"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี  สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลยุโรป ด้วยการผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ฤดูกาล 2024-2025 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดในครึ่งหลัง พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ เรอัล เบติส ตัวแทนจากสเปน ไปด้วยสกอร์ขาดลอย 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามทาร์คินสกี้ อารีน่า เมืองวรอตซวาฟ ประเทศโปแลนด์ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ "สิงห์บลูส์" กลายเป็นสโมสรแรกและสโมสรเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ครบทั้ง 5 รายการหลักของยูฟ่า (ประกอบด้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก, คัพ วินเนอร์ส คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก)
 

เกมเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก โดยเป็นฝั่ง เรอัล เบติส ที่ออกสตาร์ทได้อย่างดุดัน และสามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่ อิสโก้ จ่ายบอลสุดสวยให้ อับเด เอซซาลซูลี่ หลุดเข้าไปยิงเสียบมุมอย่างเฉียบคม ส่งผลให้เบติสออกนำ 1-0 และสร้างความกดดันให้เชลซีตลอดครึ่งแรก

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง เชลซี  มารัว 4 ประตูจาก  เอ็นโซ เฟร์นานเดซ น.67 ,นิโคลัส แจ็คสัน น.70 ,เจดอน ซานโช่ น.83 และ มอยเซส ไคเซโด้ น.90    ทำให้จบเกม เชลซี เอาชนะ เรอัล เบติส 4-1 คว้าแชมป์ ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ สมัยแรกไปครองได้สำเร็จ 
ส่วนโคล พาลเมอร์ คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ จากผลงาน 2 แอสซิสต์สุดสำคัญที่ช่วยให้เชลซีพลิกเกมได้อย่างเด็ดขาด

ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับเชลซี นอกจากจะเป็นถ้วยแรกภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนคลีนเลค แคปิตอลแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จของสโมสรที่กวาดแชมป์ระดับยุโรปได้ครบทุกรายการ ได้แก่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (2012, 2021), ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (2013, 2019), คัพ วินเนอร์ส คัพ (1971, 1998), ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และล่าสุด ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2025 โดย รีซ เจมส์ กัปตันทีม เป็นผู้ชูถ้วยแชมป์อย่างภาคภูมิใจ