Don’t Cry For Me ARGENTINA ‘เทพเจ้าลูกหนัง’มาราโดน่า ‘พระเอก-ผู้ร้าย’ที่ทำให้แฟนบอลร้องไห้เป็น

....หาก “Wembley (Ghost) Goal” ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเมื่อปี 1966 ที่เปรียบเสมือนดั่งมนต์ดำผีสิงที่ช่วยให้อังกฤษขยี้เยอรมันตะวันตกจนได้แชมป์มาครองได้สำเร็จ

“หัตถ์ของพระเจ้า” หรือ “Hand of God” ของดีเอโก้ มาราโดน่า เมื่อปี 1986 ก็คงเปรียบเสมือนการลงโทษจากพระเจ้าเพราะนี่คือประตูที่ทำให้อาร์เจนตินาเขี่ยอังกฤษตกรอบในปีนั้นนั่นเอง ปลุกความเร่าร้อนของกระแสการเมือง “สงครามฟอล์คแลนด์”ให้แรงอีกในยุคนั้น

มาราโดน่า มีเกินกว่าคำว่า “นักฟุตบอลที่ดีควรมี” และก็มีเกินกว่าคำว่า “ผู้ชายทุกคนควรมี”

ตลอดอายุขัย 60 ปี ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน มาราโดน่าถูกจับตามองเป็นพิเศษกว่าใคร และที่สำคัญก็คือ น่าแปลกตรงที่ทำไมเมื่อก่อนหลายคนอาจจะไม่ชอบ

แต่ที่เคยไม่ชอบก็พลิกกลับมาชอบได้อย่างมีนัยที่น่าสนใจ

นี่คือที่มาของต้นตำรับที่ว่า “ฟุตบอลชายเดี่ยว”

กับคำกล่าวที่ว่า “เปเล่” กับ “มาราโดน่า” ใครเก่งกว่านั้น เอาจริงแล้วไม่จำเป็นต้องนำมาเปรียบเทียบ แต่มันเลี่ยงหลีกไม่ได้ในแต่ละสมัย เพราะมีคนบอกว่า ปู่กับตาจะบอกว่า เปเล่ เก่งกว่า และพ่อจะบอกว่า มาราโดน่า เก่งกว่า

“พ่อว่า มาราโดน่า เก่งกว่า เปเล่” ผมยกหูถามพ่ออีกครั้งในตอนเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อย้ำว่า มันเป็นแบบนั้นจริงๆใช่หรือไม่

ก่อนที่ ตาผมจะลาจากไปแบบไม่หวนคืนตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว เมื่อก่อนเวลาแขกไปใครมาที่บ้านของผม เมื่อพูดถึงฟุตบอล ตาของผมจะบอกกับเขาเหล่านั้นว่า ไม่มีใครเก่งกว่า มาราโดน่า

“มาราโดน่า มันเก่ง มันเอามือปัดบอลเข้าประตูได้ กรรมการก็มองไม่เห็นด้วย แล้วเลี้ยงบอลทีนึงนะ หลบคนโน้นคนนี้ เลือกล้มได้ด้วย แต่เขาเลือกวิ่ง!!!!”

เขาเป็นฟุตบอลมีบุคลิก มีเอกลักษณ์ และ อัตลักษณ์มีคุณลักษณะที่แปลกแตกต่างอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นทุกสิ่งอย่างกับนักบอลเรือนร่างเล็กกว่าสันทัด 165 เซนติเมตร จากลานุสปาติโด.............

ซ้ายไว้ยืน ขวาไว้ยิง หรือจะว่าด้วย มีซ้ายของ มาราโดน่า ไม่ต้องมีขวาของใคร

อย่าไปเปรียบเทียบกันให้เสียเวลาว่า มาราโดน่า คือนักเตะที่ยอดเยี่ยมยุคไหน สมัยไหนกันแน่ ทั้งยุค 80 หรือว่ายุค 90

โลกเปรียบเทียบตัวเขามาทั้งชีวิตกับ เปเล่ และดูเหมือนทั้งสองคนนี้ก็มี “โลกคู่ขนาน” กันมาตลอด นั่นคือสายดำ กับสายขาว

มาราโดน่า กับ เปเล่ คือสองคนที่ถูกยกให้ขึ้นไปอยู่ในระดับที่“ไม่ต้องเอาใครมาเปรียบ”

เพราะเปรียบกันเองก็เหนื่อยแล้ว

น่าแปลกก็คือ เปเล่ ก่อนจะได้ชื่อนี้ จริงเขาชื่อว่า “Dico” ซึ่งชื่อคล้ายกับมาราโดน่า ด้วยความบังเอิญแบบพอดีว่า “Diego”

คนที่มีขาซ้าย และมือซ้ายที่มหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่เคยได้ดูฟุตบอลมา.............

ความมหัศจรรย์ต่างยกย่องกันจนครบหมด หากแต่ว่าน่าสนใจตรงที่บันทึกหนล่าสุดมันยาวนานกว่า 26 ปี แต่ยังจดจำแพชชั่นครั้งนั้นกันได้

บันทึกเอาไว้ว่าเขายิงประตูสุดท้ายในฟุตบอลโลก คือเกมรอบแรกนัดแรก ปี 1994 กับทีมชาติกรีซ ซึ่งเป็นการยิงที่สุดมันส์ สุดสะเด่า สุดสวยขนานแท้ และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ร่วมล้วนๆ

การต่อบอลเข้าไปทำประตูอย่างรวดเร็ว กระฉับกระเฉง และมีสไตล์ บอลพุ่งเข้าไปเสียบตาข่าย แต่หลังจากนั้นแฟนบอลยังต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน

เมื่อเขาระเบิดอารมณ์มาดีใจกับกล้องแบบสะใจสุดๆ สาเหตุก็คือ ก่อนทัวร์นาเมนท์จะเริ่มมีแต่คนบอกว่า มาราโดน่า ไม่มีทางได้เล่นบอลโลกหนนี้แน่ๆ เพราะสภาพไม่ได้

สุดท้ายเขาวิ่งฟิตยังกะม้าเทศ พาทีมชนะ 2 นัดรวด ทั้งการเจอกับ กรีซ และไนจีเรีย แต่แล้วเขาก็ได้เล่นแค่สองนัด

เพราะถูกจับได้ว่า “โด๊ป”

มาราโดน่า ถูกส่งตัวกลับบ้าน และอาร์เจนตินา พอไม่มีมาราโดน่า ก็เหมือนกับไก่ป่วย ตกรอบ 2 แบบไม่ได้ลุ้น และไม่เคยไปสู่จุดสูงสุดแบบนั้นอีกเลย

“เทพเจ้าลูกหนังแห่งอาร์เจนตินา” ที่ยังไม่มีใครก้าวผ่านความยิ่งใหญ่ของเขาไปได้ ยังมีเลือดข้นคนไม่จาง เมื่อเข้ามาเชียร์ทีมชาติอาร์เจนตินาทุกนัด ในบอลโลก 2018 แม้จะบอกว่า ฟีฟ่า จ้างมาก็ตามที

แต่ถ้าจ้างมาจริง แกก็เล่นได้เกินราคา เพราะมาหมดทั้ง“แอ๊กชั่น” มาหมดทั้ง “แพชชั่น” ในการเชียร์อาร์เจนตินา หนีการตกรอบแรกกับ ไนจีเรีย

มาราโดน่า จัดเต็มตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม ทั้งการตะโกนปลุกใจ การแสดงท่าทางปลุกเร้ามีครบทุกอย่าง

เป็นอีกหนึ่งความบันเทิงข้างสนาม ความบันเทิงริมจอให้กับผู้ชมทั่วโลกที่เรียกรอยยิ้มได้

ไม่ได้ต่างอะไรกับเวลาที่ เซเนกัล ลงแข่งขัน กล้องจะจับภาพไปที่ อาลิยู ซิสเซ่ กุนซือที่ลีลาการคุมทัพแตกต่างอย่างมีสไตล์

มาราโดน่า มอบทุกสิ่งอย่างให้กับคนที่รักฟุตบอลตั้งแต่เป็นนักเตะ ชีวิตของเขาโหด เลว ดี มีทั้งเปรี้ยวหวานมันเค็ม คือ “เทวดากับซาตานในร่างเดียว” ของแท้

เช่นเดียวกับแมทช์นี้กล้องจับภาพไปเรียกรอยยิ้มได้เมื่อเห็น มาราโดน่า ดีใจจนบอดี้การ์ด ต้องล็อกเอาไว้กันหล่นจากอัฒจันทร์ หรือแกหลับระหว่างชมเกม

จากนั้นอาจจะไม่พอใจในพฤติกรรมที่เขาชูนิ้วกลางฉลองความดีใจหลังจากที่ มาร์กอส โรโฮ ซัดประตูชัยในช่วงท้ายเกม

เรียกว่าครบเครื่องเรื่องบันเทิงในสไตล์ของ มาราโดน่า

กระทั่งจบเกม มีคลิปภาพตีแผ่ออกไปทั่วโลกว่า มาราโดน่าเดินขาปัดและต้องให้การ์ดประคองออกมาจากสนาม และต้องเข้ารับการรักษาด่วนจากหน่วยแพทย์รัสเซีย จากนั้นต้องนำตัวไปส่งโรงพยาบาล

ปรากฏว่า การลุ้นเกมสำคัญนี้ทำเอา มาราโดน่า ความดันขึ้น

ปกติตัวเขาหลังๆ สุขภาพก็ไม่ค่อยดี หลังจากใช้ร่างกายตอนสมัยหนุ่มๆ ไปเยอะ เป็นสุภาพบุรุษในสไตล์ทั้ง “ดูด” ทั้ง “ดื่ม”แม้ตอนนี้จะอยู่ใกล้มือหมอ แต่ฟุตบอลเวลาอะดรีนาลีนมันพลุ่งพล่านนี่เอาไม่อยู่ด้วยกันทุกคน

มอง มาราโดน่า แล้ว ได้ครบทุกรส ครบเครื่องต้มยำ สร้างความสนุกสนาน เป็นผู้นำความบันเทิงมาให้กับตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะจนถึงปัจจุบัน

ตรงนั้นเชื่อว่าเป็น “แอ๊กชั่นสุดท้าย”สำหรับชาวโลกที่ได้เห็นเขาอย่างจริงๆ จังๆ

หลังจบบอลโลก 2018 มาราโดน่า ตัดสินรับงานกุนซืออีกทีหลังจากยกเลิกสัญญากับ อัล ฟูไจราห์ สโมสรในลีกระดับ 2 ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2018 ก่อนจะไปเซ็นสัญญา 3 ปี ไปดำรงตำแหน่งประธานสโมสรดินาโม เบรสต์ ทีมในประเทศเบลารุส ด้วยสัญญาที่มีระยะเวลา 3 ปี เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2018 แล้วเปิดตัวด้วยการนั่งรถทหารเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก ทำให้แฟนบอลยังสับสนและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก

การรับงานเป็นกุนซือครั้งนั้นถือเป็นครั้งที่ 6 ของตัวเขาหลังจากเริ่มจับงานคุมทีมปี 1994 กับ มันดิยู เดอ โคเรียนเตส 1 ปีต่อด้วยปี 1995 คุมทัพ ราซิ่ง คลับ อีก 1 ปี แล้วก็ว่างเว้นการทำงานกระทั่งมาคุมทัพทีมชาติอาร์เจนตินา เมื่อปี 2008 และพาทีมไปบอลโลก ปี 2010 ก่อนจะตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย จากนั้นก็มาหากินอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คุมทัพ อัล วาเซิ่ล ได้ 1 ซีซั่น ก็พักยาวก็มาทำงานให้กับ อัล ฟูไจราห์ ก่อนจะมาคุมโดราโดส ในที่สุด

ก่อนหน้ามาทำงาน ทีมไม่ชนะใคร แต่พอพี่เตี้ยแกมาคุมทีมนัดแรก....ชนะทันที!!!!!

นาทีปัจจุบัน เขารับงานคุมทัพ กิมนาเซีย ในบ้านเกิด ก่อนจะจากแฟนบอลไปตลอดกาล

เราดู มาราโดน่า คงได้ย้อนกลับมาดูตัวเราเอง เรามีความพร้อมขนาดไหนกับการดูฟุตบอลและนอนดึก

เมื่อฟุตบอลเล่นกันสนุก ฟุตบอลกลับมาเป็นตัวของตัวเองฟุตบอลมีบุคลิกที่คุณจะพลาดมันไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นร่างกายของคุณต้องพร้อม เพื่อจะได้ดูฟุตบอลอย่างเป็นสุขไปอีกนาน..............

ดิวิชั่น 1 อังกฤษ ทำให้ผมรู้จัก “ฟุตบอล”

ดีเอโก้ มาราโดน่า ทำให้ผมรู้จัก “โลกฟุตบอล”

ลาก่อน “มาราโดน่า”…ส่งหัตถ์พระเจ้า คืนสู่อ้อมกอดพระเจ้า

ลาก่อน “ราชันลูกหนัง” ที่ทุกราชันพร้อมถอดมงกุฎให้……….25 พฤศจิกายน 2020 มาราโดน่า อาจจะจากไป

แต่ยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่า เขาจะไม่ตายไปจากความทรงจำ.........

บี แหลมสิงห์