คณบดีวิทยาลัยเฮลท์แอนด์เวลเนส  DPU  ร่วมเปิด “เทศกาลนวดไทย 2568”

คณบดีวิทยาลัยเฮลท์แอนด์เวลเนส DPU ร่วมเปิด “เทศกาลนวดไทย 2568”

วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.10 น.

คณบดีวิทยาลัยเฮลท์แอนด์เวลเนส  DPU  ร่วมเปิด “เทศกาลนวดไทย 2568” ตอกย้ำบทบาทการขับเคลื่อนศาสตร์สุขภาพไทยสู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดย รศ.ดร.ภก. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์แอนด์เวลเนส (CHW) ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน “เทศกาลนวดไทย 2568” ณ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และได้รับความสนใจจากหมอนวด ผู้ประกอบการร้านนวด สปา และเวลเนส และภาคีเครือข่ายด้านนวดไทยจากทั่วประเทศ


เทศกาลนวดไทย 2568 จัดขึ้นในวันที่ 12 เดือน 12 ซึ่งเป็นวันสำคัญเชิงสัญลักษณ์ของวงการนวดไทย เพื่อเฉลิมฉลองและตอกย้ำคุณค่าของ “นวดไทย” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 โดยในปีนี้ถือเป็นปีที่ 6 นับตั้งแต่การขึ้นทะเบียน สะท้อนถึงคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และศักดิ์ศรีของวิชาชีพหมอนวดไทยในระดับนานาชาติ

งานดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก วิทยาลัยการนวดไทยแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข และสหภาพหมอนวดไทยแห่งชาติ ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านการนวดไทยทั่วประเทศ พร้อมด้วย เพจนวดไหนดี  เพจรีวิวร้านนวดและสปา อันดับ 1 ของไทย ที่เข้าร่วมงาน โดยมี “สมุนไพรวังพรม” ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักของการจัดงาน สนับสนุนการสืบสานภูมิปัญญาสมุนไพรไทย และยืนเคียงข้างวิชาชีพหมอนวดไทยอย่างต่อเนื่อง

การเข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ของ รศ.ดร. ภก. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่นำโดย ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี ในการสนับสนุนและผลักดันองค์ความรู้ด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย และเวลเนสอย่างเป็นระบบ ทั้งในมิติการศึกษา การวิจัย และการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับศาสตร์สุขภาพไทยให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพของประเทศในอนาคตโดยเฉพาะด้านการนวดไทย

“การจัดงานเทศกาลนวดไทยในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเฉลิมฉลอง แต่คือการรำลึกและตระหนักถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมของภูมิปัญญาไทย นวดไทยไม่ใช่แค่ทักษะการบริการ แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งได้รับการยอมรับแล้วในระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการรักษาความเป็นของแท้ และพัฒนามาตรฐานการนวดไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อให้โลกยอมรับทั้งในเชิงวัฒนธรรมและคุณภาพมาตรฐานของเทคนิคการนวดและการบริการ” รศ.ดร. ภก. สุรพจน์ เปิดใจ

คณบดีวิทยาลัยเฮลท์แอนด์เวลเนส กล่าวด้วยว่า แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ควรใช้โอกาสนี้ในการยกระดับบริการ เนื่องจากธุรกิจเวลเนสในตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 6.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การยกระดับรูปแบบบริการสุขภาพของไทยสู่ระดับพรีเมียมจึงเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ โดยมีตัวอย่างความสนใจจากประเทศญี่ปุ่นต่อคลินิกต้นแบบของ DPU ซึ่งมีแนวคิดนำไปประยุกต์ใช้กับแหล่งน้ำร้อนในเมืองชิซูโอกะ

“พรีเมียมเวลเนสของไทยได้รับการยอมรับแล้วในระดับสากล ญี่ปุ่นเองก็สนใจนำคลินิกต้นแบบไปใช้กับออนเซ็น เพราะมองเห็นมูลค่าเพิ่มจากการผสานบริการของไทย ดังนั้นสถาบันการศึกษาเราจำเป็นต้องขับเคลื่อนการพัฒนาทางด้านเทคนิคเพื่อสนับสนุนธุรกิจบริการสุขภาพทั้งหมด และขยายผลรูปแบบพรีเมียมเวลเนสของไทยไปสู่ตลาดโลก”

ในแนวทางการพัฒนา รศ.ดร. ภก. สุรพจน์ อธิบายว่า การเปลี่ยนผ่านสู่พรีเมียมเวลเนสจะช่วยยกระดับมาตรฐานบริการจาก “นวดนับชั่วโมง” ไปสู่ “นวดพรีเมียม” ที่เน้นคุณภาพและผลลัพธ์ชัดเจนในเวลาสั้น เป็นแนวทางที่ทำให้ผู้รับบริการพึงพอใจมากขึ้น พร้อมยอมรับค่าบริการที่สูงกว่า ขณะที่หมอนวดไทยสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าเดิมโดยไม่ต้องทำงานหนักหลายชั่วโมง

ในด้านการฟื้นฟูองค์ความรู้ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้ดำเนินการฟื้นฟูหลักของการนวดไทย คือ “การนวดไทยตามแนวเส้นประธานสิบ” พร้อมจัดทำมาตรฐานและผลิตตำราที่อ้างอิงกับหลักทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ กายวิภาคศาสตร์ และสรีรวิทยา เพื่อสร้างมาตรฐานความรู้และเทคนิคให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดย รศ.ดร.ภก. สุรพจน์ เน้นว่า สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟูองค์ความรู้แท้จริงของการนวดไทย และปรับให้เข้ากับโลกยุคใหม่ด้วยหลักฐานทางการแพทย์ที่มีการพิสูจน์อย่างชัดเจน หรือที่เรียกว่า เวชศาสตร์เชิงประจักษ์ ที่มีงานวิจัยรองรับ โดยที่ DPU ใช้หลักสูตรบัณฑิตศึกษาเพื่อการทำวิจัยนี้ และพิสูจน์ได้ชัดว่าการนวดไทยมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุณภาพ ก็จะได้รับการยอมรับในระดับสากล และยกระดับภูมิปัญญาไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานและสามารถสร้างมูลค่าการบริการได้เพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังเผชิญกับการขาดแคลนบุคลากรด้านการนวดและสปาที่มีความสามารถสูง โดยมีการประเมินว่าขาดแคลนหมอนวดกว่า 70,000 คน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้ออกแบบโครงการพัฒนาศักยภาพ หรือ รีสกิลสำหรับแพทย์แผนไทยขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาชีพให้ตอบโจทย์ตลาดบริการสุขภาพที่ต้องการมาตรฐานสูง โดยที่ผ่านมา “บุคลากรที่ผ่านการอบรม” มีความสามารถสูงขั้นอย่างชัดเจน และกำลังเป็นที่ต้องการของธุรกิจบริการสุขภาพในขณะนี้

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ โดยร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ในการออกแบบหลักสูตรเพื่อต่อยอดและเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานผู้ให้บริการในสปาที่ผ่านการอบรมหลักสูตรกลางการนวดไทยส่งเสริมสุขภาพ 150 ชั่วโมง ของกรม สบส. โดยเน้นการนวดส่งเสริมสุขภาพ 7 กลุ่มอาการที่มีความต้องการสูงในตลาดบริการสุขภาพ ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจการนวดไทย สปาและเวลเนสของประเทศไทย

รศ.ดร.ภก. สุรพจน์ กล่าวย้ำทิ้งท้ายว่า “การสร้างธุรกิจบริการสุขภาพให้ยั่งยืนต้องขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ในลักษณะ Knowledge-based economy ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้ต้องมาจากสถาบันการศึกษาและสถาบันวิชาการ เพื่อพัฒนาประเทศด้วยงานวิชาการเชิงลึกและงานวิจัยให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล และด้วยค่าการฝึกอบรมที่ไม่แพงเป็นอัตราปกติทั่วไป เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการพัฒนาตนเองได้จริง”

ปัจจุบันที่ DPU คลินิกแพทย์แผนไทย มีบริการตรวจรักษาผู้ป่วยนอก (OPD) ทุกวัน ในขณะที่มีศูนย์ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ณ อาคาร 14 ชั้น 1 โดยโครงการรีสกิลแพทย์แผนไทยที่ดำเนินการไปแล้ว 2 รุ่น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สอดคล้องกับความต้องการพัฒนาทักษะด้านบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของ DPU ที่เป็นกำลังสำคัญด้านการจัดการองค์ความรู้ขั้นสูงและการพัฒนาบุคลากรสุขภาพของประเทศ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสอบถามข้อมูลได้ที่เพจเฟซบุ๊ก วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส College of Health and Wellness CHW DPU หรือที่ www.dpu.ac.th/th/college-of-health-and-wellness

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top