ในช่วงเดือนมกราคมปี 2024 หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และยุโรป ได้รับผลกระทบเพราะนักเตะจากทวีปเอเชีย และแอฟริกา ต่างก็มีภารกิจต้องกลับไปรับใช้บ้านเกิดของเขาทำศึกเอเชี่ยน คัพ และแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์

แข้งเหล่านี้จะหายหน้าหายตาไปจากทีมเป็นเวลา 1 เดือนเศษ เอเชี่ยน คัพ จะแข่งขันระหว่างวันที่ 12 มกราคม-10 กุมภาพันธ์ ส่วน แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในระหว่างวันที่ 13 มกราคม-11 กุมภาพันธ์ ซึ่งช่วงนี้จะยังมีโปรแกรมลงเล่นตามปกติ ทั้งบอลลีกและบอลถ้วย

มันมีเหตุผลอะไรที่ “ต้องมาแข่ง” ในช่วงผ่ากลางซีซั่น

เอเชียนคัพ หรือ AFC Asian Cup ประจำปี 2023 ครั้งที่ 18 ของการชิงแชมป์ทวีปเอเชีย เป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลจัดขึ้นทุก 4 ปี จัดโดยสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) รอบสุดท้ายมี 24 ทีม

ในตอนแรกรายการนี้จะจัดขึ้นที่จีน ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน-16 กรกฎาคม 2023 แต่สุดท้ายขอยกเลิกเพราะนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้มีการประกาศใหม่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2022 ว่าทัวร์นาเมนท์จะจัดขึ้นที่กาตาร์ แทนที่เจ้าภาพเดิมอย่าง จีน

แต่เนื่องด้วยอุณหภูมิในฤดูร้อน บวกกับการที่กาตาร์ ถูกรับเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน CONCACAF Gold Cup ปี 2023 ทำให้รายการนี้จึงถูกเลื่อนออกไปจัดเป็นระหว่างวันที่ 12 มกราคม-10 กุมภาพันธ์ 2024

โดยยังคงชื่อเดิมไว้สำหรับวัตถุประสงค์ด้านผู้ให้การสนับสนุนและลอจิสติกส์ที่มีอยู่

ขณะที่บอลชิงเจ้าทวีปแอฟริกา หรือ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์(African Cup of Nations) ประจำปี 2023 ที่เราจะเห็นตัวย่อคคือ AFCON2023 หรือ CAN 2023 เป็นครั้งที่ 34 ของการแข่งขันฟุตบอลสมาคมแอฟริกันทุกๆ 2 ปี จัดโดยสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน . เจ้าภาพคือ ไอวอรี่โคสต์ หรือ โกตดิวัวร์ รับหน้าเสื่อครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984

อันนี้สลับซับซ้อนมากกว่า

ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2018 CAF ได้ถอด แคเมอรูน จากการเป็นเจ้าภาพปี 2019 เนื่องจากขาดความคืบหน้าในการเตรียมการเป็นเจ้าภาพ แล้วให้ อียิปต์ เป็นเจ้าภาพแทน

CAF ยอมรับข้อเสนอที่ แคเมอรูน จะเป็นเจ้าภาพขยับมาปี 2021 ทำให้มีการขยับเจ้าภาพตามลำดับไหล่

ไอวอรี่โคสต์ จากเดิมจะเป็นเจ้าภาพปี 2021 เลื่อนมาเป็น 2023

กินี จากเดิมจะเป็นเจ้าภาพปี 2023 เลื่อนไปเป็น 2025 แต่ตอนนี้ กินี ไม่พร้อมและปล่อยจอยให้กับ โมร็อกโก จัดแทนแล้ว

ประเด็นคือ เมื่อ ไอวอรี่ โคสต์ ต้องขยับปีมาจัด พวกเขาเซ็ตงบประมาณใหม่ และขอเจรจรเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2019 กับ CAF ก่อนจะลงตัวว่า ยืนยันการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาแข่งมาเป็นต้นปี เหมือนกับเมื่อ 2 ปีก่อนที่ แคเมอรูน เป็นเจ้าภาพ นั่นเพราะสภาพอากาศนั่นเอง

หลายรายการบนโลกใบนี้เราจะได้ยินข่าว “เจ้าภาพยกเลิก”กันบ่อยมาก ในหลากชนิดกีฬา ดังนั้น ก็ควรจะ “ลงโทษ” เพื่อไม่ให้เป็นวงจรอุบาทว์ที่ระบาดไปทั่ว โดยบิดเพื่อต้องการที่จะ “ได้ชื่อเสียง”เพียงอย่างเดียว แต่ไร้ความรับผิดชอบ

สรุปผลแบ่งกลุ่ม แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2023 มีทั้งหมด 24 ชาติเข้าร่วมการดวลแข้ง

กลุ่ม เอ : ไอวอรี่ โคสต์ (เจ้าภาพ), ไนจีเรีย, อีเควทอเรียล กินี, กินี-บิสเซา

กลุ่ม บี : อียิปต์, กานา, กาบูเวร์ดี, โมซักบิก

กลุ่ม ซี : เซเนกัล, แคเมอรูน, กินี, แกมเบีย

กลุ่ม ดี : แอลจีเรีย, บูร์กินาฟาโซ, มอริเตเนีย, แองโกลา

กลุ่ม อี : ตูนิเซีย, มาลี, แอฟริกาใต้, นามิเบีย

กลุ่ม เอฟ : โมร็อกโก, ดีอาร์ คองโก, แซมเบีย, แทนซาเนีย

เซเนกัล มาป้องกันแชมป์ด้วยความแตกต่างอย่างแท้จริงจาก 2 ปีก่อน นั่นคือ 3 แกนหลักที่เคยปักหลักใหญ่ในยุโรป นาทีนี้ไปอยู่ ซาอุดีอาระเบีย กันทั้งหมดแล้ว

ซาดิโอ มาเน่ ของอัล-นาสเซอร์, คาลิดู คูลิบาลี่ ของ อัล-ฮิลาล และเอดูอาร์ด เมนดี้ ของอัล-อาห์ลี พวกเขายังเป็นเต็ง 1 ตามมาโดย โมร็อกโก บิ๊กเซอร์ไพรส์อันดับ 4 จากบอลโลก, แอลจีเรีย,ไอวอรี่ โคสต์ เจ้าถิ่น และอียิปต์ ที่นำโดย “คิงโม” โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ขณะที่ “เอเอฟซี เอเชี่ยน คัพ 2023” ที่กาตาร์ ก็มีทั้งหมด 24 ชาติเข้าร่วมการดวลแข้งเช่นเดียวกัน

กลุ่ม เอ : เจ้าภาพกาตาร์ (แชมป์เก่า), จีน, ทาจิกิสถาน, เลบานอน

กลุ่ม บี : ออสเตรเลีย, อุซเบกิสถาน, ซีเรีย, อินเดีย

กลุ่ม ซี : อิหร่าน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฮ่องกง, ปาเลสไตน์

กลุ่ม ดี : ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, อิรัก, เวียดนาม

กลุ่ม อี : เกาหลีใต้, มาเลเซีย, จอร์แดน, บาห์เรน

กลุ่มเอฟ : ซาอุดีอาระเบีย, *ทีมชาติไทย*, คีร์กีซสถาน, โอมาน

ญี่ปุ่น ยังถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่ง ในฐานะที่ฟอร์มร้อนแรงกำชัย 9 เกมติดในระดับชาติจนเป็นสถิติใหม่ของประเทศ และยกขุนพลชั้นดีจากยุโรปมาร่วมทัพแบบคับคั่ง

เกาหลีใต้ ของ ซน ฮึง มิน เป็นเต็ง 2 ตามด้วย ออสเตรเลีย บอลแกร่งๆ ยุคไม่มีสตาร์, อิหร่าน และ ซาอุดีอาระเบีย

ส่วนทีมไทย อยู่ในฐานะของเต็ง 19 เหนือกว่า มาเลเซีย,ทาจิกิสถาน, อินโดนีเซีย, คีร์กิซถาน และฮ่องกง ซึ่งก็ไม่แปลก

เห็นอยู่ทุกวัน เขียนให้อ่านทุกวัน เล่าให้ฟังทุกวัน ก็คงจะเข้าในได้ถึงสถานการณ์

นี่คือที่มาของ 2 รายการที่มาผ่ากลางปล้องซีซั่นบอลยุโรป แบบไม่ได้เจตนา หรือหามีตั้งใจไม่

ปรากฏว่า สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มี 3 ทีมที่ไม่ได้รับผลกระทบตรงนี้ คือ เบิร์นลี่ย์, แมนฯซิตี้ และนิวคาสเซิ่ล เพราะไม่มีนักเตะที่ต้องไปรับใช้ชาติ

ที่เหลือถือว่า ชนแบบไม่เหลือ มีมากมีน้อยมีความสำคัญแตกต่างกันออกไป

ถามว่ากระทบมั้ย

มีแต่พวกสีข้างถลอกเท่านั้นแหล่ะที่บอกว่า ไม่มี!!!!

บี แหลมสิงห์