......พรีเมียร์ลีก เกมแรกประจำสัปดาห์ ถือเป็นเกมที่หลายคนโฟกัสว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะไปอีท่าไหนต่อ
หนนี้ไม่ต้องลุ้นว่า จะมีนักเตะคนไหน “ชื่อหาย” ก่อนเกม เพราะหายอีกแน่นอนแล้วก็คือ ฟาบินโญ่ ที่เจ็บกล้ามเนื้อไปอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งกลับมาเล่นได้แค่เกมเดียวจาก 4 นัดหลังสุด!!!!!
การบุกมาเยือนที่อีสต์ มิดแลนด์ ดวลกับ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ แม้สถิติช่วงหลัง “หงส์แดง” จะขี่ละข่ม แต่ในตอนนี้ดูเหมือนกับว่า ไม่มีอะไรจะข่มเจ้าถิ่นได้เลย
อย่างไรก็ตาม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็เจอกับปัญหาบาดเจ็บบานตะไท ไม่แพ้ เยอร์เก้น คล็อปป์ เช่นกัน...........
ว่ากันถึงเจ้าบ้านกันก่อน
พวกเขาขึ้นมาเป็นทีมอันดับ 3 ของตารางล่าสุดเพิ่งเอาชนะ ไบรท์ตัน มาได้ 1-0 ในศึกเอฟเอ คัพ ส่วนเกมในลีกเสมอกับวูลฟ์ส มา 0-0
ปัญหา ก็คือ แนวรับ
เวสลี่ โฟฟาน่า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่แคล่วคล่องเหมือนฟูลแบ๊ก ที่เล่นได้ดีมากต้องมาบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ทิโมธี่ย์ กาสตาเย่ ที่สามารถเล่นแบ๊กได้ทั้งสองฝั่ง ก็เจ็บลงไม่ได้
สาหัสที่สุดก็คือ เจมส์ จัสติน ที่เล่นฟูลแบ๊กทั้งสองฝั่งเหมือนกัน กาสตาเย่ ก็บาดเจ็บหนักที่เอ็นไขว้หน้าต้องมาพักทั้งซีซั่น ทำให้ปัญหาเกิดแน่นอน
ต้องมาดูที่แพลนเกมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่เขาปรุงเอาไว้ สามารถปรับได้ยืดหยุ่นลงตัวทั้ง 4-1-4-1, 4-2-3-1 และ 3-4-2-1
ในเกม เอฟเอ คัพ พวกเขาเลือกใช้แผนการเล่นหลังสุด ยืนเซ็นเตอร์ 3 คน ยึดตัวหลักเอาไว้คือ ยูริ ทีเลมานส์ พร้อมได้ วินฟรีด เอ็นดีดี้ กลับมาฟิต และปล่อย เจมี่ วาร์ดี้ กลับมาเล่นตัวจริงเพื่อเรียกแมทช์ฟิต หลังจากผ่าตัดไส้เลื่อน
แต่เกมในพรีเมียร์ลีก นับเฉพาะ 3 เกมหลังสุด ทั้งการแพ้ ลีดส์ ในบ้าน 1-3, บุกไปชนะ ฟูแล่ม 2-0 และไปเสมอกับ วูล์ฟส์ 0-0 ปรากฏว่า ร็อดเจอร์ส เล่นแบบแบ๊คโฟร์
เกมกับ ลีดส์ ใช้ กาสตาเญ่, โฟฟาน่า, อีแวนส์ และจัสติน จากนั้นเกมกับ ฟูแล่ม และ วูล์ฟส์ ใช้ เปเรยร่า, อีแวนส์, โซยุนคู และจัสติน ส่วนกลางสัปดาห์ในเอฟเอ คัพ เลือก 3 เซ็นเตอร์แบ๊ก คือ โซยุนคู ยืนตัวสุดท้ายใช้ อมาร์ตี้ กับ จัสติน เล่นร่วมเป็นสต็อปเปอร์
เมื่อตามหน้าเสื่อแบบนี้ ร็อดเจอร์ส น่าจะเล่น"แบ๊กโฟร์"มากกว่า แต่พอแบ๊กเจ็บยับขนาดนี้ ทีนี้อยู่ที่ตัวเขาแล้วว่าจะเลือกจัดทีมแบบคิดมากอีกครั้งหรือไม่ เมื่อต้องโคจรมาเจอกับเกมใหญ่ ๆ ลักษณะแบบนี้
วาร์ดี้ ไม่ได้เล่นในเกมลีกมาตั้งแต่ 19 มกราคมจะได้ลงสนามแน่นอนเล่นเป็นหน้าเป้า โดยมีตัวทำเกมที่เล่นได้ลงตัวมากคือ เจมส์ แมดดิสัน, ฮาววี่ย์ บาร์นส์ และยูริ ทีเลมานส์ พวกนี้ลงแน่ อีกสองตำแหน่งน่าสนใจ
วินฟรีด เอ็นดีดี้ ผ่านความฟิตเล่นในเอฟเอ คัพ มาแล้วจะได้ยืนกับ ทีเลมานส์ ทำให้ ฮัมซา เชาดูรี่ กลับไปสำรองหลังจากได้สตาร์ทในลีกมา 2 เกม และหาก ร็อดเจอร์ส เลือกแผน 4-1-4-1 มาร์ค อัลไบรท์ตัน จะได้ยืนด้านขวา แต่ถ้าเล่น 4-2-3-1 อโยเซ่ เปเรซ จะได้เล่น
ประเด็นคือเมื่อตัวเลือกในตำแหน่งแบ๊กหายไป อาจทำให้ ร็อดเจอร์ส ต้องมาคิดอีกทีว่า เซ็นเตอร์ 3 คน อาจเป็นตัวเลือกของทีมอีกครั้งหรือไม่ นั่นคือการใส่ คริสเตียน ฟุคส์ ไปยืนเป็นสามเซนเตอร์ร่วมกับ คัลลาร์ โซยุนคู และจอนนี่ อีแวนส์
วิงแบ๊กก็อาจจะต้องปรับกันอีกที อัลไบรท์ตัน อาจจะไปยืนซ้าย เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ของ ริคาร์โด้ ปาเรยร่า อย่างเหมาะเหม็งที่สุด
ทางฝั่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เพิ่งออกมาเปิดเผยเรื่องเศร้าจากการสูญเสียคุณแม่ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่คุมทีมโดยไม่บอกใครมา 3 สัปดาห์ ทำให้นักเตะทุกคนในทีมจะต้องเร่งฟอร์มเพื่อกำชัยให้กับความทุ่มเทของกุนซือ และสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ต้องคว้าชัยชนะเพื่อทีมที่ผลงานไม่ค่อยสู้ดีนัก
แพ้ติด ๆ กันในถิ่นตัวเอง 2 นัด โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่โดน แมนฯซิตี้ ถล่มคารัง 1-4 ทำให้ยอดรวมตอนนี้ แอนฟิลด์ที่แกร่งดุจภูผาก็พังมา 3 นัดติดหนแรกในรอบกว่า 20,000 วัน
ความไม่พร้อมและรุงรังไปหมดนั่นก็คือ ปริศนาในเกมรับ เมื่อ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โฌแอล มาติ๊ปและ โจ โกเมซ ปิดเทอมยาว แต่ คล็อปป์ ยังไม่เลือกเซ็นเตอร์คนใหม่ลงสนามที่ซื้อในวันเดธไลน์ เดย์ นั่นคือ โอซาน คาบัค ที่ยืมจากชาลเก้ และเบน เดวิส กองหลังจากเปรสตัน แต่เชื่อว่าเกมนี้ 1 ใน 2 คนนี้จะได้ลงตัวจริง คาดว่า คาบัค จะได้สตาร์ทร่วมกับ ฟาบินโญ่
แต่เมื่อ ฟาบินโญ่ เดี้ยงไปอีกคน เอาล่ะ.....มันจะถึงเวลาแล้วใช่มั๊ยสำหรับ คาบัค กับ เดวิส
ตำแหน่งในแดนกลางจึงน่าสนใจมาก ถ้าหากว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้กลับไปประจำการณ์ตรงนั้นจริง ๆ เขาจะได้ยืนตรงจุดไหนกันแน่
นั่นคือ มิดฟิลด์ตัวกลางที่ ฟาบินโญ่ เคยยืนไว้ หรือไปเล่นตัวบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ด้านขวา ที่สร้างชื่อให้เขา หลังจากถูกดูแคลนฝีเท้ามานาน เพราะตอนนี้ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ที่เคยเล่น บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ด้านซ้าย กำลังมายืนปักเป็นตัวตรงกลางได้ลงตัว โดยมี ธิอาโก้ อัลคันตาร่า เป็นตัวยืนแนบฝั่งซ้าย
อย่างไรก็ดี เมื่อเสีย นาบี เกอิต้า ตัวทะลวงชั้นดีที่เจ็บยาวตั้งแต่เกมยำ พาเลซ 7-0 รวมถึงบอลที่ทะยานจากทางลึกเข้าไปเสริมเร็วของ ดีโอโก้ โชต้า ก็เจ็บเช่นกัน
ทำให้บอลต่างสไตล์ได้หายไปจากทีมเป็นเวลาจะ 2 เดือนแล้ว
ทำให้ทีมยังต้องเล่นมุกเดิมมุกเดียวนั่นคืออาศัย 3 ประสานหินเหล็กไฟ
การเข้าไปอยู่พื้นที่สุดท้าย และพื้นที่อันตรายของนักเตะลิเวอร์พูล จึงมีค่อนข้างน้อย การเล่นสไตล์เดิมที่ ”ตัวเปลี่ยนเจ็บหมด” ทำให้ คล็อปป์ เคยสร้างอาวุธจนคนอื่นรับมือไม่ได้ มาในตอนนี้”เหมือนตีบตัน” เพราะโดนจับได้ไปหมดแล้ว
นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล นัดนี้จะจัดยังไงก็จะ”กำปั้นทุบดิน”เล่น 4-3-3 ส่วน เลสเตอร์ จะเล่นในสไตล์ไหนนี่ยังน่าสนใจมาก ๆ และการจัดตัวเพื่อสู้เกมใหญ่ทีไรไปทุกทีของ ร็อดเจอร์ส จะเกิดอีกหรือเปล่า ต้องตามติดคอยดูกัน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-2-1): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล- จอนนี่ อีแวนส์, คักลาร์ โซยุนคู, คริสเตียน ฟุคส์-ริคาร์โด้ เปเรยร่า, วิลฟรีด เอ็นดีดี้, ยูริ ทีเลมานส์, มาร์ค อัลไบรท์ตัน-เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วีย์ บาร์นส์ และเจมี่ วาร์ดี้
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสซอน เบ็คเกอร์-เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน-ธิอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์-โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
สถิติการดวลแข้งกัน ลิเวอร์พูล ชนะ 50 เสมอ 25 เลสเตอร์ ชนะ 39 โดยเฉพาะ 7 เกมหลังสุดที่พบกัน ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ และชนะไป 5 เกม ส่วน ซีซั่นนี้เจอกันนัดแรกที่แอนฟิลด์ หงส์ชนะเด็ดขาด 3-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ จอนนี่ อีแวนส์ และอีกสองเม็ดจาก ดีโอโก้ โชต้า กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
บิ๊กแมทช์ที่มาพร้อมกับปัญหาวุ่นวายในแนวรับ แต่นี่คือแมทช์ที่สำคัญสุด ๆ ของ ลิเวอร์พูล มากกว่า เลสเตอร์
“เราจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งและเราจะลองอีกครั้ง!!!" คล็อปป์ กล่าวประมาณว่า รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง
ฟุตบอลยังเหลืออีกเยอะในซีซั่นนี้ แต่ ลิเวอร์พูล จะมาแพ้ติด ๆ กัน 3 เกมรวดในลีก ไม่สมควรยิ่ง โดยเฉพาะกับบรรยากาศในทีมที่รู้ว่า ผู้นำอย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเก็บเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตไว้ในอกตั้งแต่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
จนทุกคนเพิ่งมารู้ว่า แม่ของคล็อปป์ เสียชีวิตและทำพิธีไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทุกคนจึงไม่ใช่เล่นเพื่อชัยชนะของตัวเอง เพื่อทีม และเพื่อแฟนบอล
แต่ต้องเล่นเพื่อ”หัวใจ”ของ”ผู้จัดการทีม”..............
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี