะเป็นการอภิปรายที่ไม่ต้องมีการลงมติรับรองหรือไม่รับรอง แต่ก็ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะทำให้รัฐบาลจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินอย่างสมบูรณ์

...■■ แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ก็ต้องถือว่าสถานการณ์ของรัฐบาลอนุทิน อยู่ในสถานะที่ ได้เปรียบในหลายด้าน

...■■ หนึ่งนั้นความเป็นเอกภาพของฝ่ายค้าน ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาชน กับพรรคเพื่อไทย ยังมีปัญหา ไม่ใช่แค่ไม่กลมกลืนกันเท่านั้น แต่ยังอยู่ในสภาวะเผลอเมื่อไหร่ก็ซัดกันเมื่อนั้น ทั้งสส.ในสภา และกองเชียร์ในโลกโซเชียล

...■■ พรรคเพื่อไทยนั้น ด้วยความที่ตัวเองเพิ่งจะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศมา 2 ปีแต่ไม่มีผลงานอะไรจับต้องได้ ความว่างเปล่าของนโยบายต่างๆ ทั้งที่เคยหาเสียงตอนเลือกตั้ง และแถลงต่อรัฐสภา ก็ยังเป็นอดีตที่หลอกหลอนเพื่อไทยอยู่ตลอด

...■■ ไม่เพียงเท่านั้น แผลเหวอะหวะ ในช่วง 2 ปี ที่บริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ ล่าสุด ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ คลิปเสียงหลานอังเคิล กลายเป็นชนวนสำคัญในการสิ้นสภาพของรัฐบาล ดังนั้น เวลาจะอภิปรายอะไร ก็ต้องระวังจะวกกลับมาเข้าตัว การ์ดตกเมื่อไหร่ โดนสวนกลับเจ็บไปหลายดอก เลยทำให้อานุภาพของการอภิปรายลดลงไปเยอะ

...■■ ขณะที่ครม.อนุทิน นั้น ต้องถือว่าเปิดฉากได้สวยงาม แม้ว่า รัฐมนตรีหลายคนจะถูกตั้งคำถามเรื่องภาพพจน์ และคุณสมบัติ แต่ก็มีคนที่ภาพลักษณ์ดี แจ้งเกิด ในการแถลงนโยบายครั้งนี้เช่นกัน

...■■ หนึ่งในนั้นที่ใครฟังก็ต้องบอกว่า คนนี้ใช่เลย นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ลุกขึ้นตอบคำถาม และอธิบายแผนงานของกระทรวงพาณิชย์ ได้อย่างเป็นระบบชัดเจน งานนี้นอกจากคนจะชมรัฐมนตรีกันดังๆ แล้ว ความดีความชอบนี้ยังเผื่อไปถึง อนุทิน ชาญวีรกูล คนที่เชิญ “ศุภจี”มาทำงานนั่นแหละ

...■■ อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ที่วันนี้กลายเป็นขวัญใจประชาชนคนไทยไปเรียบร้อย จากการไปพูดในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ตอบโต้การบิดเบือนของกัมพูชา ได้อย่างเฉียบขาด เรียกเสียงปรบมือทั้งในห้องประชุม และคนไทยทุกวงการ และแน่นอนเสียงชื่นชมก็เผื่อแผ่ไปถึง คนที่เลือกนายสีหศักดิ์ มาทำร่วมครม.ด้วยเช่นกัน งานนี้“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รับไปเต็มๆ

...■■ เลือดยังไหลไม่หยุด สำหรับพรรคเพื่อไทยหลังจากที่ “นายใหญ่” ต้องเข้าไปอยู่ในคุกจริงๆตามคำสั่งศาล สส.เพื่อไทยหลายคนเริ่มขยับขยายมองหาที่อยู่ใหม่กันให้วุ่น ที่ไปแล้วแน่ๆก็คนเก่าคนแก่ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ชูวิทย์ (กุ่ย) พิทักษ์พรพัลลภ อดีตสส.อุบลราชานี 8 สมัย ลาออกไปซบ กล้าธรรม

...■■ และยิ่งเมื่อผลเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 พื้นท่ีเดิมของเพื่อไทย ถูก ภูมิใจไทย แย่งไปได้อีก ทำให้ สส.อีสานหลายคนตัดสินใจง่ายขึ้น

...■■ ไม่เฉพาะพื้นที่ภาคอีสานเท่านั้น สนามเมืองกรุง ก็กระเพื่อมเช่นกัน หลังจากที่นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยาสก.ลาดกระบัง อดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) พาทีมสก.พรรค พท. บางส่วนลาออกและไปสังกัดพรรคกล้าธรรม อีกแล้วครับท่าน 5555

...■■ ก็ต้องติดตามดูกันต่อ ว่า เมื่อ นายใหญ่ไม่อยู่ นายหญิง จะลงมาบัญชาการเอง จะสามารถหยุดการไหลออก ของพลพรรคสีแดงหรือไม่ แต่ดูๆ แล้ว ที่นักวิเคราะห์หลายค่ายประเมินว่าเลือกตั้งรอบหน้า เพื่อไทย อาจจะตกลงมาเหลือประมาณ 60-70 ที่นั่ง ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้

...■■ “ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา” และแล้ว นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ทำหนังสือถึง นายเนวิน ชิดชอบ และครอบครัวตระกูลชิดชอบ เพื่อขอโทษและแสดงความรับผิดชอบต่อการอภิปรายเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง ที่ได้อภิปรายในสภาฯ เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่เนื้อหาในการอภิปรายที่พาดพิงถึงครอบครัวตระกูลชิดชอบ เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์เป็นข้อมูลเท็จ ...เอวัง!...■■

นายพริบพรี