แชมป์เก่าฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือฟุตบอลยูโร ยังคงมีแค่ “สเปน” ทีมเดียวเท่านั้นที่ป้องกันแชมป์ได้

นั่นคือปี 2012 หลังจากได้แชมป์ก่อนหน้านั้นคือ 2008

อิตาลี กลายเป็นเหยื่อแชมป์เก่าทีมล่าสุด ที่ต้องกลับบ้านด้วยความผิดหวัง แต่ด้วยองค์รวมทั้งหมดแล้ว “ไม่แปลก”ที่พวกเขาจะตกรอบ

ตอกย้ำกับฟุตบอลยูโรในครั้งนี้ว่า สตาร์เด่น กับ ระบบทีม เป็นสิ่งที่สำคัญ ในรอบแรกนั้น “อย่างหลัง” สำคัญกว่า

แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ อิตาลี ไม่มีทั้งสองอย่าง

1.สตาร์เด่น ของพวกเขาไม่มีเลย ดังสุดกลางเป็นโลกออนไลน์ที่ยกย่อง ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ปราการหลังดาวรุ่ง ที่พลาดการลงสนามในรอบน็อกเอาท์ เพราะติดโทษแบนจาก 2 เหลืองในรอบแรก

2.ระบบทีมอันนี้สำคัญอย่างยิ่ง และน่าตกใจว่า ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ จะมาพลาดง่ายๆ และเหมือนเอาชื่อมาทิ้งในศึกนี้ที่เบอร์ลิน

สปัลเล็ตติ ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงจากสื่ออิตาลี เพราะนอกจากจะหาสตาร์เด่นให้คนเห็นไม่มีแล้ว ยังมีวิธีการที่ไม่ชัดเจน ทั้งที่ทีมนี้มีนักบอลที่สามารถที่จะเล่นได้หลายระบบ

นักบอลสามารถปรับตัวเข้ากับหลาย ๆ แผนได้ดี แต่การปรับไปปรับมาทำให้เกิดการสับสนใจแท็กติกตัวเอง

11 ตัวจริงหาไม่เจอ และผู้นำในแต่ละแดนไม่มีเลย

กลายเป็น อิตาลี ที่สู้ สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ได้ทุกกระบวนท่า โดยเฉพาะการแก้เพรส ที่ทำอย่างไรก็แก้ไม่ตก

ระดับแท็กติกของสวิตเซอร์แลนด์ ต้องบอกว่า เล่นได้บ้าคลั่ง วิธีการเล่น 3-4-3 สองคนจากแดนบนช่วยมาบีบ มิดฟิลด์วิ่งไปรอบๆ โดยมี กรานิต ชาก้า เป็นเข็มทิศ พวกเขาสามารถเล่นในพื้นที่ว่าง และสร้างพื้นที่ให้กันอย่างต่อเนื่อง น่าแปลกใจที่สุดก็คือ สถานการณ์ 1 ต่อ 1 พวกเขาชนะหมด

มูรัต ยาคิน รักษาสมดุลของทีม ด้วยการเคลื่อนที่เป็นบล็อกทุกๆ วินาทีของเกม ซึ่งต้องมาจากวินัย และความอดทนสูงมาก จุดนี้มันถูกสร้างขึ้นมาจากทีมที่เป็นรอง และสิ่งที่สำคัญของคุณที่จะต่อกรกับยักษ์ใหญ่ได้นั่นคือ ทัศนคติ

ตรงกันข้ามที่ อิตาลี ไม่มีเลยทั้ง แผนเกม, การลงเล่น และทัศนคติที่แพ้อย่างราบคาบ

สำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีนัดไหนเลยในยูโรหนนี้ที่พวกเขาเล่นได้ประทับใจ

ปี 2006 พวกเขาได้ฉลองชัยเป็นแชมป์โลกที่สนามแห่งนี้อย่างยิ่งใหญ่

ปี 2024 มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง......

บี แหลมสิงห์