ฟุตบอลลีกสูงสุดบนแผ่นเมืองเบียร์ ได้ฤกษ์กลับมาดวลแข้งกันอีกครั้ง นับเป็นปีที่ 60 ในยุคของบุนเดสลีกา และเป็นปีที่ 113 ของฟุตบอลระดับอาชีพลีกของเยอรมนีปีนี้ บุนเดสลีกา ยังคงมี 18 ทีมเหมือนเดิม โดยน้องใหม่หน้าเดิมที่ขึ้นชั้นมาก็คือ “ราชันสีน้ำเงิน” ชาลเก้ 04 กับ“นกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน ซึ่งทุกทีมก็หวังจะโค่นบัลลังก์แชมป์ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่กวาดแชมป์ถึง 10 สมัยติดต่อกัน

การต่อกรครั้งนี้ แฟนบอลชาวไทยติดตามได้ที่ PPTV HD ช่อง 36 ถ่ายทอดสดสัปดาห์ละ 2 นัดทุกสัปดาห์ และที่สำคัญคือ “ชมฟรี”!!!!!!!

l โปรแกรมการดวลแข้งเปลี่ยนไป

บุนเดสลีกา ปีนี้เริ่มต้นซีซั่นในวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคมนี้เตะไปจนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ รวมทั้งสิ้น 15 นัด จากนั้นจะเข้าสู่การพักเบรก เพื่อเข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย วันที่21 พฤศจิกายน ไปจนถึง 18 ธันวาคม 2022 และกลับมาเตะกันอีกครั้งในวันที่ 20 มกราคม เท่ากับว่า ฟุตบอลเมืองเบียร์จะพักยาวถึง 10 สัปดาห์เลยทีเดียว

ก่อนจะปิดท้ายฤดูกาลนี้ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2023

l ผู้จัดการทีมเปลี่ยนมือ

มีถึง 7 ทีมที่เปลี่ยนมือผู้คุมทัพในปีนี้ “หญิงชรา” แฮร์ธา เบอร์ลิน เลือก ซานโดร ชวาร์ซ เข้ามาทำงาน หลังจาก เฟลิกซ์มากัธ จอมขมังเวทย์ เสร็จภารกิจพาทีมหนีตายได้สำเร็จ, เอ็นริโกมาเบน เข้ามารับงานกับ เอฟซี เอาก์สบวร์ก, ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ อดีตกุนซือนอริช มารับงานใหญ่ที่ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค แทนที่ อาดี้ ฮึตเติ้ล, นิโก้ โควัช คัมแบ๊กลีกเบียร์หลังจากโดนปลดที่ บาเยิร์นฯ ปี 2019 มาทำงานร้อนที่ “หมาป่า” โวล์ฟสบวร์ก, อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ หวนคืนถิ่นเบียร์เช่นกัน มาอยู่ที่ “หมู่บ้านหรรษา” ฮอฟเฟ่นไฮม์

ขาใหญ่ไล่แชมป์อย่าง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์แยกทางกับ มาร์โก้ โรเซ่อ และไม่ไปไหนไกลเมื่อให้ เอดิน เตอร์ซิซทำงานอีกครั้ง หลังจากเคยคุมทัพแบบแคร์เทคเคอร์ ปี 2021 และขยับเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคเมื่อก่อน

อีกทีมคือ “ราชันสีน้ำเงิน” ชาลเก้ แต่งตั้ง แฟรงค์ คราเมอร์มาทำงาน หลังจาก ไมค์ บุสเคนส์ ที่คุมทีมชั่วคราวหมดสัญญา โดยสร้างผลงานเอกอุด้วยการชนะถึง 7 จาก 8 นัดสุดท้ายพาทีมขึ้นชั้น

l ‘ไนกี้’ ยึดแชมป์ผลิตชุดแข่ง

แม้ว่าแบรนด์ “อาดิดาส” จะดังคับโลก แต่ในลีกสูงสุดถิ่นตัวเอง แบรนด์3แถบผลิตให้เพียงแค่ 3 สโมสรเท่านั้นนั่นคือ บาเยิร์นฯ, อูนิโอน เบอร์ลิน และชาลเก้ 04 รวมถึงแบรนด์เจ้าถิ่นอีกยี่ห้อมคือ “พูม่า” มีอยู่ 2 ทีมที่ใช้บริการด้วยก็คือดอร์ทมุนด์ และกลัดบัค ส่วนอีกหนึ่งแบรนด์ท้องถิ่น ยาโก้ จับมือกับ สตุ๊ตการ์ท

แบรนด์เสื้อที่เข้ามายึดสัมปทานได้มากที่สุดคือ “ไนกี้” ประกอบด้วย เอาก์สบวร์ก, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, แฟร้งค์เฟิร์ต,ไฟร์บวร์ก, ไลป์ซิก, โวล์ฟสบวร์ก

ที่เหลือนั้นมีอีกถึง 6 แบรนด์ที่เข้ามาในลีกเบียร์ นั่นคือ มิซูโน่ ของญี่ปุ่น กับ โบคุ่ม, โจมา จากสเปน กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์, ฮัมเมิลส์ จากเดนมาร์ก กับ เอฟซี โคโลญจน์, แคปป้า จากอิตาลีกับ ไมนซ์ และสองแบรนด์จากอังกฤษ อัมโบร กับ แวร์เดอร์ เบรเมน และ คาสตอร์ กับ เลเวอร์คูเซ่น

l ใครจะโค่นบัลลังก์ ‘เสือใต้’

การเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์อย่างแท้จริง แต่บัลลังก์บุนเดสลีกา ยังเป็นของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค มาตลอด 10 ปีหลังสุด

ใครจะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ปัจจัยมาจาก 2 ประการสำคัญจริง ๆ

1.บาเยิร์นฯ มีมาตรฐาน

2.คู่แข่งรักษามาตรฐานไม่ได้

บาเยิร์นฯ ถูกขยับเข้าใกล้มาในทุกขณะ การได้แชมป์ใน 2 ปีหลังไม่ได้ง่าย ซึ่งมันง่ายก็แค่ “ผลลัพธ์” กับ “วิธีทำ” เดิมที่ทุกคนมองมากกว่า “วิธีการ”

คู่ปะทะตรงอย่าง ดอร์ทมุนด์ กับ ไลป์ซิก มีปัญหาด้วยตัวของพวกเขาเอง นั่นเพราะวิธีการทำทีมของพวกเขาคือ ทำมาแล้วก็ขายไป แต่ปีนี้ บาเยิร์นฯ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญแม้จะได้ตัวพลิกสถานการณ์ชั้นดีอย่าง ซาดิโอ มาเน่ เข้ามา

แต่พวกเขาสูญเสียตัวโป้งปิดบัญชีอย่าง โรเบิร์ตเลวานดอฟสกี้ ออกไป

แนวทางการเล่นต้องเปลี่ยนแน่นอน เพราะมี “ตัวเคลื่อน”แต่ไม่มี “ตัวเป้า” ในแมทช์ที่ตื้อตันอาจจะมีปัญหาหรือไม่และปีก่อน ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ทำทีมบทจะแพ้ก็แพ้ดื้อๆมาหลายเกม

ดังนั้นมันไม่ได้อยู่ที่คำพูดที่ว่า “เตะยังไง บาเยิร์นฯ ก็ได้แชมป์”

แต่มันอยู่ที่คู่แข่งด้วยว่า พวกคุณพร้อมขนาดไหนกับการบดบี้ขยี้แชมป์ เนื่องจาก ดอร์ทมุนด์ ก็เสีย เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ไปจากทีม และตัวที่มาแทนอย่าง เซบาสเตียน อัลแลร์ ก็ถูกตรวจพบเนื้อร้ายต้องเข้ารับการรักษา

นี่คือปัจจัยสำหรับการล่าถาดแชมป์

บี แหลมสิงห์