ผ่านมาครึ่งฤดูกาลแล้วสำหรับการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพแบบไทยๆ ในฤดูที่ 22 นี้อาการน่าห่วงคือลีกสูงสุด 2 ลีก ได้แก่ โตโยต้าพรีเมียร์ ไทยลีก 1 ที่โตโยต้าสนับสนุนหลักกับลีกแชมเปี้ยนชิพไทยลีก 2 ที่มีโอสถสภาสนับสนุน เพราะเห็นแบบชัดแจ้งเลยว่าแฟนฟุตบอลที่เข้ามาชมมีปริมาณแฟนบอลที่ลดลงไทยลีกหนึ่งนั้นยอดรวมคนดูเลกแรก 17 นัดมีจำนวน 732,705 คน เฉลี่ยนัดละ 4,789 คนส่วนไทยลีก 2 มีคนดูในเลกแรก 169,641 คนเฉลี่ยนัดละ 1,619 คน ดูตัวเลขแล้วก็น่าห่วงเอามากๆ
คงต้องถามดังๆ ไปที่ พลตำรวจเอกสมยศพุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมลูกหนังไทยที่ขันอาสาเข้ามาทำงานว่าจะเอาอย่างไร!? มีหนทางแก้ไขสถานการณ์แต่ละสโมสรอาชีพเต็มตัวที่มีจำนวน 33 สโมสร กันอย่างไรดีไม่ให้แต่ละทีมซังกะตายทำงานกันแบบนี้ไปวันๆการเรียกแฟนบอลเข้าสนามจะทำกันอย่างไรบ้าง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯมีวิธีการช่วยสโมสรสมาชิกและมีไอเดียที่จะทำต่อไปอย่างไรด้วยเพราะตอนนี้นายทุนแต่ละสโมสรถอดใจกับปัญหาที่รายได้มันไม่ค่อยเพิ่ม แต่ว่ารายจ่ายมันกลับมากขึ้นเพราะค่าจ้างนักฟุตบอลกับสต๊าฟโค้ชมันมหาศาลจริงๆ ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นๆ นะจะบอกให้
สถิติมันฟ้องว่าปริมาณคนดูน้อยกว่าสมัย “วรวีร์ มะกูดี” เป็นนายกสมาคมทั้งๆ ที่“วรวีร์” ถูกโจมตีจากแฟนบอลไทยว่ากันหลายข้อหาจนต้องพ้นตำแหน่งนายกสมาคมไปในที่สุดจากประกาศิตของฟีฟ่าไม่ให้ “วรวีร์”เข้ามายุ่งกับฟุตบอลในบ้านเราอีกหลายปี ฤดูกาลนี้ผ่านมาครึ่งทาง คนดู 732,705 คน สโมสรที่มีคนดูมากที่สุด คือ ปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์ยูไนเต็ด มีจำนวนแฟนบอล 107,402 คนเฉลี่ยนัดละ 11,934 คน ลดลงไป 14.1% คู่ปรับสำคัญเมืองทองยูไนเต็ด มีคนดู 76,748 คนเฉลี่ยนัดละ 7,675 คน ในขณะที่นครราชสีมานั้นมีคนดูรวม 84,800 คน เฉลี่ยนัดละ 10,600 คน
ถ้าหากจะบอกว่าความสนับสนุนของแฟนบอลไทยที่มีต่อสโมสรนั้นมันน้อยกว่ากลุ่มแฟนฟุตบอลที่ชอบฟุตบอลลีกต่างชาติ โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี,บาร์เซโลน่า หรือว่าบาเยิร์นฯ แบบต่างกันอย่างลิบลับ แฟนบอลคนชั้นกลางหรือว่าคนรวยของไทยที่มีเงินหนาพร้อมทุ่มเงินนับล้านบาทบินไปดูบอลในต่างประเทศ ส่วนคนที่จะตามไปเชียร์บอลไทยในต่างจังหวัดกลับมีน้อยกว่าแตกต่างกันมากโข
พูดกันตรงๆ สโมสรฟุตบอลไทยที่ทำทีมมีกำไรปีนี้มีสโมสรเดียว คือ บุรีรัมย์ยูไนเต็ดนอกนั้นขาดทุนชัวร์ เพราะความสนับสนุนมีน้อย แฟนหลั่งไหลเข้ามาชมในสนามเฉลี่ยนัดละไม่ถึงหมื่นคน จะเอากำไรและรายได้มาเลี้ยงสโมสรไหวหรือ!? ทุนหนาแค่ไหนมันก็ต้องท้อนายกสมาคมลูกหนัง “บิ๊กอ๊อด” จะมีรายรับเพิ่มให้สโมสรทางไหนได้บ้าง เช่น ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ค่าโฆษณาต่างๆ จะช่วยเหลือแต่ละสโมสรได้อย่างไรบ้างในฤดูหน้าปีที่ 23 ต้องวางแผนช่วยเขาให้มากขึ้นจะนิ่งเฉยไม่ได้
แถมปีนี้สมาคมสั่งลดจำนวนทีมในลีกสูงสุดเหลือ 16 สโมสร ทำให้จำนวนรายรับของสโมสรในแมทช์เหย้าที่มีปีละ 17 ครั้งหดลงไปเหลือ 15 ครั้ง ในบ้านเท่านั้นรายได้หายไปหลายตังค์ถ้าทีมใหญ่มีแฟนเข้าดูนัดละ 20,000 คน 17 ครั้ง มี 340,000 คน ปีหน้าลดทีมเหลือ 16 สโมสร จะเหลือคนดู 300,000 คนหายไป 40,000 คน ค่าดูนัดละ 200 บาท เท่ากับรายได้หายไปปีละ 8 ล้านบาททีเดียว
สถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจของเลกแรกจากไทยลีก 1 มีดังนี้ ดาราซัลโวสูงสุดจาก 17 นัดได้แก่ ดิโอโก้ ลูอิส ซังตูร์ กองหน้าบราซิลของบุรีรัมย์ ที่ยิงได้ 16 ประตู รองลงมาเป็นเฮร์แบร์ตี้เฟร์นองเดซ ปีกของเมืองทองชาวบราซิล ที่ยิงได้ 14 ประตู มาอันดับ 3 เป็นนักเตะบราซิลอีกคน คือ โจนาธาน เฟร์ไรร่า รีส จากพีทีประจวบต่อพิฆาต ยิงได้รวม 13 ประตู เท่ากับเนลสันบอร์นดิล่า ซานเชส นักเตะชาวเอลซัลวาดอร์ของค้างคาวไฟสุโขทัย โดยนักเตะไทยที่ยิงประตูได้มากที่สุด คือ สุมัญญา ปุริสาย ของแบงค็อกยูไนเต็ดทีมอันดับ 2 ของตารางคะแนนยิงได้ 8 ประตู
คะแนนอันดับ 1-2 ลุ้นแชมป์ลีกในฤดูที่ 22 นี้ได้แก่ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด อดีตแชมป์ลีก 6 สมัยทำได้ 41 คะแนน จาก 17 นัด ตามด้วยแบงค็อกยูไนเต็ด ที่ได้ 39 คะแนน ตามมาที่ 3 และ 4 คือการท่าเรือเอฟซี มี 34 คะแนน และเมืองทอง อดีตแชมป์ 4 สมัย มี 30 คะแนน ส่วนสโมสรที่มีโอกาสหลุดร่วงลงไปไทยลีก 2 ในปีหน้า5 สโมสรนั้นที่ดูแล้วกู่ไม่กลับคืออันดับ 18แอร์ฟอร์ซ ทหารอากาศ มี 5 แต้ม ร่อแร่เต็มทีแม้จะเปลี่ยนโค้ชจาก สะสม พบประเสริฐ มาเป็น อังเดร อ๊อร์ด โค้ชชาวอังกฤษสถานการณ์ก็ยังย่ำแย่
ที่เหลือ 4 สโมสร ก็มีอันดับ 17 ได้แก่อุบลยูเอ็มทียูไนเต็ด ทีมภูธรฝั่งอีสานใต้เมืองดอกบัว การเงินไม่ดีทีมมี 10 แต้ม ได้โค้ชญี่ปุ่นคือ คัมเบะ ซูกาโอะ มากู้นาวาแต่โอกาสน้อยเช่นเดียวกับราชนาวีสโมสรมี 10 แต้มเท่ากันสลับเปลี่ยนโค้ชหลายหนคนแรก “โค้ชมะ” วิริยะเผ่าพันธุ์ มาเป็น “โค้ชบู” ชำนาญ แพรขุนทดจากนั้นมาเป็น “โค้ชอัลเฟรด” เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์แล้วก็มาเป็น “โค้ชมะ” ซ้ำอีกครั้งรวมเปลี่ยนไปมา 4 ครั้ง
อันดับ 15 คือ บางกอกกล๊าสเอฟซีมี 20 คะแนน และอันดับ 14 เป็นพัทยายูไนเต็ดมี 20 คะแนนเท่ากัน กระต่ายน้ำเงินนั้นเปลี่ยนโค้ช3 รอบ รอบแรก โจเซฟ เฟร์เรร์ โค้ชสเปนถูกออกไปให้มีคนรักษาการคือ “โค้ชอ่ำ” อำนาจ แก้วเขียว ผู้ช่วยแล้วต่อมาก็เรียก “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด กลับมาจากขอนแก่นเอฟซี
อันดับที่ 12 จนถึง 13 ได้แก่ มังกรไฟโปลิศเทโร มี 23 คะแนน กับนกใหญ่ชัยนาทฮอร์นบิล ที่มี 21 คะแนน เป็น 2 สโมสรที่ต้องดิ้นรนรักษาอันดับไม่ให้ตกไปไทยลีก 2 ดูแล้วคงต้องแข่งกันในระหว่าง 4 สโมสรนี่ละโปลิศเปลี่ยนโค้ชจากสก๊อค คูเปอร์ ชาวไอริชมาเป็น “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค แล้วได้“โค้ชตุ้ม” รังสิวุฒิ ชโลปถัมภ์ มาเป็นผู้จัดการทีมและที่ปรึกษา ส่วนนกใหญ่นั้น ดราโก้ มามิค ชาวโครเอเชียทำทีมได้แค่นัดเดียวก็จากไปได้โค้ชเยอรมันคนเดิมเดนนิส อามาโต้กลับมาคุมทีมอีกครั้งต้องสู้กันอีกยาว 17 นัดละ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี