“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ปฏิเสธที่จะปล่อยตัว เอแดน อาซาร์ แนวรุกคนสำคัญให้กับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จาก ลาลีกา สเปน ที่พร้อมทุ่มงบถึง 170 ล้านปอนด์ (ราว 7,600 ล้านบาท) เพื่อล่าตัวดาวเตะทีมชาติเบลเยียมไปร่วมทัพในซัมเมอร์นี้

โดย อาซาร์ ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ด้วยการพา เบลเยียม จบที่อันดับ 3 พร้อมกันนี้
ก็เปรยว่าต้องการที่จะย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ในอนาคต ซึ่งทัพ ราชันชุดขาว ก็ต้องการตัว อาซาร์ เช่นกัน 
โดยพร้อมทุ่มเงินเป็นสถิติโลกอันดับ 2 ถึง 170 ล้านปอนด์ หลังเพิ่งปล่อย คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ไปให้ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 105 ล้านปอนด์

แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า เชลซี นั้นไม่ต้องการเสียแข้งหมายเลข 1 ของสโมสรไป ไม่ว่าจะได้รับเงินเท่าไหร่ก็ตาม พร้อมกันนี้ก็เตรียมทุ่มค่าเหนื่อยเป็นสถิติสโมสรถึง 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อรั้ง อาซาร์ ที่มีสัญญาเหลือ 2 ปี ให้อยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่อไป

ขณะเดียวกัน เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ชี้ว่าโลกลูกหนังยุคสมัยนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และจำเป็นต้องทุ่มเงินเพื่อซื้อความสำเร็จ

โดยก่อนหน้านี้ คล็อปป์ เคยออกมาวิจารณ์คู่แข่งอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใช้เงินก้อนโตเป็นสถิติโลก 89 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อ บอล ป็อกบา จาก “ม้าลาย” ยูเวนตุส เข้ามาร่วมทีมเมื่อปี 2016 แต่ทว่าในช่วงซัมเมอร์นี้กุนซือชาวเยอรมัน กลับใช้เงินในการเสริมทัพอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นการซื้อ นาบี เกอิต้า (48 ล้านปอนด์), ฟาบินโญ่ (40 ล้านปอนด์), เซอร์ดาน ชากีรี่ (12 ล้านปอนด์) และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ (68 ล้านปอนด์) รวมเป็นเงินกว่า 170 ล้านปอนด์ ขณะที่เมื่อช่วงต้นปีก็เพิ่งคว้า เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรถึง 75 ล้านปอนด์

ล่าสุด คล็อปป์ ได้ออกมายอมรับว่าเวลานี้ทัศนคติของเขานั้นเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลกฟุตบอลในยุคปัจจุบันที่ต้องใช้เงินซื้อความสำเร็จ

“ทัศนคติของผมเปลี่ยนไป มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นดีกว่าไม่ได้แก้ปัญหาอะไร สิ่งที่ผมเคยพูดไปแน่นอนว่าไม่มีใครลืม ความรับผิดชอบของผมคือการพาสโมสรประสบความสำเร็จ เรามีทีมที่ดีและเลือกตัวเข้ามาเสริมในจุดที่เหมาะสมด้วยราคาที่แพงขึ้น” คล็อปป์ กล่าว