ใครจะคิดว่านักบัญชีผู้สั่งสมประสบการณ์กว่าครึ่งศตวรรษ จะกลับมานั่งในห้องเรียนในวัยใกล้ 70 ปี?
ขณะที่หลายคนเลือกใช้ชีวิตสงบๆ กับธรรมะหรือหลานตัวน้อย “พี่แมว-ปาริชาติ ศรียานงค์” กลับตัดสินใจสมัครเรียนต่อปริญญาโท ที่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) อีกครั้ง พร้อมกับหม้อหุงข้าวใบเล็กที่เธอมักจะหอบมาแบ่งปันเพื่อนร่วมชั้นทุกวันอาทิตย์
การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง ไม่ใช่เพื่อปริญญาบัตร ทว่าคือการพิสูจน์ว่าการเรียนรู้ไม่มีวันหยุดนิ่ง
"ถ้าเราหยุดเรียนรู้เมื่อไหร่ เราก็หยุดอยู่แค่นั้น" เธออธิบายพร้อมเสียงหัวเราะ เพราะไม่เพียงงานบัญชีที่ก้าวหน้าจากการนำความรู้ใหม่มาปรับใช้ ชีวิตของพี่แมวยังเต็มไปด้วยความสุขและสดใส พร้อมมิตรภาพที่สวยงามจากเส้นทางที่เลือกเดิน
ก้าวแรกไม่มีฝัน แต่มีคุณพ่อเป็นแรงผลัก
พี่แมว เล่าความหลังย้อนให้ฟังว่าในวัยเด็ก เธอไม่ใช่เด็กเรียนเก่งหรือมีฝันอะไรชัดเจนเลย เส้นทางนักบัญชีเธอเริ่มต้นขึ้นได้ก็ด้วยคำแนะนำของ ‘คุณพ่อ’ ผู้คร่ำหวอดในโลกชิปปิ้ง ซึ่งมองเห็นโอกาสและบอกกับเธออย่างมั่นว่า “เรียนบัญชีหางานง่าย” เธอจึงไปลงเรียนเสริมภาคค่ำที่โรงเรียนนักบัญชีพระนคร สถาบันชื่อดังสมัยก่อนย่านเสาชิงช้า ซึ่งมีอาจารย์ ดร.สงวน ผ่องไพบูลย์ สอนอยู่
“ตอนแรกก็ยังไม่ได้ชอบนะบัญชี แต่พอทำได้ แล้วทำได้ดี ก็เลยชอบ” พี่แมวกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ พร้อมเสริมว่า หลังเรียนจบเธอก็ได้งานจริงๆ ทันที เป็นนักบัญชีในสำนักงานทนายความ “เพราะพี่ๆ ที่รู้จักกันที่โรงเรียนเขาฝากงานให้”
“แล้วก็ทำที่นี่นานเป็น 10 ปีเลย” พี่แมวอธิบาย ก่อนที่จะย้ายไปทำงานในบริษัทเอกชนและเริ่มมีลูกค้าส่วนตัวเข้าหา เธอจึงปรึกษาเจ้านายตรงๆ เรื่องการรับงานนอก ซึ่งเจ้านายก็โอเคอนุญาตโดยให้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทำให้เธอทำงานส่วนตัวควบคู่ไปกับการทำงานบริษัทได้อย่างสบายใจ
แต่ถึงอย่างนั้นการทำงานสองอย่างพร้อมกันทำให้พี่แมวรู้สึกว่า "ดูไม่เต็มที่" จึงเริ่มเสนอตัวช่วยออกค่าน้ำ-ค่าไฟ ให้บริษัท และต่อมาก็แบ่งรายได้จากงานส่วนตัวให้เจ้านาย แต่สุดท้ายพี่แมวก็ต้องแยกย้ายอีกครั้งเพราะลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจออกมาเปิดสำนักงานบัญชีของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “PW การบัญชี” ซึ่ง P มาจากชื่อของเธอ “ปาริชาติ” และ W มาจากชื่อของเจ้านาย “วิภา” เพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึงและให้เกียรติผู้มีพระคุณที่สนับสนุนเธอมาโดยตลอด
ปัจจุบันแม้สำนักงานจะไม่ใหญ่โต และลูกค้ารายย่อยลดลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจ แต่พี่แมวก็ยังคงทำงานอย่างมั่นคง ด้วยความซื่อสัตย์และความมุ่งมั่นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอาชีพนี้
e-Filing พาซิ่งให้อยู่นิ่งไม่ได้
ราวปี 2540 นอกจากวิกฤตต้มยำกุ้งที่สะเทือนวงการธุรกิจ ประเทศไทยยังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของงานบัญชี จากสมุดบันทึกมือสู่การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ อย่าง e-Filing ของกรมสรรพากร และระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) พี่แมวรู้ดีว่าต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แต่ตอนนี้ยังก่อน
"ช่วงแรกไม่ได้ตกใจอะไรมาก เพราะมีลูกน้องช่วยไง” พี่แมวว่า “พี่ก็พึ่งผู้ช่วยใช้โปรแกรมต่างๆ แต่พอต้องรับผิดชอบคนเดียว แล้วไม่มีลูกน้องคอยช่วย จุดนั้นแหละที่ทำให้พี่ตัดสินใจว่า ‘ไม่ได้แล้ว เราต้องเรียนรู้’ ด้วยตัวเองแล้วล่ะ (หัวเราะ) ไม่งั้นเจ๊งแน่"
เธอเริ่มจากการถาม เพราะเชื่อมั่นในหลัก "ไม่อายถาม คือคนพร้อมพัฒนา" เมื่อมีปัญหา พี่แมวไม่เคยลังเลที่จะยกหูโทรหา ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมอาชีพไปจนถึงรุ่นน้องๆ ที่สอนถึงออฟฟิศ เธอยิ้มและเผยว่า “สุดท้ายมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด” เพราะทุกการเรียนรู้ล้วนนำพี่แมวไปสู่ความก้าวหน้า และทุกครั้งที่ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ สำเร็จ ก็ยิ่งสร้างความสนุกและความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง
ห้องเรียนที่อบอุ่นยิ่งกว่าบ้าน กับปาร์ตี้หม้อหุงข้าว
แม้จะตระหนักถึงการเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม แต่นานวันพายุดิจิทัลยิ่งรุนแรงและรวดเร็วขึ้นทุกที พี่แมวจึงตัดสินใจกลับมาเรียนหลักสูตร บัญชีมหาบัณฑิต (บช.ม.) จาก วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) แม้อายุใกล้จะ 70 ปี ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามความท้าทายครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานโน้ตบุ๊กและการประชุมออนไลน์ผ่าน Zoom ที่เธอไม่คุ้นเคยเลย เพราะโปรแกรมนี้ยังไม่มีใช้กันในสายงานสักเท่าไร
“อาจารย์ผึ้งเป็นคนชวน” พี่แมวเน้นเสียง และบอกเล่ารวดเดียวไม่มีลังเลเหมือนวันนั้นว่า “แต่พอรู้ว่าเพื่อนๆ TAFA สมาคมสำนักงานบัญชีไทย 19 คน ก็มาเรียนหมด พี่ก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวไง พี่ก็เลยตอบตกลง"
และการเรียนที่ DPU ก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง บรรยากาศเต็มไปด้วยกิจกรรมที่สร้างความสุขและอบอุ่น ทุกวันอาทิตย์ที่มหาวิทยาลัยกลายเป็น "วันรวมญาติ" ของกลุ่มเพื่อน "TAFA" พี่แมวเล่าว่า เธอมักจะนำหม้อหุงข้าวร้อนๆ และอาหารอร่อยๆ จากบ้านมาแบ่งปันเพื่อนร่วมชั้นเสมอ จนกลายเป็นประเพณีย่อมๆ ที่อาจารย์ก็ยังมาร่วมวงแบ่งปันกัน ซึ่งกระตุ้นให้ห้องเรียนอบอุ่นและยิ่งอยากมาเรียนกันทุกวัน
หัวใจที่สำคัญอีกอย่างคือ หลักสูตรและรูปแบบของ DPU ยังทันสมัยและตอบโจทย์การทำงานจริง ไม่ว่าจะมาตรฐานบัญชีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา, กฎหมายภาษีฉบับใหม่ๆ หรือนวัตกรรมเทคโนโลยีทางด้านการบัญชีที่ก้าวหน้า พี่แมวอธิบายว่า การได้เรียนผ่านเคสจริงนั้น “ง่ายกว่าอ่านเองมาก” โดยเฉพาะกฎหมายภาษีใหม่ๆ ที่บางครั้งอ่านเองก็ไม่เข้าใจ แต่พอได้ฟังวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากกรมสรรพากรและผู้สอบบัญชียกตัวอย่าง เธอก็เข้าใจบทเรียนได้อย่างง่ายดาย แม้บางวิชาจะยากและท้าทายอยู่บ้าง แต่พี่แมวก็ยังคงใช้หลักการเดิมที่พาเธอประสบความสำเร็จมาโดยตลอด นั่นก็คือ "ทำไม่ได้ก็ถาม"
พี่แมวยังแง้มผลการเรียนด้วยรอยยิ้มที่เบิกกว้าง เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4 กว่าๆ เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จและคุณภาพของการเรียนการสอนที่ DPU ได้เป็นอย่างดี
หัวใจนักเรียนไม่เคยแก่ มีแต่สดใหม่ขึ้นทุกวัน
ในเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ พี่แมวเตรียมพร้อมเข้ารับปริญญา และนับตั้งแต่สำเร็จการศึกษา เธอก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในใจอย่างชัดเจน “พี่รู้สึกสบายใจขึ้น มีความสุขมากขึ้น และกล้าที่จะพูดมากขึ้น” เธอจึงนำความรู้และประสบการณ์ของตนเองที่ได้ไปเป็นจิตอาสาในโครงการ "แคมป์นักบัญชีชุมชน" ของสภาวิชาชีพบัญชี ได้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับนักศึกษาบัญชีรุ่นใหม่พร้อมกับท่องเที่ยวไปในตัว ซึ่งนี่คือสิ่งที่พี่แมวภาคภูมิใจที่สุด
ไม่เพียงเท่านี้ สำนักงานบัญชีของพี่แมวยังขยับเติบโตอย่างมั่นคง การนำความรู้ใหม่ๆ จากรั้ว DPU มาปรับใช้เอื้อให้เธอทำงานได้ยืดหยุ่น คล่องตัวและมีอิสระมากขึ้น พี่แมวยังยืนยันถึง “การได้ร่วมงานกับคนคุณภาพ ทำให้งานของพี่ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น ด้วยมาตรฐานมืออาชีพ” และที่สำคัญที่สุดช่วยให้งานบัญชีของเธอ “ไม่โดนปรับ” เพราะส่งเลทบ้างส่งช้าบ้างแบบเดิมอีกด้วย
ข้อคิดของผู้ไม่หยุดนิ่ง
ในฐานะผู้นำในวิชาชีพบัญชีผู้เปี่ยมด้วยความเชี่ยวชาญ และผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน “พี่แมว” มอบข้อคิดที่เต็มไปด้วยพลังและเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนว่า “อายุไม่ใช่อุปสรรค แต่อยู่ที่ความตั้งใจ ถ้าเราตั้งใจเราก็จะเดินไปถึงจุดหมายที่เราตั้งใจได้”
นอกจากนี้เธอยังบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเรียนรู้ควรทำด้วยความสนุก” ไม่ใช่ความเครียด และด้วยเหตุผลนี้พี่แมวจึงยังใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง ตื่นตี 4 เพื่อออกกำลังกายวันละ 3 กิโลเมตร เพราะ “สุขภาพร่างกายสำคัญที่สุด” และเมื่อร่างกายแข็งแรง ความคิดก็จะมีพลัง
และกับวงการบัญชีที่เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจ เธอย้ำเสมอว่า “ซื่อสัตย์ในอาชีพ และห้ามหยุดเรียนรู้” คือคำเตือนสำคัญที่ทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจ “อะไรที่ไม่รู้จริง อย่าตอบคำถามผู้ประกอบการ” เพราะในโลกบัญชีที่แคบ ชื่อเสียงคือสิ่งที่เสียครั้งเดียวอาจไม่มีครั้งต่อไป
แนวคิดเหล่านี้สอดคล้องกับสิ่งที่ ดร.อรัญญา นาคหล่อ หรือ “อาจารย์ผึ้ง” ผู้เป็นแรงผลักดันในการเรียนรู้ของพี่แมว เคยกล่าวไว้ว่า “ความพยายามสำคัญกว่าความเก่ง ตราบใดที่เราไม่หยุดเดิน ก็ย่อมไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน” พร้อมเน้นย้ำว่าพื้นฐานความรู้ด้านบัญชี ก็เปรียบเหมือนเสาเข็มของบ้านที่มั่นคง
จากคุณสมบัติอันโดดเด่นนี้เอง แม้วันนี้พี่แมวจะเดินมาไกล แต่เธอก็ไม่เคยหลงลืมจุดเริ่มต้น ไม่เคยยกย่องตัวเองจนเกินจำเป็น และยังคงยึดมั่นในหลักคิดที่ว่า “อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรแน่นอน”
บทพิสูจน์ที่ชัดเจนของความเข้าใจนี้ ปรากฏขึ้นในวัย 50 กว่า เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็ง “พี่ก็รับมันด้วยความเข้าใจว่า เพราะความทุกข์มันมีวันหมดอายุ” เธอว่าพลางยิ้มเบาๆ ที่ไม่เคยจาง “คุณหมอยังชมเลยว่าพี่ยังยิ้มๆ อยู่เลย”
“คือทุกๆ อย่างมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป และหากปัญหาใดที่ยังแก้ไม่ได้...ก็แค่รอ” พี่แมวกล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี