‘ฟ้าขาว’ระทึก
ลุ้นแข้ง‘เมสซี่’ร่ายมนต์
หักด่านโปแลนด์เข้ารอบ
ซาอุฯหวังทะลุ 16 ทีมบอลโลก
การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 ที่ประเทศกาตาร์ ในวันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2022 เป็นการเตะนัดสุดท้ายของ 2 กลุ่ม “ฟ้าขาว”อาร์เจนติน่า แชมป์โลก 2 สมัย ต้องชนะให้ได้ก่อนในการเจอกับ “อินทรีขาวแห่งยุโรป” โปแลนด์ ที่ขอแค่คะแนนเดียวจะเข้ารอบ ซึ่งปรีวิวการดวลแข้งมีดังต่อไปนี้
เริ่มจากการเตะกลุ่มดี นัดสุดท้าย เวลา 22.00น.“ไก่ทองคำ”ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์เก่า ที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว พบกับ “อินทรีแห่งคาร์เธจ” ทีมชาติตูนิเซีย ที่มีแค่1คะแนน จากการเสมอ 1 แพ้ 1 โดย ตูนิเซีย ยังลุ้นเข้ารอบโดยมีเงื่อนไขคือชนะเก็บ 3 แต้มในเกมนี้ แต่ต้องชนะด้วยสกอร์เยอะ ๆ และไปลุ้นออสเตรเลียไม่ชนะเดนมาร์ก เกมนี้ตามรายงานทีมของ จาเลล คาดรี้ ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บตัวหลักอยู่กันครบ คาดว่าจะยึดระบบการเล่นเดิม 3-4-2-1 นำโดย โมฮาเหม็ด ดราเกอร์, เอลเยส สคิรี่, ไอส์ซ่า ไลดูนี่, อาลี อั๊บดี้, ยุสเซฟ เอ็มซัคนี่, นาอิม สลิตี้ และอิสซาม เจบาลี่
ทางฝั่ง ทีมชาติฝรั่งเศส การันตีการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่คว้าแชมป์กลุ่ม เพราะหากแพ้เกมนี้แล้วออสเตรเลียชนะเดนมาร์ก ต้องไปดูประตูได้เสีย เกมนี้ไม่มี ลูก้าส์ แอร์กนองเดซ ที่เจ็บหนักถอนตัวออกไปแล้ว นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะโรเตชั่นทีมบางตำแหน่ง ราฟาเอล วาราน และดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ น่าจะได้พัก ส่ง อิบราฮิม่า โกนาเต้ ลงคุมแนวรับร่วมกับ ฌูลส์ คุนเด้ แดนกลางวาง เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า เล่นกับยูซุฟ โฟฟาน่า โดยมี คิงสลีย์ โกมาน, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบาปเป้และมาร์คุส ตูราม เป็นแนวรุก สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 5 ครั้งเป็นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด ฝรั่งเศส ชนะ 2 เสมอ 2 และตูนิเซีย ชนะ 1
อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน เตะพร้อมกัน 4 ทุ่ม “ซ็อคเกอร์รูส์” ทีมชาติออสเตรเลีย ชัยชนะเหนือ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมล่าสุดทำให้พวกเขามี 3 คะแนน เจอกับ “โคนม” ทีมชาติเดนมาร์ก ที่มีแค่คะแนนเดียว โดย ออสซี่ ถือว่าได้กุมชะตาชีวิตของตัวเองขอแค่ไม่แพ้ และตูนิเซีย ไม่ชนะฝรั่งเศส พวกเขาจะเข้ารอบทันที เกมนี้ไม่มี นาธาเนี่ยล แอตคินสัน แบ็กขวาที่บาดเจ็บ ทำให้ ฟราน คาราซิซ จะได้ประจำการต่อไป นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรมาในระบบ 4-4-1-1 นำโดย แมทธิว เลคกี้, แจ็คสัน เออร์ไวน์, แอรอน มอย, เคร็ก กู๊ดวิน, ไรลีย์ แม็คกรี และมิทเชลล์ ดุ๊ก
ทางฝั่ง “โคนม” เดนมาร์ก ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังใน 2 เกมที่ผ่านมา เสมอ 1 แพ้ 1 ยังไม่ชนะใครมี 1 แต้ม เกมนี้ต้องชนะเท่านั้นเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไป พวกเขาไม่มี โธมัส เดลานีย์ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่บาดเจ็บตั้งแต่นัดแรก ส่วน ซิมง เคียร์ ที่หายไปในเกมพ่ายฝรั่งเศสน่าจะได้รับมาเป็นตัวจริงในแนวรับ นอกนั้นอยู่กันครบมาในระบบ 3-4-2-1 ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค คุมแดนกลางร่วมกับ คริสเตียน เอริคเซ่น สามแนวรุกใช้ มิคเคล ดามสการ์ด, เยสเปอร์ ลินด์สตรอม และอันเดรียส คอร์เนลลิอุส
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 4 ครั้ง เดนมาร์ก ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 หนล่าสุดคือฟุตบอลโลก 2018 ในรอบแบ่งกลุ่มเสมอกันไป 1-1
จากนั้นในเวลา 02.00น.’ฟ้าขาว’อาร์เจนติน่า ที่มี 3 แต้ม จะดวลศึกชี้ชะตากับ โปแลนด์ โดยที่ “อินทรีขาว” รั้งจ่าฝูงของกลุ่มซี มีอยู่ 4 คะแนน จากการชนะ 1 เสมอ 1 เกมล่าสุดดับซ่า ซาอุดีอาระเบีย 2-0 ตามรายงานเกมนี้ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ คาดว่าพวกเขาจะยึดไลน์อัพชุดเดิมในระบบ 4-2-2-2 คริสเตียน เบลิค และเกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวี๊ยค ทำหน้าที่ตัดเกมแดนกลาง เกมแรกฝากความหวังไว้ที่ ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ และเปอร์เซมิสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ เป็นตัวปั้นเกมรุกป้อนบอลให้คู่หัวหอกอย่าง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ฝั่ง “ฟ้าขาว” ทำได้สำเร็จกับการคว้า 3 คะแนนแรกในฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการบด “จังโก้” เม็กซิโก 2-0 พวกเขาตั้งเป้าคว้าชัยชนะเพื่อลุ้นเข้ารอบแบบไม่ต้องไปลุ้นผลอีกสนาม เกมนี้ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ แต่อาจจะปรับแค่ตำแหน่งเดียว กุยโด้ โรดริเกซ น่าจะกลับไปนั่งสำรองเปิดทางให้ เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ ดาวรุ่งที่ฟอร์มดีลงคุมแดนกลางร่วมกับ โรดริโก้ เด ปอล และอเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ โดยมี ลีโอเนล เมสซี่ เป็นตัวปั้นเกมรุกประสานงานกับ อังเคล ดิ มาเรีย และเลาตาโร่ มาร์ติเนซ สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 11 ครั้ง อาร์เจนติน่า ชนะได้ 6 เสมอ 2 และโปแลนด์ ชนะ3
อีกหนึ่งเกม “อินทรีทะเลทราย” ซาอุดีอาระเบีย ลุ้นเข้ารอบกับ “จังโก้” เม็กซิโก โดย ซาอุฯ ออกสตาร์ทเกมแรกด้วยการเอาชนะอาร์เจนติน่าแบบช็อคโลก แต่นัดสองพ่ายให้กับโปแลนด์ ทำให้มี 3 คะแนน ทีมของ แอร์กเว เรอนาร์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อับดูเลลาห์ อัล-มัคกี้ มิดฟิลด์ตัวรับที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ส่วน ยาสเซอร์ อัล-ชาห์รานี่ และซัลมาน อัล-ฟาราจ์ ที่บาดเจ็บ นอกนั้นอยู่ครบ นำโดย นาสเซอร์ อัล-ดอว์ซารี่, เฟราส อัล-บรีกาน, ซามี อัล-นาจี, โมฮาเหม็ด คานโน่, ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี่ และซาเลห์ อัล-เชห์รี่
ทางฝั่ง“จังโก้” ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะมีแค่ 1 คะแนนเท่านั้น เกมนี้ต้องชนะสถานเดียวและไปลุ้นผลอีกคู่ ทีมของ “ตาต้า” มาร์ติโน่ จะไม่มี อันเดรส กวาร์ดาโด้ มิดฟิลด์ตัวเก๋าที่บาดเจ็บ ทำให้ เอริค กูเตียร์เรซ จะได้เล่นแทน ประสานงานกับแกนหลักที่เหลืออย่าง เควิน อัลบาเรซ, เฮคตอร์ เอร์เรร่า, เอ็ดสัน อัลบาเรซ, เฮซุส กัลญาร์โด้, เออร์วิ่ง โลซาโน่ และราอูล ฆิมิเนซ สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 5 ครั้ง เม็กซิโก ไม่เคยแพ้ ชนะ 4 และเสมอ1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี