การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์นี้ กลับมาดวลแข้งกันอีกครั้ง หลังจากไปตะลุยเกมฟีฟ่าเดย์ โดยเกมคู่เอกอยู่ที่เวลา 00.30 น. ที่มหานครลอนดอน รองจ่าฝูง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม
“ฮ็อทสเปอร์ จะเปิดบ้านดวลกับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เต็ง 1 ที่ปัจจุบันรั้งอันดับ 10 ของตาราง
โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเจ้าบ้านหมดสิทธิ์ใช้งาน แมตต์ โดเฮอร์ดี้ แบ็กขวาที่ติดโควิด-19 ส่วน โจวานี่ โล เซลโซ่ เดินทางไกลไปรับใช้ทีมชาติอาร์เจนตินาต้องรอดูว่าจะมีอาการล้าหรือไม่ รวมถึง ต็องกีย์เอ็นดอมเบเล่ รอเช็คความฟิต โดยมิดฟิลด์ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ ตัดเกมแดนกลางร่วมกับ มุสซ่า ซิสโซโก้ แนวรุกใช้ แกเร็ธ เบล, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน เป็นสามประสาน
ทางฝั่งทีมเยือน เพิ่งต่อสัญญากับกุนซือ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ไปถึงปี 2023 เกมนี้ไม่มี แฟร์นานดินโญ่ และเซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่ ที่บาดเจ็บ ส่วนโอเล็กซานเดอร์ชินเชนโก้ ติดโควิด-19 จากการไปรับใช้ทีมชาติยูเครน ขณะที่ นาธาน อาเก้ และราฮีมสเตอร์ลิ่ง ก็เดี้ยงมาจากเกมทีมชาติ ทำให้แดนหน้าต้องปรับเอา ฟิล โฟเด้น ออกสตาร์ทตัวจริงเล่นร่วมกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และกาเบรี่ยล เฮซุส แดนกลางไม่มีปัญหาอะไร มี เควิน เดอ บรอยน์ เป็นตัวขับเคลื่อนเกม
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม สเปอร์ส (4-2-3-1): ฮูโก้ ญอริส, แซร์ก โอริเย่ร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์,เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ้ เรกีล่อน, มุสซ่า ซิสโซโก้, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์, แกเร็ธ เบล, โจวานี่ โล เซลโซ่, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอนโมราเอส, ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์ก, ชูเอา กานเซโล่, เควินเดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน, เฟร์รานตอร์เรส, กาเบรี่ยล เฮซุส และฟิล โฟเด้น
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด มีผล-แพ้ชนะทั้งหมดไม่เคยจบลงด้วยการเสมอกัน แมนฯซิตี้ ชนะได้ 3 ครั้ง และสเปอร์ส ชนะ 2 ครั้ง เจอกันล่าสุดเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สเปอร์ส ชนะ 2-0
ขณะที่ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตะคู่ดึกสุดในเวลา 03.00 น. เปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ “เดอะ แบ๊กก้ีส์” เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน
เจ้าถิ่น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่รั้งอันดับ 14 ของตารางมี 10 คะแนนจากการชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 3 เกมนี้ไม่มี เอริค ไบญี่ และลุค ชอว์ ส่วนมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ไม่ได้ไปเล่นเกมทีมชาติรอเช็คความฟิต ส่วน อเล็กซ์ เตลลิส ผ่านการตรวจโควิด-19 ทำให้จะได้ออกสตาร์ทตัวจริงทันที ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรคาดว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อาจจะปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 วาง เฟร็ด, ปอล ป๊อกบา และบรูโน่ แฟร์นันด์ส คุมแดนกลาง ส่วนแนวรุกเลือก เมสัน กรีนวู้ด ประสานงานกับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล และมาร์คัส แรชฟอร์ด
ทีมเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เล่นมา 8 เกมยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น รั้งอันดับ 18 ของตาราง เกมนี้ไม่มี คัลลั่ม โรบินสัน หัวหอกที่ติดโควิด-19 ส่วน ฮาล ร็อบสัน-คานู ยังรักษาอาการแขนหัก ตามรายงานคาดว่า สลาเวน บิลิช อาจจะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของทีม เน้นเกมรุกมากขึ้นด้วยการดัน มาเตอุส เปเรยร่าไปยืนหน้าคู่กับ คาร์ลาน แกรนท์ ส่วนแดนกลางยังใช้เจค ลิเวอร์มอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และฟิลิปโครวิโนวิช เหมือนเดิม
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ผลัดกันชนะทีมละ 2 ครั้ง และเสมอ 1 ครั้ง โดยการเจอกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2017-18 เวสต์บรอมวิช บุกมาทุบคาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1-0
ส่วนอีกสองคู่ในวันเดียวกัน “สาลิกาดง”นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เล่นในเซนต์ เจมส์ พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ “สิงห์บลูส์” เชลซี ในเวลา 19.30 น.โดยเจ้าถิ่นยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงานไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน ดูบราฟก้า, จอนโจ้ เชลวีย์, ดไวท์ เกลย์ และแมตช์ ริตชี่ ปัญหาสำคัญคือต้องรอเช็คความฟิตของดาวยิงตัวเก่งอย่าง คัลลั่ม วิลสัน แต่เชื่อว่า สตีฟ บรูซ คงต้องเข็นลงเพราะโชเอลินตอน นั้นห่วยเกินบรรยาย ที่เหลือลงได้หมด นำโดยแกนหลักอย่าง ฟาเบียน แชร์,จามาล ลาสเซลส์, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, เจฟฟ์ เฮนดริกซ์ และอแล็ง แซงต์-มักซิแม็ง
ทีมเยือน “สิงห์บลูส์” ผลงานดีชนะ 4 เกมรวดในทุกรายการก่อนจะพักเบรกไป เกมนี้ไม่มี คริสเตียน พูลิซิซ ที่บาดเจ็บ ส่วน ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ติดโควิด-19 ต้องลุ้นกว่าผ่านการกักตัวหรือยัง ขณะที่ เบน ชิลเวลล์ เจ็บเล็กน้อยจากเกมทีมชาติน่าจะกลับมาลงเล่นได้ทันที นอกนั้นยังเหมือนเดิม ยึดระบบการเล่น 4-3-3 ใช้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คุมแดนกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ และเมสัน เม้าท์ โดยมี ฮาคิม ซีเย็ค, แทมมี่ อบราฮัม และติโม แวร์เนอร์ เป็นสามประสานในเกมรุก
อีกคู่ระหว่าง “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ที่ผลงานดีรั้งอันดับ 6 เจอกับ “นกนางนวล” ไบรท์ตัน เกมนี้เจ้าถิ่นยังไม่มีบิยอร์น เอนเกลส์, เฟรเดริค กิลเบิร์ต ที่บาดเจ็บ ซึ่งไม่ได้ส่งผลอะไรเพราะใช้ชุดเดิมอยู่แล้วมาในระบบ 4-2-3-1 ดั๊กลาส ลุยซ์คุมแดนกลางร่วมกับ จอห์น แม็คกินน์ แนวรุกใช้ มาห์มุ้ดเทรเซเกต์ ประสานงานกับ รอสส์ บาร์คลีย์ และแจ็ค กรีลิช โดยมี โอลลี่ วัตกิ้นส์ ยืนหน้าเป้า
ทีมเยือนจากแดนใต้ ไม่มี อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ แนวรุกอาร์เจนไตน์ที่บาดเจ็บ ส่วน เลอันโดร ทรอสซาร์ และโซลลี่ มาร์ช ที่ก่อนหน้านี้บาดเจ็บจะกลับคืนตัวจริง นอกนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไรแถมได้ ลูอิส ดังค์ พ้นโทษแบนกลับมาพร้อมเป็นตัวเลือกในแนวรุกที่เหลือนำโดย เบน ไวท์, อิฟ บิสซูม่า, ทาริค แลมพ์ตีย์, อดัมลัลลาน่า และนีล มัลเปย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี